www.narongthai.com  

www.narongthai.com เป็นเว็บไซต์เชิงวิชาการ ที่สามารถนำอ้างอิงได้ตามหลักวิชาการ                                                                                                                                                                                                                                                                           
 

 ณรงค์ ชื่นนิรันดร์
https://www.facebook.com/profile.php?id=100010475651732
สร้างลิงค์ของโปรไฟล์ในแบบที่เป็นตัวคุณเอง

 

 

 

 

 

 

 สถิติวันนี้ 28 คน
 สถิติเมื่อวาน 33 คน
 สถิติเดือนนี้
สถิติปีนี้
สถิติทั้งหมด
2685 คน
11715 คน
1704159 คน
เริ่มเมื่อ 2010-01-13

ตัวอย่าง
การวิเคราะห์ข่าว
เหตุการณ์วันที่ 15-16 มิ.ย.49 ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้
โดย ณรงค์ ชื่นนิรันดร์ ผู้สื่อข่าว 8 ว


การระเบิดเกิดขึ้นทั้งวันของวันที่ 15 และ 16 มิถุนายน 2549 เป้าหมายอยู่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เฉพาะวันที่ 15 มิ.ย.49 เกิดเหตุการณ์ขึ้นหมด 67 ครั้ง มีการระเบิด การโทรศัพท์ข่มขู่ การลอบยิง โดยมีเป้าหมายการก่อกวนแบบครอบคลุมพื้นที่ ระเบิดส่วนใหญ่มีรุนแรงมาก 3 จุด นอกนั้นเป็นการลอบวางระเบิดในห้องน้ำ ตามสถานที่ราชการการลอบยิง โดยเหตุการณ์ที่ไม่รุนแรงมากนัก

เป้าหมายการก่อกวน
เป้าหมาย ของการวางระเบิด จะอยู่ที่ ภายในห้องน้ำชายที่ว่าการอำเภอ ศาลากลางจังหวัด สถานีตำรวจ ภายในห้องสมุดศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน แฟลตที่พักตำรวจ แฟลตที่พักข้าราชการอำเภอ สถานที่ชุมนุมของทหาร ห้องน้ำชายสถานีรถไฟ หน้าสำนักงานเกษตรอำเภอ ร้านอาหารที่มีเจ้าของเป็นคนไทย เช่นร้านส้มตำ ร้านข้าวแกง ร้านขายของชำ ร้านเซเว่นอิเลเว่น ระเบิดที่นำมาวางเป็นระเบิดอานุภาพต่ำ จุดชนวนด้วยนาฬิกาดิจิตอล ยี่ห้อ คาสิโอ ประกอบชนวนระเบิดกับถ่านไฟฉายขนาด 9 โวลต์ โดยระเบิดจะบรรจุอยู่ในกล่องนมไวตามิ้ลค์ ในซองบุหรี่ยี่ห้อGUD ANG GARAM ใส่ในกล่องกระดาษ ถุงขยะสีดำ ท่อพีวีซี ที่ง่ายต่อการพกพาเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ (ข้อมูลตำรวจภูธรภาค9) การทำลายล้างต่ำส่วนใหญ่ทำให้เกิดเสียงดัง เพื่อข่มขวัญ และสร้างความหวาดกลัว โดยคนร้าย มุ่งหมายว่า นี่คือเป็นการเตือน และเพื่อสร้างสถานการณ์ให้เกิดความสนใจ เท่านั้น บางกระแสถึงกับมีข่าวว่า ผู้ที่นำไปวางเป็นผู้หญิง ที่ถูกฝึกมาอย่างดี แต่การพบระเบิดส่วนใหญ่จะอยู่ในห้องน้ำชาย ไม่น่าจะเป็นผู้หญิง และพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.ให้สัมภาษณ์ว่า(เดลินิวส์ 16 มิ.ย.49) ว่า กองทัพบกจัดวางกำลังไว้ถูกต้องและสมบูรณ์แล้ว แต่คงต้องไปดูว่ามีอะไร ที่ต้องพัฒนาให้ก้าวหน้า และทันสมัยบ้างหรือไม่ แต่ไม่เชื่อว่าจะมีเด็กและผู้หญิงร่วมอยู่ในขบวนการ โดยการวางระเบิดของคนร้ายมุ่งก่อกวน และมุ่งทำร้าย เจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยไม่เลือกว่าคนนั้นจะเป็นคนไทยพุทธหรือไทยมุสลิม

หวังผลปฏิบัติการ ฟ้อง OIC
การหวังผลการก่อกวน ของคนร้าย พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ตั้งข้อสังเกตสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า (มติชน 19 มิ.ย.49) กลุ่มก่อความความวุ่นวายในภาคใต้เลือกจะลงมือปฏิบัติการในช่วงนี้เพื่อเรียกร้องความสนใจจากที่ประชุมระดับ รัฐมนตรีขององค์การการประชุมอิสลาม หรือ OIC ซึ่งเริ่มการประชุมในวันจันทร์ที่ 19 มิถุนายน 2549 ที่กรุงบากู สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน "คนเหล่านี้หาประโยชน์ใส่ตัว จากทุกสถานการณ์ เพราะต้องการให้ตนเองเป็นที่รู้จักโดยเฉพาะสำหรับ OIC "

ในขณะที่นายกิตติ วะสีนนท์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ที่เดินทางไปเตรียมความพร้อมการประชุมระดับรัฐมนตรี OIC ครั้งที่ 33 ที่สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน กล่าวว่า (มติชน 19 มิ.ย.49) "หัวข้อการประชุมระดับรัฐมนตรีโอไอซีในครั้งนี้มีทั้งสิ้น 101 หัวข้อ แต่ไม่มีข้อใด ที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ในประเทศไทย คาดว่าสถานการณ์ในไทยอาจถูกนำไปบรรจุไว้ในรายงานของเลขาธิการโอไอซีเท่านั้น " เมื่อถามถึงข้อสังเกตของผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองที่ว่ากลุ่มก่อความวุ่นวาย เลือกที่จะสร้างสถานการณ์ในช่วงนี้ เพราะต้องการให้เป็นที่รู้จักของโอไอซีซึ่งกำลังจะประชุมประจำปีอีกครั้ง นายกิตติ กล่าวว่า "โอไอซี ประณามการใช้ความรุนแรงและกลุ่มหัวรุนแรง "

วันเดียวกัน นายเอ็กเมเลดดิน อิห์ซาโนกลู เลขาธิการองค์การการประชุมอิสลาม (โอไอซี) แสดงความห่วงกังวลอย่างยิ่ง เกี่ยวกับสถานการณ์ในภาคใต้ของไทย ในระหว่างการกล่าวรายงานต่อที่ประชุม ในพิธีเปิดการประชุม ระดับรัฐมนตรีโอไอซีครั้งที่ 33 ที่กรุงบากู สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน (มติชนออนไลน์ 20มิ.ย.49) โดยระบุว่า แม้โอไอซีจะส่งคณะ
ผู้แทนเข้ามายังประเทศไทยเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่เกิดขึ้นในภาคใต้ของไทย ตามด้วยการแลกเปลี่ยนจดหมายระหว่างโอไอซีกับรัฐบาลไทยหลายหน แต่สถานการณ์ในภาคใต้ของไทย ก็ยังคงน่าวิตกกังวลอย่างยิ่ง พร้อมกับแสดงความคาดหวังว่า การจัดการกับต้นตอของปัญหา ที่นำไปสู่ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในปัจจุบันของไทย ควรต้องพิจารณาถึงลักษณะ เฉพาะด้านวัฒนธรรม ศาสนา รวมไปถึงภาษาของประชากรในพื้นที่ด้วย

ด้านนายกันตธีร์ ศุภมงคล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึง(มติชน 29มิ.ย.49) การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศองค์การประชุมอิสลาม (OIC)ระหว่างวันที่ 19-21มิ.ย.49 ที่กรุงบากู ประเทศสาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน ว่า ได้มีการหยิบยกปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขึ้นหารือ โดย OIC แสดงความเป็นห่วง พร้อมย้ำในประเด็นคือ 1.ปัญหานี้เป็นเรื่องภายในของไทย ต้องคำนึงถึงบูรณาภาพทางดินแดน 2.ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความขัดแย้งทางศาสนา แต่เป็นการนำศาสนามาเป็นข้ออ้าง รัฐมนตรีมีการพูดถึงขนาดว่ากลุ่มบุคคลที่ใช้ความรุนแรงไม่ใช่มุสลิม 3.แสดงความยินดีที่มีความคืบหน้าในการสร้างความปองดองระหว่างชาวไทยพุทธกับชาวมุสลิมของรัฐบาลและหาทางการไทยต้องการให้โอไอซี เข้ามามีส่วนร่วมตรงไหนก็ยินดี

ท่าทีของ OIC เป็นท่าที ที่เข้าใจสถานการณ์ในภาคใต้ของไทย มาโดยตลอด และยังแย้มความประสงค์ที่ร่วมแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และแน่นอนทางการไทย ไม่ต้องการให้คนนอกเข้ามาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ด้วยเกรงว่า เรื่องความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะยกระดับขึ้นสู่สากล ส่วนความเข้าใจปัญหาของ OIC ก็ยังไม่ทำให้ สถานการณ์ภาคใต้ของไทยสงบลงไปได้ ขบวนการก่อการร้ายยังคง ลงมือปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง ชนิดที่เรียกว่า จะไม่ยุติการก่อการร้าย เพราะขบวนการกระทำชนิดที่ไม่มีการเปิดเผย ทั้งชื่อกลุ่ม ผู้รับผิดชอบ แต่เจ้าหน้าที่ก็รู้ข้อมูลมาจากการจับกุมขยายผล จากคนร้ายที่เข้าร่วมขบวนการ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังการก่อเหตุร้าย ที่เป็นระดับแกนนำ และหลบหนีการจับกุมหลายคน เช่น นายสะแปอิง บาซอ นายมะแซ อุเซ็ง นายแวอาลีคอปเตอร์ วาจิ เป็นต้น และตอนสายของวันที่ 27 มิ.ย.49 เวลา 08.30 น. คนร้ายลอบวางระเบิดชุดรักษาความปลอดภัยครูโรงเรียน
บ้านบูเก๊ะบือราแง บริเวณ

ทำไมต้องระเบิดกวนเมืองใน วันที่ 15 มิ.ย.
สื่อสิ่งพิมพ์หลายฉบับอ้างแหล่งข่าวว่า การก่อเหตุ ในวันที่ 15 มิถุนายน 2549 ที่ผ่านมาเป็นการแสดงศักยภาพของขบวนการ เพื่อรำลึกถึงวันสถาปนารัฐปัตตานี ศูนย์ข่าวอิศรา (ออนไลน์วันที่ 20 มิ.ย.49) ระบุว่า"เบอร์ซาตู" ได้ริเริ่มรวบรวมแกนนำในการจัดตั้งองค์กรที่เป็นตัวแทนของชาวมลายูปัตตานี โดยเริ่มประชุม ร่างระเบียบข้อบังคับว่าด้วย "สมัชชาประชาชนมลายูปัตตานี" โดยในที่ประชุมได้ร่วมร่างระเบียบข้อบังคับขึ้น 5 หมวด 17 มาตรา เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2540 จนกระทั่ง วันที่ 15 มิถุนายน 2540 จึงได้ก่อตั้ง "สมัชชาประชาชนมลายูปัตตานี" หรือ "สภาประชาชนปัตตานี" (MAJLIS PERMESYUARATAN RAKYAT MELAYU PATTANI) หรือเรียกสั้นๆ ว่า MPRMP ซึ่งในขณะนั้นมีฐานที่มั่นอยู่ในเมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมันนีโครงสร้างของ สภาดังกล่าวประกอบด้วย "สภาอุลามา" ทำหน้าที่วินิจฉัย กฎหมายอิสลาม ให้คำปรึกษาต่อประธานและมี "สภาซูรอ" ทำหน้าที่พิจารณาข้อกฎหมายและและระเบียบข้อบังคับ อนุมัติด้านการคลัง โดยทั้งสององค์กรไม่ปรากฏตัวบุคคลรับผิดชอบ ส่วนการบริหารงานนั้นมีคณะกรรมการบริหาร ที่นำ โดย ดร.มาฮาดี ดาโอ๊ะ หรือดร.วัน กาเดร์ เจ๊ะมัน ในฐานะประธาน และ นายแวหามะ แวยูโซะ ในฐานะรองประธาน พร้อมผู้แทนพันธมิตรอีก 8 คน เพื่อเป็นภาคีในการประกาศวันดังกล่าวเป็น "วันชาติ มลายูปัตตานี"ดร.อัศวิน เนตรโพธิ์แก้ว เขียนในหนังสือ ถอดระหัส เบอร์ซาตูปัตตานี (หน้า 14) ระบุว่า วันที่ 15 มิถุนายน 2540 กลุ่มเบอร์ซาตูได้ก่อตั้ง "สมัชชาประชาชนมลายูปัตตานี" MAJLIS PERMESYUARATAN RAKYAT MELAYU PATTANI)หรือ MPRMP เพื่อรวมกลุ่มขบวนการในอาณัติ 7 กลุ่มใหญ่ ประกอบด้วย ขบวนการมูจาฮีดีนอิสลามปัตตานี ขบวนการแนวร่วมอิสลามปลดแอกปัตตานี ขบวนการพูโลใหม่ ขบวนการพูโล 88 หรืออาบูญิฮาด ขบวนการบีอาร์เอ็นครองเกรส ขบวนการบีอาร์เอ็นโคออร์ดิเนต และขบวนการบีอาร์เอ็นอูลูมา ให้มีเป้าหมายเป็นหนึ่งเดียว หรือ เบอร์ซาตู โดยมีหัวหน้าคือ นายวัน กาเดร์ เจ๊ะมัน หรือฟาเดร์ เจ๊ะมัน และมี นายแวหามะ แวยูโซะ เป็นรองประธาน ด้าน พล.อ.กิตติ รัตนฉายา อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 เขียนไว้ในหนังสือเปิดโปงจุดไฟใต้ ตั้งรัฐปัตตานี หน้า 66 ระบุว่า "16 กันยายน 2528 แนวร่วมมูจาฮีดีนปัตตานี หรือ BBMP (Barisan Bersatu Mujahidin Patani) ถูกก่อตั้งขึ้นจากกลุ่มบุคคลที่มีแนวคิดที่จะรวบรวมขบวนการต่าง ๆ เข้าด้วยกัน เพื่อให้มีเอกภาพและความเข้มแข็งในการต่อสู้ ภายใต้จุดมุ่งหมายเดียวกัน การปลดแอกจังหวัดชายแดนภาคใต้และสถาปนาเป็น รัฐปัตตานี ดารุลมุอารีฟ ยึดถือแนวทางต่อสู้เพื่อพิทักษ์ความเป็นธรรมตามหลักศาสนาอิสลามหรือเรียกว่า หลักการ ญีฮาด (JIHAD) "

จากข้อมูล เป็นไปได้ว่า กลุ่มที่ลุกขึ้นมาก่อกวนในวันที่ 15-18 มิ.ย.49 โดยการวางระเบิด ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ น่า เชื่อได้ว่าอาจจะเป็นขบวนการเบอร์ซาตู ที่แสดงศักยภาพให้ ที่ประชุม OIC ได้เห็นว่า ภาคใต้มีปัญหาความรุนแรง เพราะ ดร.วันกาเดร์ เป็นคนอำเภอสายบุรีจังหวัดปัตตานี นับว่าเป็นมันสมองคนสำคัญ ของขบวนการ โดยจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา ปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยรัฐปีนัง ประเทศมาเลเซียและจบมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย ณ กรุงแคนเบอร์ร่า มีผลงาน ด้านประวัติศาสตร์และรัฐศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยแห่งชาติมาเลเซีย มีงานวิชาการ ตีพิมพ์ในวารสารสถาบัน เรื่อง ชนกลุ่มน้อยมุสลิม ที่ออกโดยมหาวิทยาลัยแห่งชาติมาเลซีย รวมทั้งเคยสอนวิชารัฐศาสตร์ ในมหาวิทยาลัยอิสลามนานาชาติ ประเทศมาเลเซีย และสอนวิชาประวัติศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยบรูไนดารุสลาม ส่วน ขบวนการมูจาฮีดีนอิสลามปัตตานี อาจจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อเหตุการณ์ครั้งนี้ก็เป็นได้ เพราะมีวันก่อตั้งขบวนการมูจาฮีดีนอิสลามปัตตานี ตรงกับวันที่ 16 กันยายน แต่ทางการไทย โดยคำให้สัมภาษณ์ของ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยืนยันว่าเป็นขบวนการ RKK ที่เป็นผู้ลงมือก่อเหตุ ที่มาของระเบิด ป่วนเมืองที่มาของระเบิด พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา รมต.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว(เดลินิวส์ 15 มิ.ย.49 )ที่ อิมแพ็คเมืองทอง กรุงเทพ ว่า "เจ้าหน้าที่ทราบกลุ่มผู้กระทำความผิดแล้ว และระเบิดที่ใช้เป็นระเบิดที่ประกอบนอกประเทศ แล้วนำมาใช้ก่อเหตุในประเทศไทย เนื่องจากวัตถุระเบิดภายในประเทศ ไม่สามารถนำมาใช้ได้ เพราะทางการมีความเข้มงวด"

ทันทีที่ พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา รมต.มท. ให้สัมภาษณ์ นายไซยิด ฮามิด อัลบาร์ รัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซีย ได้ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเบอร์นามาของทางการมาเลเซีย ว่า (มติชน 19 มิ.ย.49) "การหาแพะรับบาปเพื่อแก้ตัวในสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ช่วยยุติความตรึงเครียดในภาคใต้ของไทย ในทางกลับกันการกระทำเช่นนั้นยิ่งเป็นการซ้ำเติมปัญหาให้เลวร้ายลงมากยิ่งขึ้นอีก การชี้นิ้วกล่าวหาคนกลุ่มโน้นกลุ่มนี้ก็ไม่ใช่หนทางที่จะช่วยให้สันติภาพและความมั่นคงกลับมาในพื้นที่ได้เช่นกัน " นายไซยิด ยังปฏิเสธข้อสังเกตของ พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา รมต.มท.ที่ว่าระเบิดที่ถูกนำมาใช้ก่อความไม่สงบในภาคใต้ ถูกลักลอบนำเข้ามาจากมาเลเซียด้วย แม้นว่าการให้สัมภาษณ์ของพล.อ.อ.คงศักดิ์ ก่อนหน้านี้จะไม่ได้ระบุชื่อประเทศใด ๆ โดยบอกเพียงแต่ ว่าระเบิดที่ถูกนำมาใช้ทำขึ้นในประเทศอื่นเท่านั้น

ถัดมาเมื่อวันจันทร์ที่ 19 มิ.ย.49 พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา รมต.มท. ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเพื่อตอกย้ำคำสัมภาษณ์ของตนเอง อีกครั้งที่ ทำเนียบรัฐบาลว่า (ไทยรัฐ 20 มิ.ย.49) กรณีที่ดาโต๊ะไซยิด ฮามิด อัลบาร์ รัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซีย เรียกร้องขอหลักฐานถ้าเห็นว่ามาเลเซีย มีส่วนเกี่ยวข้องกับวัตถุระเบิดที่ใช้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า "ต้องให้หน่วยงานด้านความมั่นคงไปหารายละเอียดอีกครั้ง" เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าระเบิดที่ใช้ก่อเหตุในพื้นที่นำเข้ามาจากมาเลเซีย พล.อ.อ.คงศักดิ์ ตอบว่า "มีการผสมกันระหว่าง
ของไทยกับมาเลเซีย โดยดูจากวัตถุดิบและสารตั้งต้นที่ใช้ในการผลิต คิดว่าการผลิตน่าจะมาจากนอกประเทศมากกว่าเพราะไทยมีการควบคุมสารตั้งต้นที่จะใช้ในการผลิตวัตถุระเบิด ทำให้หาได้ยาก เหลือแต่ปุ๋ยยูเรียอย่างเดียวที่ยังหาได้ ส่วนสารอื่นๆ มีการควบคุมเข้มงวด จึงต้องนำเข้าจากแหล่งอื่น"

ด้านมาเลเซียพร้อมให้ความร่วมมือไทยเพื่อสร้างสันติสุข และ(เดลินิวส์ออนไลน์21มิ.ย.49) เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.49สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ว่า นายนาจิบ ราซัค รองนายกรัฐมนตรีมาเลเซียระบุว่า ไม่พบหลักฐานว่ากลุ่มก่อความไม่สงบในภาคใต้ของไทยใช้ดินแดนในประเทศมาเลเซียเป็นฐานปฏิบัติการโจมตีและว่า เรากำลังเฝ้าจับตาดูพื้นที่รอบ ๆ ชายแดน ซึ่งไม่ปรากฏสิ่งผิดปกติที่ว่า กลุ่มก่อความไม่สงบดังกล่าว ใช้ดินแดนของเราปฏิบัติการ หรือใช้ดินแดนของเราเป็นฐานฝึกฝนทางทหาร พร้อมกันนั้น รองนายกฯ นาจิบ ที่ได้หารือกับพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบกของไทย ตอบคำถามผู้สื่อข่าวด้วยว่า เราจะไม่ตอบโต้ต่อข้อกล่าวหาใด ๆ และมาเลเซียจะเสนอความร่วมมือกับไทย เพื่อสันติสุขตามแนวชายแดนของสองฝ่าย กระนั้น เราจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะถือเป็นเรื่องภายในของไทย

คำให้สัมภาษณ์ ของ พล.อ.อ.คงศักดิ์ ขัดแย้งกับ คำให้สัมภาษณ์ของ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรี (เดลินิวส์ 16 มิ.ย.49) ที่ว่า เหตุการณ์ ระเบิดที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของกลุ่มอาร์เคเค (RKK) ซึ่งเป็นกองกำลังประจำถิ่นที่ต้องการแสดงศักยภาพข่มขวัญชาวบ้าน แต่ยืนยันได้ว่าไม่มีการลักลอบนำระเบิดมาจากต่างประเทศ ห่างกันไม่นาน พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ ให้สัมภาษณ์ (เดลินิวส์ 16 มิ.ย.49) สนับสนุน คำสัมภาษณ์ของพล.ต.อ.ชิดชัย ว่า ระเบิดที่ใช้ไม่ใช่ระเบิดซีโฟร์ที่ผสมสาร RDX จากต่างประเทศ ระเบิดที่ใช้เป็นระเบิดธรรมดา ไม่ใช่ระเบิดซีโฟร์ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่พบว่ามีความเชื่อมโยงกับภายนอกประเทศ

และเป็นคำยืนยันที่ชัดเจนว่า การทำระเบิดประกอบในประเทศไทย ไม่ใช่ประกอบมาจากต่างประเทศ แต่สารตั้งต้นนั้นอาจจะนำมาจากต่างประเทศ เพราะกลุ่มคนร้ายที่ทำระเบิดเกิดพลาดทำให้เกิดระเบิดก่อนเวลา(ข่าวINN19มิ.ย.49)โดยมีรายงานว่าเมื่อช่วงหัวค่ำที่ผ่านมา(19มิ.ย.49 )เกิดเหตุคนร้ายจำนวน 3 คน ลักลอบนำระเบิดเตรียมที่จะนำไปดักสังหารเจ้าหน้าที่ แต่เกิดเหตุผิดพลาดและระเบิดขึ้น เป็นเหตุให้แกนนำแนวร่วมโจรใต้ เสียชีวิต1 คน คือ นายอุสุมา จึงโซะ อายุ 24 ปี อยู่ ม.1 ต.ผดุงมาตร อ. จะแนะ จ.นราธิวาส สภาพศพแหลกเละ เสียชีวิตในสวนผลไม้ หมู่ที่.1 ต.ผดุงมาตร อ.จะแนะ และคนร้ายได้รับบาดเจ็บอีก 2 คน ได้หลบหนีไป ซึ่งจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่าคนร้ายทั้ง 3 คนกำลังนำระเบิดที่ประกอบเสร็จใหม่ๆ ไปลอบวางระเบิดชุดคุ้มครองครูจากเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นหลักฐานชัดเจนว่า การประกอบระเบิดได้ทำในประเทศ ที่มีการเรียนรู้และฝึกฝนกันภายใน ส่วนสารตั้งต้นการทำระเบิดส่วนใหญ่ มาจากต่างประเทศ

ขณะที่มีการค้นหาที่มาของวัตถุระเบิดว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ต่อมา เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.49 เวลา 13.00 น.ตำรวจ สน.นพวงศ ได้ตรวจค้นขบวนรถไฟขบวนรถเร็วที่ 717 กรุงเทพฯ-สุไหงโก-ลก ภายในสถานีรถไฟหัวลำโพง เมื่อตรวจถึงโบกี้ที่ 13พบชายต้องสงสัยท่าทางมีพิรุธ จึงได้ขอตรวจค้นเป้สนามแต่ชายคนดังกล่าวไม่ยอมให้ตรวจค้น อ้างว่าเป็นทหารพรานพร้อมกับยื่นบัตรประจำตัวให้ แต่ไม่มีรูปถ่าย พร้อมบอกกับเจ้าหน้าที่ว่าถ้าจะตรวจค้นต้องให้สห.มาค้น เจ้าหน้าที่จึงได้เชิญตัวไปที่ สน.นพวงศ์ ระหว่างการควบคุมตัว ชายคนดังกล่าวได้พยายามควักระเบิดขึ้นมาชูขู่ตำรวจไม่ให้เข้าไป จับกุม ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องชักปืนขึ้นมาขู่บ้างทางชายต้องสงสัยจึงต้องยอมจำนน

จากการสอบสวนทราบว่า ชายดังกล่าวชื่อ อาสาสมัครทหารพราน วีรพงษ์ ล่ำดี อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 32/2หมู่ 2 ต.ปงยางคก อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง ตรวจค้นภายในเป้สนามสีเขียวขี้ม้า พบระเบิดชนิดทำเองแบบทรงกลมเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 นิ้ว (เท่าลูกเปตอง) จำนวน 4 ลูก และทรงกระบอก ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.5 นิ้ว ยาว 3 นิ้วครึ่งถึง 4 นิ้วอีก 7 ลูก รวมระเบิดทั้งหมด 11 ลูก และสายไฟสีเขียวยาวครึ่งเมตร

เบื้องต้นอาสาสมัครทหารพรานวีรพงษ์ให้การว่า เป็นทหารพรานสังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 4509 กองพันทหารพรานที่ 15 อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส แต่ได้ลาพักร้อนเพื่อกลับบ้านเกิดที่ จ.ลำปาง ระหว่างที่อยู่บ้านเกิดนั้น ได้ประกอบระเบิดดังกล่าวขึ้นมา ภายในบรรจุเศษแก้วเศษเหล็กเพื่อนำไปใช้ป้องกันตัว ในขณะออกลาดตระเวนในพื้นที่ภาคใต้เท่านั้นแต่มาถูกจับได้เสียก่อน

เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.49 ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ สนามหลวง ตำรวจ สน. นพวงศ์ ควบคุมตัว นายวีระพงษ์ ล่ำดี อายุ 29 ปี อาสาสมัครทหารพราน ไปขออำนาจศาลฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน เนื่องจาก ยังต้องสอบปากคำพยาน 7 ปาก รอผลการตรวจต่าง ๆ โดยพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีอัตราโทษสูง และเกรงผู้ต้องหาจะหลบหนี

ในระหว่างที่พนักงานสอบสวนนำผู้ต้องหากลับไปควบคุมที่ สน.นพวงศ์ นั้น นายวีรพงษ์ยังยืนยันว่า เจตนาแคต้องการขนลูกระเบิดไปเก็บไว้ใช้ป้องกันตัว เพราะต้องออกภาคสนามในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อีกทั้งระเบิดดังกล่าวก็ประกอบขึ้นเอง ที่บ้านพักใน อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง ระหว่างพักเวร โดยมีส่วนประกอบของดินดำเศษกระเบื้อง และวัตถุอื่น ๆ และระเบิดมีอานุภาพคล้ายประทัดยักษ์เท่านั้น

จากการที่มีการจับทหารพราน ได้ที่หัวลำโพง นำมาซึ่งความสงสัย ของผู้คนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีการแสดงความคิดเห็นผ่านรายการได้สันติสุข(รายการวิทยุเพื่อความมั่นคง ออกอากาศในพื้นที่ 5 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง 30 สถานี 42 คลื่นความถี่) ประจำวันเสาร์ที่ 24 มิ.ย.49เวลา 14.30-15.00น. สวท.ปัตตานีเป็นแม่ข่าย โดยถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ว่ากรณีทหารพรานที่ถูกจับ ได้ที่หัวลำโพงขณะจะนำระเบิดแสวงเครื่องลงมาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แล้วนำมาก่อกวนเสียเอง เป็นคำถามที่น่าคิดว่าใครกันแน่ที่เป็นคนวางระเบิด
เขาหรือเรา โดยผู้ตั้งคำถามต้องการให้ทางการทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง ว่าข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร เพราะเมื่อดูการกระทำของทหารพรานคนนี้ มีพิรุธหลายอย่างตั้งแต่การไม่ให้ตำรวจตรวจค้น โดยอ้างว่าเป็นทหารพราน และพยายามที่จะหลบหนีขณะถูกเชิญตัวไปโรงพัก

สำหรับการให้สัมภาษณ์ ผู้นำด้านความมั่นคง ของพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.และ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรี ได้ระบุชัดเจนว่า ผู้ก่อกวนทั้งหมดอยู่ในประเทศ รวมทั้งการประกอบระเบิด ก็อยู่ในประเทศ เมื่อมองในแง่มุมหนึ่งก็คือ ทั้งสองท่านไม่ต้องการพาดพิงประเทศเพื่อนบ้าน และไม่ต้องการชี้นำให้การก่อกวนยกระดับขึ้นเป็นสากล ตรงกันข้ามกับ พล.อ.อ.คงศักด์ วันทนา รมต.มท. ที่ระบุชัดเจนว่า ระเบิดประกอบมาจากต่างประเทศ แต่ก็ไม่ได้บอกว่าเป็นประเทศเพื่อนบ้าน และแน่นอน เจ้าหน้าที่ระดับสูง ของมาเลเซียก็ออกมาตอบโต้ รมต.มท.ของไทย ว่าอย่าดึงเอามาเลเซียเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย เมื่อวิเคราะห์ ตามสถานการณ์และพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

พื้นที่ส่วนใหญ่ โดยเฉพาะด้านอำเภอตากใบอำเภสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส มีเพียงแม่น้ำโกลกเท่านั้นที่กั้นไทยและมาเลเซีย บางช่วงของแม่น้ำ ห่างกันไม่ถึง 10 เมตร และน่าจะเรียกว่าเป็นลำคลอง ทำให้การข้ามไปมาของคนร้ายกระทำได้อย่างง่ายดาย เพราะไม่มีการเฝ้าตลอดลำน้ำ จึงเป็นช่องทางให้มีการหลบหนีไปกบดานในฝั่งมาเลเซียได้ และยังน่าเชื่อว่า ในขณะนี้ทางการไทยกดดัน กลุ่มก่อการร้ายมาก และสามารถจับกุมแกนนำ พร้อมวัตถุระเบิดได้มากขึ้น การหลบไปอยู่ในป่าฝั่งมาเลเซียจึงน่าจะปลอดภัย อีกทั้งคนร้ายส่วนใหญ่มีภาษาและวัฒนธรรมที่เหมือนกัน จึงไม่รู้ว่าใครเป็นคนไทยหรือคนมาเลเซีย แต่ก็เป็นที่น่าขบคิดว่า พื้นที่อำเภอสุไหงปาดี จ.นราธิวาส และ อ.กรงปีนัง จ.ยะลา ไม่เกิดเหตุการณ์ความรุนแรง ทั้ง ๆ พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่สีแดง วัตถุทำระเบิดจากหลักฐานวัตถุระเบิด ที่ตำรวจภูธรภาค 9 รวบรวมได้ จะประกอบด้วย TNT สายไฟ ดินประสิว ถ่านไฟฉายขนาด 9 โวลท์ เศษเหล็ก เศษอลูมิเนียม นาฬิกาข้อมือระบบดิจิตอล โทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกียรุ่น 3310 ไม่พบ สาร RDX ที่มีการพูดถึงว่ามาจากต่างประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับคำให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.

สำหรับสาร RDX เป็นที่รู้กันว่า เป็นสารประกอบวัตถุระเบิด ที่มีอานุภาพร้ายแรงกว่า TNT เพราะ สาร RDX จะใช้วัตถุแวดล้อมเป็นสะเก็ดระเบิด จึงไม่จำเป็นต้องประกอบระเบิดจาก เศษเหล็ก

(ศูนย์ช่าวอิศรา 11ก.ค.49) เมื่อปี 2542 ช่วงต้นของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ระเบิดครั้งนั้นยังเป็นระเบิดแสวงเครื่องรุ่นเก่า ทีเอ็นที ฝักแค เศษเหล็กทำสะเก็ดระเบิด ถ่านไฟฉาย และนาฬิกาปลุกตั้งเวลา แต่หลังจากนั้นวิธีการผลิตเปลี่ยนไป กลุ่มมือผลิตระเบิด ไม่ใช่ รุสดี เปาะเส้ง และ รุสรัน ยามูแลแน 2 มือระเบิดระดับหัวหน้าของกลุ่มพูโลอีกต่อไป แต่เป็นกลุ่มแนวร่วมรุ่นใหม่ในขบวนการเยาวชนกู้ชาติปัตตานี หรือกลุ่ม "เปอมูดอ" เป็นเด็กหนุ่ม จบวิทยาลัยเทคนิค และสถาบันต่างๆ ที่สอนวิชาไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ เช่น ไฟซอล หะยีสะมะแอ ผู้ประกอบระเบิดที่สนามบินหาดใหญ่ และ "ซุลกิฟลี บ่อทอง" ผู้ประกอบระเบิดดักรถลาดตระเวนของ อส.รามัน ดับ 5 ศพ และ "โคเบ อินโด" ผู้ประกอบระเบิดดักรถของชุดคุ้มครองครู อ.รือเสาะ จนตำรวจเสียชีวิตทั้งหมด5นาย

ระเบิดช่วงปี 2544-2547 ส่วนใหญ่เป็นระเบิดที่ประกอบในกล่องทัปเปอร์แวร์และท่อพีวีซี ใช้ดินระเบิดเหมือน "ดินน้ำมัน" ยี่ห้อ "อีมัลชั่น" หรือเรียก "เพาเวอร์เจล" เดิมโรงงานผลิตเพาเวอร์เจลอยู่ใน จ.สระบุรี แต่ไม่นานต้องเลิกการผลิต จึงนำเข้าจากประเทศมาเลเซียแทน พอถูกปราบปรามหนัก กลุ่มผู้ผลิตระเบิดจึงต้องเฟ้นหาวัตถุระเบิดชนิดใหม่ นั่นคือที่มาของระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบในถังดับเพลิงน้ำหนัก 15 กิโลกรัม ในกล่องเหล็กโดยใช้ระเบิดไดนาไมท์ ผสมปุ๋ยยูเรีย ซึ่งหาง่ายในพื้นที่ ต่อมาเมื่อพบว่าปุ๋ยยูเรียให้อานุภาพไม่รุนแรง จึงเปลี่ยน
มาเป็นปุ๋ยแอมโมเนียไนเตรตแทน

ข้อเสียของระเบิดรุ่นนี้คือ น้ำหนักมาก เคลื่อนย้ายลำบาก ใช้เวลาประกอบนาน ต้องมีเครื่องมือตัดเหล็ก เชื่อมชิ้นส่วนและนำไปวางในจุดต่างๆ ข้อดีคือ มีอานุภาพรุนแรง จุดระเบิดได้ด้วยโทรศัพท์มือถือ รีโมทคอนโทรลและต่อสายไฟจากแบตฯ รวมทั้งยังพัฒนาเป็นระเบิดกลางอากาศ โดยใช้หม้ออะลูมิเนียมประกอบ แล้วนำไปแขวนต้นไม้ที่"เป้าหมาย"ต้องผ่าน

จากการลอบวางระเบิด พบว่าส่วนใหญ่จะเป็นระเบิดขนาดเล็ก มีอานุภาพการทำลายต่ำ และหลังจากนั้นยังพบว่ามีการประกอบระเบิดใส่ภาชนะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกระติกน้ำร้อนไฟฟ้า หม้อไฟฟ้าที่ชำรุดเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ (มติชน 9 ก.ค.49) และมีรายงานข่าวว่า พบกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบผลิตระเบิดขนาดเล็กจำนวนมาก โดยใช้กระป๋องของปลากระป๋อง บรรจุระเบิดภายในจุดระเบิดด้วยระบบหัวล้านชนกัน (ระบบการจุดชนวนระเบิดแบบใช้สวิตช์)โดยใช้ถ่านไฟฉายขนาด AA เป็นพลังงานในการจุดระเบิด ภายในกระป๋องจะบรรจุปุ๋ยยูเรีย เชื้อปะทุและเศษสะเก็ดระเบิด หากเกิดการระเบิดก็มีอานุภาพค่อนข้างรุนแรง จึงให้หน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะตำรวจและทหารในพื้นที่ระมัดระวังในการเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุต่างๆ ที่ได้รับแจ้งเหตุ คาดว่ากลุ่มคนร้ายอาจจะลวงให้เข้าตรวจสอบเหตุ แล้วนำระเบิดขนาดเล็กนี้ไปวางซุกซ่อนตามโพรงหญ้าใกล้ที่เกิดเหตุ เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบเพื่อค้นหาหลักฐานใกล้ที่เกิดเหตุแล้วไปแตะกระป๋องทำให้สวิตช์จุดชนวนให้เกิดระเบิดขึ้นได้ ซึ่งล่าสุดพบแล้ว 1 แห่งที่แยกทางเข้า ต.บาลอ อ.รามัน จ.ยะลา เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2549 ซึ่งในครั้งนั้นเจ้าหน้าที่สามารถเก็บกู้ไว้ได้

ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2549 การข่าวพบว่ามีการผลิตระเบิดดังกล่าวอย่างแพร่หลายในพื้นที่ คือ ตำบลตะโล๊ะหะลอตำบลจะกว๊ะ ตำบลบาลอ ตำบลอาซ่อง อำเภอรามัน จังหวัดยะลา, ตำบลเรียง ตำบลกาโด๊ะ อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส และ ตำบลปล่องหอย อำเภอกะพ้อ จังหวัดปัตตานี ซึ่งทั้งหมดเป็นเขตติดต่อกันระหว่าง 3 จังหวัด โดยกลุ่มที่ผลิตจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ที่ได้รับการฝึกการประกอบระเบิดขนาดเล็กจาก นายอับดุลพาเมลหรือ "โคเบ อินโด" แกนนำผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่อำเภอรือเสาะจังหวัดนราธิวาส และมีรายงานยืนยันว่าเมื่อ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา นายอับดุลพาเมล หรือโคเบ อินโด ได้ปรากฏตัวที่บ้านสาวอ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาสซึ่งคาดว่าเข้ามาประชุมกับกลุ่มแนวร่วมในพื้นที่รอยต่อ 3 จังหวัด เพื่อเตรียมปฏิบัติการในพื้นที่อีกครั้ง

ที่สนามหลวงเมื่อวันที่ 9 ก.ค.49 พล.อ.อ. คงศักดิ์ วันทนา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ฝ่ายปกครองมีข้อมูล นายอับดุลพาเมล หรือ โคเบ อินโด แกนนำผู้ก่อความไม่สงบที่มีความเชี่ยวชาญในการผลิตวัตถุระเบิด และพร้อมจะประสาน ข้อมูลให้กับฝ่ายทหารเพื่อทำการจับกุมตัว

ส่วนการระเบิดรถยนต์ หรือ รถจักรยานยนต์ จะใช้เชื้อระเบิดที่มีจำนวนมาก แล้วนำไปวางไว้ที่คานส่วนกลางของรถยนต์ และจุดระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือ โนเกีย 3310 ผสมกับ TNT และปุ๋ยยูเรีย ซึ่งมีอานุภาพการหวังผลที่ร้ายแรงมากกว่า ซึ่งระเบิดสามลูก ถูกนำไปวางไว้ในรถของ นายอัมรัน มูดอ ผู้ประกาศข่าวภาษามลายูท้องถิ่นสทท.11ยะลา รถยนต์ของนายมุสตอฟา มะสะอะ ปลัดอำเภอกาบัง จ.ยะลา และรถยนต์ของน.ส.วิไลรัตน์ สุวรรณภักดี จนท.กกต.จว.ปน.

กลุ่มปฏิบัติการ RKK
กลุ่มปฏิบัติการ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรี พูดชัดเจนว่า (เดลินิวส์16มิ.ย.49) เหตุการณ์ ระเบิดที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของกลุ่ม RKK ซึ่งเป็นกองกำลังประจำถิ่น ที่ต้องการแสดงศักยภาพ ข่มขวัญชาวบ้านแต่ยืนยันได้ว่าไม่มีการลัก ลอบนำระเบิดมาจากต่างประเทศพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า (เว็บไซต์ วันที่ 25 มค.2549http://www.bangkokbiznews.com/2006/special/critical_south/news.phpnews=south18.html)ต้องเข้าใจว่า RKK คือองค์กรทางทหาร ซึ่งเป็นกองกำลังกระจัดกระจายอยู่ตามพื้นที่ต่างๆที่เขาจัดตั้งไว้ โครงสร้างการจัดตั้งเป็นขนาดเล็กเกิดขึ้นในระดับท้องถิ่น ดังนั้นการปฏิบัติการของผู้ก่อความไม่สงบ จึงมีองค์กร RKK คอยสนับสนุนกำลังทางด้านทหารอยู่ ซึ่งในแต่ละพื้นที่มีจำนวนไม่มากเมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่าในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีกลุ่ม RKK อยู่กว่า 5,000 คน

พล.อ.สนธิ กล่าวว่าไม่น่าจะมีถึง 5,000 คน เพราะโครงสร้างการจัดตั้งคนเข้ามาอยู่ในหน่วยRKK ค่อนข้างลำบากพอสมควร เพราะหน่วยนี้ไม่ค่อยได้ไปฝึกอย่างจริงจังเท่าไหร่ ถ้าเขาประกาศว่ามี 5,000 คน เชื่อว่าเมื่อเอา 2 หารแล้วยังไม่น่าจะถึง ซึ่งขณะนี้เรามีรายชื่ออยู่พอสมควร แต่การสลายกลุ่มเหล่านี้ต้องค่อยเป็นค่อยไป ถ้าใช้ความรุนแรงมากในเวลาที่มี ความล่อแหลมจะมีผลกระทบ ดังนั้นพยายามใช้พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินและใช้วัตถุพยานหลักฐานต่างๆเชิญตัวเขามา แต่บุคคลใดที่มีความชัดเจน แต่ไม่มีอะไรมารองรับต่อกฎหมายเราก็จะเชิญตัวมาสอบถาม เมื่อถามว่า ข้อมูลระบุได้หรือไม่ว่ามีกลุ่มค้ายาเสพติดสนับสนุนเงินให้แก่องค์กร RKK

พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ขบวนการRKK มีหน่วยเศรษฐกิจอยู่ด้วย ซึ่งเป็นการพยายามหาเงินของเขา แต่ไม่แน่ใจว่ามีวิธีการใดบ้าง แต่ที่ทราบชั้นต้นคือ การบริจาคหรือเก็บค่าคุ้มครอง ซึ่งวิธีการอื่นเรากำลังสืบหาอยู่ ในรายละเอียดของ ขบวนการ RKK พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบช.ภ.9 ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจส่วนหน้ายะลา ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.49 ว่า โครงสร้างการปฏิบัติการของกลุ่ม ประกอบด้วย ใน 1 หมู่บ้านจะแบ่งเป็น 5 ฝ่าย คือฝ่ายที่ 1 อูลามะ(ULAMA) มีหน้าที่ปลุกระดมและคัดเลือกคนเข้าร่วมขบวนการ เน้นไปยังเด็กที่มีความประพฤติเรียบร้อยเคร่งศาสนา เป็นที่รักของครอบครัวฝ่ายที่ 2 ฝ่ายด้านการเมือง ที่คิดการขับเคลื่อนการก่อเหตุร้ายรายวัน การปล่อยข่าวลือเพื่อบิดเบือนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่ฝ่ายที่ 3 เป็นฝ่ายเศรษฐกิจ โดยหาเงินสนับสนุนในการก่อเหตุ ซึ่งพบว่ามีเงินบางส่วนมาจากกลุ่มค้ายาเสพติดฝ่ายที่ 4 เป็นฝ่ายปฏิบัติการหรือหน่วยทหารชุดรบขนาดเล็กที่มีชื่อย่อว่า RKK จะมี 1 ชุดปฏิบัติการจำนวน 6 คนต่อหนึ่งหมู่บ้าน ซึ่งจะคัดจากเด็นดีในหมู่บ้านที่รักษาความลับได้ดี ขึ้นตรงด้วยหัวหน้าชุดเพียงคนเดียวกลุ่มสุดท้ายคือ กลุ่มเยาวชนที่เรียกว่า เปอร์มูดอ ซึ่งเข้าสู่กระบวนการคัดสรรจากกลุ่มอูลามะในการวางตัวให้ปฏิบัติงานในกลุ่มใด ซึ่งทั้งหมดนี้จะแฝงตัวอยู่กับประชาชนในหมู่บ้าน ทุกฝ่ายจะไม่รู้จักกัน แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ปิดล้อมตรวจค้นภายในหมู่บ้าน ก็จะมีกลุ่มดังกล่าวออกมาขับเคลื่อนทันที เช่นการตัดต้นไม้ขวางเส้นทาง การจับกุมตัวประกันการขัดขวางการจับกุม พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ยังบอกอีกว่า ขบวนการมีไม่น้อยกว่า 549 คน ที่พิสูจน์ทราบแล้ว และยังจับได้แล้ว 100 คน การปะทะมีสูญเสียอีกจำนวนหนึ่ง "จากการซักถามคนที่เข้าสู่ขบวนการให้การว่า ฝ่ายอูลามะ จะคัดคนที่ดี ๆ ในหมู่บ้านโดยจะมีการพบปะหลายครั้ง จากนั้นจะพูดถึงประวัติศาตร์ในอดีต การปลูกฝังอุดมการณ์ ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการซุมเปาะ(สาบาน) จากนั้นจะมอบภารกิจ ซึ่งบางส่วนก็จะถูกคัดไปฝึกเพื่อเป็นหน่วยทหารในพื้นที่ปิดลับต่าง ๆ เป็นรุ่น ๆ ไป


สำหรับภาพขณะนี้ อย่าไปพะวงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมากนัก เพราะจะเผชิญอีกสักระยะ การต่อสู้กันตั้งแต่ วันที่ 4 มกราคม 2547 ที่เป็นการประกาศครั้งใหญ่ว่ากลุ่มนี้ทำได้ ในวันนี้คิดว่าฝ่ายรัฐรุกไปได้ค่อนข้างเยอะโดยเฉพาะการจับกุมคนร้ายเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.49 พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ศปก.ตร.สน.ยะลา ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เรื่องขบวนการ
RKK ว่า จากการซักถามสมาชิก RKK ที่ถูกจับกุมทำให้ทราบว่า ขณะนี้สมาชิกกลุ่มมีอยู่เกือบทุกหมู่บ้านหมู่บ้านละ 6 คนใน 500 หมู่บ้าน หรือ 500 จุด รวม 3,000 คนโดยมีเงื่อนไขในการก่อเหตุว่า 1 ชุดปฏิบัติการจะต้องก่อเหตุให้ได้ 1 เหตุการณ์ต่อ 1 เดือน ถ้าทุกกลุ่มปฏิบัติการได้ตามเงื่อนไข ก็จะทำให้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นถึง 6,000 ครั้งใน 1 ปี แต่เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครองได้ร่วมมือกันปฏิบัติงานกัน ทำให้กลุ่มดังกล่าวหลายกลุ่มถูกทำลาย และกลุ่มดังกล่าวไม่สามารถปฏิบัติได้ตามเงื่อนไข พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ศปก.ตร.สน.ยะลา กล่าวถึงเหตุการณ์ลอบวางระเบิด 65 จุด 31 อำเภอ ใน จ.ปัตตานี ยะลา นราธิวาส

ตั้งแต่วันที่ 15-16 มิ.ย.49 ว่า ที่พบมากที่สุดคือการจุดระเบิดด้วยนาฬิกาข้อมือ ซึ่งเป็นนาฬิกาควอตซ์ขนาดเล็ก และใช้ดินระเบิดเป็น 2 ส่วนคือ ดินดำ ซึ่งเป็นดินปะสิวที่ใช้จุดพลุตามงานต่าง ๆเป็นระเบิดแรงต่ำส่วนที่ใช้ดินระเบิดแรงสูงมีจำนวนหนึ่ง ซึ่งจะบรรจุอยู่ภายในภาชนะขนาดเล็ก เช่น หลอดสเปรย์ท่อเหล็กขนาดเล็ก ที่มีลักษณะพกพาได้ และสามารถนำเข้าไปสถานที่ราชการได้ง่าย เพราะมีมาตรการตรวจสอบเฉพาะรถยนต์ และรถจักรยานยนต์เป็นหลัก ในอนาคตต้องตรวจสอบบุคคลด้วย และยังมีข้อสังเกตุว่า บางจุดกลุ่มผู้ก่อเหตุไม่สามารถเข้าไปก่อเหตุภายในสถานที่เป้าหมายได้ ก็นำระเบิดไปวางไว้ที่ริมรั้ว ตามโพรงหญ้าในสนามเด็กเล่นแล้วจุดระเบิด ซึ่งเป็นยุทธวิธีของกลุ่มนี้ที่ต้องการทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ค้นรัง RKK ช่วงเช้าวันที่ 9 ก.ค. 49 พ.ต.ท.องค์อาจ อินทรอารีย์ หน.สภ.ต.มูโน๊ะ อ.สุไหงโก-ลก รักษาการ ผกก.สภ.อ.รือเสาะจ.นราธิวาส ระดมกำลัง 3 ฝ่ายกว่า 80 นาย นำกำลังปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ หมู่ 5 ต.สามัคคี อ.รือเสาะ หลังได้รับรายงานว่ากลุ่มแนวร่วมแอบดัดแปลงพื้นที่ฝึกซ้อมการใช้อาวุธให้กับกลุ่มเยาวชน อาร์.เค.เค. อายุราว 16-20 ปี โดยพบว่าบริเวณสวนมะพร้าวและสวนผลไม้ท้ายหมู่บ้าน ซึ่งอยู่ใกล้กับเชิงเขาบูโด รอยต่อระหว่างอ.รือเสาะ และ อ.บาเจาะ ถูกกลุ่มแกนนำของแนวร่วมดัดแปลงเป็นสถานที่ใช้สำหรับการฝึกและการใช้อาวุธปืนทั้งปืนยาวและสั้น โดยมีการปักเสาไม้พันด้วยเชือกที่ใช้สำหรับการต่อสู้ด้วยอาวุธปืนติดมีดในระยะประชิดตัวเจ้าหน้าที่จึงกระจายกำลังกันเข้าโอบล้อมพร้อมแสดงตัวเข้าจับกุม

พบกลุ่มเยาวชนราว 30 คน ที่เรียงแถวฝึกการใช้อาวุธปืนกันด้วยความตั้งใจ มีกลุ่มชายฉกรรจ์ราว 8-10 คน คอยยืนคุมเชิงและอธิบายถึงวิธีการใช้อาวุธด้วยความชำนาญ เมื่อเห็นกำลังเจ้าหน้าที่ปิดล้อมทุกคนต่างวิ่งแตกกระจายหลบหนีเข้าป่าขึ้นเทือกเขาบูโดทิ้งไว้เพียง อาวุธปืนที่ทำด้วยไม้ต่าง ๆ กว่า 50 ชิ้น อาวุธปืนพลาสติกพกสั้นขนาด 11 มม. และ 9 มม. 5 กระบอก รองเท้าบู๊ตสนาม โทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย 3 เครื่อง พร้อมด้วยปุ๋ยยูเรียไนเตรดที่ใช้สำหรับเป็นส่วนผสมของการประกอบวัตถุระเบิดอีก 1 ถุง บรรจุไว้ในถุงพลาสติกกันน้ำไว้อย่างดี เชื่อว่าใช้เป็นตัวอย่างบรรยาย หรือสอนให้กับกลุ่มเยาวชนรู้จักการผลิตและผสมวัตถุระเบิดแบบง่าย ๆ ขึ้นเอง ขบวนการ RKK เป็นขบวนการที่รวมตัวกันของเยาวชน ในพื้นที่ ที่ออกปฏิบัติการก่อกวน ลอบทำร้าย ทหารตำรวจ ซึ่งถือว่าเป็นขบวนการใหม่ และเป็นที่รู้จักเมื่อไม่นานมานี้ และแน่นอนก่อนหน้านี้ มักมีข่าวเสมอว่า มีโจรนินจา ออกมาก่อกวน แล้วมีการป้ายสีว่าเป็นฝีมือของทหารที่ลอบเข้ามาในพื้นที่ และนำไปสู่การเข้าร้ายตำรวจที่นราธิวาส เมื่อหลายปีก่อน ทั้ง ๆที่ทางการระบุว่าตำรวจทั้งสองคนไม่ใช่โจรนินจา แต่ก็ถูกรุมกระทืบจยตาย

ข้อมูลจำเพาะ ขบวนการ RKK
คำว่า RKK : - RUNDA KUMPULAN KECIL เป็นหน่วยฏิบัติการรบขนาดเล็กหรือจะเรียกว่า หน่วยคอมมานโด ที่มีลักษณะการทำงานแบบหน่วยจรยุทธ์ ชื่อ RKK ถูกนำมาพูดถึงหลังมีเหตุการณ์ฆ่าตัดคอพระและเผาวัดพรหมประสิทธิ์ อ.ปานาเระ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2548 ฝ่ายความมั่นคงสอบสวนผู้ต้องหาก่อเหตุฆ่าพระหนึ่งในจำนวน 16 คนสารภาพว่า เป็นสมาชิกหน่วย RKK ได้รับการฝึกอาวุธยุทธวิธีขบวนการก่อการความไม่สงบ โดยฝึกทั้งในประเทศและต่างประเทศ และขบวนการ RKK เคยก่อเหตุฆ่าตัดคอ ส.อ.สมจิตร หล่อแสง ทหารรบ
พิเศษ ที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ขบวนการ RKK จะอยู่ในหมู่บ้านกว่า 3,000 คน การฝึกทำเป็นรุ่น ๆ รุ่นละ 5-8 คน มีหลักสูตรการฝึกระยะ 10 วัน 15 วัน 35 วัน 45 วัน และ 60 วัน หลังการฝึกมีเงื่อนไขว่า 1 ชุดปฏิบัติการต้องก่อเหตุ ป่วนใต้ ให้ได้ 1 เหตุการณ์ต่อ 1 เดือน ถ้าทุกกลุ่มปฏิบัติการตามเงื่อนไขจะทำให้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นถึง 6,000 ครั้ง ในรอบ 1 ปี RKK มีชื่อตรงกับหลักสูตรการฝึกของทหารรบพิเศษอินโดนีเซียที่เรียกว่า RUNDA KUMPULAN KECIL

ขบวนการ RKK เกี่ยวพัน กับขบวนการ ค้ายาเสพติด
ในเรื่องกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดให้การสนับสนุนเงิน ขบวนการ RKK หรือไม่ เป็นเรื่องที่น่าสนใจ หลังเกิดเหตุระเบิดทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อวันที่ 15-16 มิ.ย.49 ปรากฏว่า ต่อมาอีก 3 วัน คือวันอาทิตย์ที่ 18 มิ.ย.49 (นางสุนิสา รามแก้ว ผู้สื่อข่าวสวท.ยะลา 18มิ.ย.49) กองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ กอ.สสส.จชต. แถลงข่าวว่า เจ้าหน้าที่เข้าทำการล่อซื้อยาเสพติดประเภท 5 กัญชา จากนายชม ทองน้ำดำ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 75/1 ม.1 ต.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่และได้นำกัญชา ซึ่งนำเข้าจากต่างประเทศมาผ่านจังหวัดหนองคาย ก่อนที่จะมีการส่งมาขายต่อในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามที่มีการสั่งซื้อและมีรายงานว่า นายชมมีพฤติกรรมเป็นเอเย่นต์ รายใหญ่ นอกจากนั้นยังได้ขยายผลจับกุม นายไพฑูรย์ โพธิวรรณ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 486 ต.คลองใหญ่ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด และนายโพธิ์ ไชยรัตน์ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 44 ม.2 ต.เกาะแต้ว อ.เมือง จ.สงขลา พร้อมยึดกัญชาแห้งอัดแท่งจำนวน 25 กิโลกรัม ซึ่งบรรจุอยู่ภายในถุงพลาสติกขนาดใหญ่อยู่ภายในบ้าน นอกจากนี้ ยังพบปุ๋ยยูเรีย อาวุธปืนยาว และอาวุธปืนพกสั้นรวม 10 กระบอก รถยนต์ กระบะ 2 คัน บัญชีธนาคาร โฉนดที่ดิน สร้อยคอทองคำรูปพรรณและพระเลี่ยมทองอีกหลายรายการ รวมมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท ทั้งนี้ในเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพเพียง 2 คน ส่วนนายไพฑูรย์ โพธิวรรณ ชาวจังหวัดตราด ยังให้การปฏิเสธ

ในเรื่องนี้ พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 กล่าวว่า เบื้องต้นผู้ค้ายาเสพติดดังกล่าวยังไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุร้ายในพื้นที่ แต่จะมีส่วนเกี่ยวข้องในการสนับสนุนทางการเงิน ให้กับกลุ่มขบวนการก่อความไม่สงบหรือไม่นั้น จะต้องมีการขยายผลสืบสวนต่อไปอย่างแน่นอนในขณะที่ มีรายงานข่าวว่า (ข่าวสวท.สุไหงโกลก นายมังกร จีนด้วง ผู้สื่อข่าว 7 / 18 มิ.ย.49) ยาเสพติดชนิดใหม่ที่เรียกว่า 4 X 100 กำลังระบาดอย่างหนัก ในพื้นที่ อ.สุไหงโกลก เรื่องนี้ พ.ต.อ.เติม อินทะสะระ ผกก. สภ.อ.สุไหงโก-ลก บอกกับผู้สื่อข่าวว่า เกี่ยวกับยาเสพติด ชนิดที่เรียกกันว่า 4x100 ตอนนี้ยังไม่ทราบเรื่องส่วนประกอบอะไรบ้าง เจ้าหน้าที่ตำรวจเราก็เพิ่งรู้จัก เริ่มจับกันมาหลายรายแล้ว และยอมรับในพื้นที่สุไหงโกลกมียาเสพติดมาก เนื่องจากเป็นพื้นที่ติดชายแดนไทย-มาเลเซีย แต่ในรอบเดือนพฤษภาคม 2549 ที่ผ่านมา สามารถจับกุมผู้จำหน่ายได้ 36 ราย ทั้งยาบ้า และเฮโรอีนขณะนี้พื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย ด้านอำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส มียาเสพติดชนิดใหม่กำลังเริ่มระบาดและเป็นที่นิยมกันในหมู่เยาวชนและวัยทำงาน เพราะมีราคาถูกกว่ายาบ้า ซื้อ-ขายกันในราคาถุงละ 40- 50 บาท

ทางด้านนายแพทย์ทรงวุฒิ ทวีทรัพย์สิน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสุไหงโกลก บอกว่า ยาเสพติดชนิด 4 X 100 ที่กำลังแพร่ระบาดด้านชายแดนไทย-มาเลเซีย ผู้เสพนำเอาสาร 4 ชนิดมารวมกันก็จะทำให้ความรุนแรงของสารประกอบของแต่ละชนิดเพิ่มมากขึ้น ถ้าเสพเข้าไปในปริมาณที่มาก จะมีผลต่อจิตและประสาทอาจเกิดอาการหลอนและคลุ้มคลั่งได้ ประการสำคัญหากเลิกเสพจะยากต่อการบำบัดรักษา เพราะตัวยามีส่วนผสมหลายชนิดยาเสพติดชนิดใหม่ที่ เรียกว่า 4 X 100 มีส่วนผสมประกอบด้วย ใบกระท่อม ยาแก้ไอ น้ำอัดลม และยากันยุง
ผู้เสพจะใช้วิธีดื่มเข้าไปในระยะเวลาไม่นานนักก็จะออกฤทธิ์

บทสรุป
จากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นตามสื่อสิ่งพิมพ์ระบุว่า การกระทำที่เกิดขึ้นเป็นของขบวนการเบอร์ซาตู และขบวนการเปอร์มูดอ ความจริงขบวนการในภาคใต้มีหลายขบวนการ นับตั้งแต่ บีอาร์เอ็น โคออร์ดิเน็ต , บีอาร์เอ็นครองเกร็ต , มูจาฮีดีนอิสลามปัตตานี , ขบวนการปันยม , พูโล , จะเป็นขบวนการใดก็แล้วแต่ ก็ยังไม่มีการเปิดเผยตัวที่ชัดเจนว่าเป็นการกระทำกลุ่มใด เพียงแต่เป็นการคาดการณ์ ตามหลักฐานที่พอจะหาได้จากบันทึก หรือเอกสารสิ่งพิมพ์เพื่อเป็นการยืนยัน ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และในที่สุด

ทางการมีความเชื่อว่า เป็นกลุ่มขบวนการ RKK ในด้านการประกอบระเบิด มีหลักฐานชัดเจนว่ามีการประกอบระเบิดในประเทศไทย เพราะมีการระเบิดก่อนที่จะนำไปวาง ทำให้คนร้ายเสียชีวิต 1 คน เหตุเกิดที่ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส แต่สารตั้งต้นอาจจะมีการนำเข้ามาจากต่างประเทศ ตามคำให้สัมภาษณ์ของ รมต.มท. และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีรุนแรง อยู่ 3 เหตุการณ์ ซึ่งเป็นการะเบิดรถยนต์ นอกนั้น 60 กว่าจุดล้วนแต่เป็นการก่อกวน ที่อยู่ในที่ลับมากกว่า อาทิ ห้องน้ำ ในร้านเซเว่น ในป่าสวนยาง ริมถนน เท่านั้น แต่ก็สร้างความหวั่นไหว ให้ฝ่ายรัฐอย่างรุนแรง ได้เช่นกัน การก่อกวน มีเป้าหมายเพื่อให้ OIC รับทราบปัญหาความไม่สงบ ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะในวันจันทร์ที่ 19 มิ.ย.49 OIC ได้มีการประชุม OIC ที่ สาธารณรัฐอาเซอร์ใบจาน และก็เป็นจริง เลขาธิการ OIC ได้ออกมาแสดงความเป็นห่วงต่อสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดภาคใต้

* * * * * * * * * *


คลิ๊กนี้มีความหมาย

ณรงค์ ชื่นนิรันดร์ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จ.ภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต 83000 : Webmaster by Narong Cheunniran : อีเมล์ :narongthai53@gmail.com