สถิติวันนี้ |
3 คน |
สถิติเมื่อวาน |
45 คน |
สถิติเดือนนี้ สถิติปีนี้ สถิติทั้งหมด |
2529 คน 52316 คน 1744760 คน |
เริ่มเมื่อ 2010-01-13 | |
| โควิด..หนักกว่า..ต้มยำกุ้ง.ตอนที่ 3 #จอร์สโซรอส..By Narong.net
ความเดิมตอนที่แล้ว..คือ..สถาบันการเงิน..ไปกู้เงิน..จากต่างประเทศ..ในอัตราดอกเบี้ยที่..ต่ำ..แล้วมาปล่อยกู้..ในอัตราดอกเบี้ยที่..สูง..กิน..ส่วนต่าง..และช่วงเวลานั้น..อัตราแลกเปลี่ยน..อยู่ที่ 25 บาท..ต่อ..ดอลล่าร์ท่านจำตัวเลขนี้ให้ดี..นะครับ..เพราะมันคือหายนะในเวลาต่อมา..
คนที่กู้ไป..ก็นำเงินไปซื้อที่ดินเก็งกำไร..บ้างก็นำไปสร้างคอนโด..และบ้านจัดสรร..จนเกินความต้องการ..(Over Supply)
เอาหล่ะ..ผมขอเล่าต่อนะครับ..
การกู้เงิน..จากต่างประเทศ..จะต้องจ่ายคืนทั้งต้น..ทั้งดอก..ในระยะเวลา..5 ปี..ซึ่งเป็นการกู้ระยะสั้น..และเงินที่กู้..เป็น..สกุล..ดอลล่าร์สหรัฐ..และเวลาคืนเจ้าหนี้..ก็จะต้องคืนเป็น..ดอลล่าร์สหรัฐ..เช่นกัน..นี่คือประเด็น..
เมื่อครบกำหนด 5 ปี..สถาบันการเงินจะต้อง..ส่งคืนเงินกู้..ทั้งต้น..ทั้งดอกเบี้ย..แต่..เงินที่ปล่อยกู้ไป..กลับไม่มีดอกผลกลับคืนมา..คอนโด..บ้านจัดสรร..ที่ดิน..ขายไม่หมด..แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปคืนเขา..
สถาบันการเงินของไทย.จึง..ขอคืนในอัตราแลกเปลี่ยน..25 บาท ต่อ ดอลล่าร์สหรัฐ..เท่ากับเวลาที่ไปกู้มา..ในช่วงเวลานั้น
จอสจ์ โซรอส..และพรรคพวกที่ทรงอิทธิพล..บอกว่า..สถาบันการเงินของไทย..จะคืนเงินในอัตรา..25บาท ต่อ ดอลล่าร์..ไม่ได้..เพราะค่าเงินที่แท้จริง.. ในเวลานั้น..ควรจะอยู่ที่..55 บาท ต่อ ดอลล่าร์...
วิธีการนี้.คือ การโจมตีค่าเงินบาท..ผ่านทางตลาดหุ้น.ครับ..ในตอนที่แล้ว..ผมเคยบอกท่านว่า..คนยิว..จะให้ของขวัญวันเกิดลูก..คือ..การให้หุ้น..
ดังนั้น..คนยิว..รวมทั้ง..จอสจ์ โซรอส..จึงมีความเชี่ยวชาญ..ในการซื้อขายหุ้น..มาตั้งแต่เกิด..และการรวมหัวกันของคนยิว..ครั้งนี้..มิใช่ครั้งแรก..
ขอเล่า..เกร็ดประวัติศาสตร์ให้ท่านฟังนิดนึ่ง..นะครับ..ก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ประเทศเยอรมัน..พ่อค้าชาวยิว..ต้องการฮุบกิจการ..โรงงานผลิตรองเท้า..จึงรวมหัวกัน..ลดราคาขายรองเท้า..จนนักธุรกิจชาวเยอรมันขายรองเท้าขาดทุน...ต้องจำใจขายโรงงานทิ้ง..และคนที่มาซื้อก็คือ..นักธุรกิจ..ชาวยิว..สร้างความคับแค้นใจกับชาวเยอรมันเป็นที่สุด..ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว..ถึง 6 ล้านคน..ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2..ซึ่งก่อนหน้านั้น..คนยิว..ก็เคยทำ..มาแล้ว..
แต่นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่ง..ที่..ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช..อดีตนายกรัฐมนตรี เขียนไว้ในหนังสือ ชื่อ ยิว..ท่านเล่าเรื่อง..ยิว..ในหนังสือเล่มนี้ไว้ดีมาก..เป็นหนังสือเก่า..แต่มีการพิมพ์ใหม่..คงจะพอมีขายอยู่..ลองไปหาซื้อมาอ่าน..ในยามเคอร์ฟิว..ทั่วประเทศ..นะครับ
เอาหล่ะ..กลับมาดู..วิกฤติต้มยำกุ้ง..กันต่อ..การที่จะคืนเงิน..เจ้าหนี้บอกว่าจะต้องเป็นเงินสกุลดอลล่าร์..เท่านั้น..สถาบันการเงิน..ทั้งธนาคาร..ไฟน์แนนซ์ จึงต้อง..นำเงินบาท..ไปแลกดอลล่าร์..และเงินสกุลดอลล่าร์..ส่วนใหญ่..ก็จะอยู่ในกำมือของพรรคพวก..จอสจ์ โซรอส..ถ้า 55 บาท.ต่อ..ดอลล่าร์..จึงจะยอมแลกให้..
สถาบันการเงินของไทย..ส่วนหนึ่ง..ได้นำเงินบาท..ไปแลกเงินสกุลดอลล่าร์กับ ธนาคารแห่งประเทศไทย..จนทำให้เงินคงคลังร่อยหรอ..เพราะใช้เงินบาทที่มีอยู่มาพยุงค่าเงิน..ต่อมารัฐบาลไทย..จึงยอมจำนน..ประกาศลอยตัวเงินบาทไทย..ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนไปจนถึง..55 บาท ต่อ ดอลล่าร์..
ซึ่งก็หมายความว่า..แทนที่เราจะคืนเงินให้กับเจ้าหนี้..25 บาท..ต่อดอลล่าร์ เราต้อง..คืนเงินถึง..55 บาท..ต่อดอลลาร์..นั่นคือฝันร้าย..ของนักลงทุน..ที่จะต้องใช้หนี้..เพิ่มขึ้น 100 กว่าเปอร์เซนต์..ผมขอใช้คำว่า..ความชิบหายมาเยือน..กับนักลงทุนทั้งประเทศ
นักธุรกิจที่.ประกอบการค้าขายปกติ..และเป็นลูกค้า..เงินกระแสรายวัน..ที่ทำ OD (Over Draft)..ธนาคารก็ไม่ปล่อยเงินมาให้ใช้หมุนเวียน..ในกิจการ..เพราะธนาคาร..ต้องนำเงินไปใช้หนี้..ธุรกิจที่มีผลประกอบกิจการดี..ก็พรอยล้ม..ไปด้วย..ทำให้เกิดหนี้เสีย NPL (Non Performing Loan) หรือจะเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า..ฟองสบู่แตก..ก็ไม่ผิดนัก..
ธนาคารหลายแห่ง..อาทิ ธนาคารกรุงเทพพาณิชย์การ หรือ BBC..ธนาคารอีกหลายแห่งมีการควบรวมกัน..ทรัสต์..และไฟน์แนนซ์ 54 แห่ง ล้มระเนระนาด..เป็นลูกโซ่..ต้องขายสินทรัพย์..มาใช้หนี้..
ในช่วงเวลานั้น..รัฐบาลมีการรับประกันเงินฝาก..100%..หมายความว่า..ถ้าธนาคารเจ๊งขึ้นมา..รัฐบาลก็จะชดเชย..ให้100%..ยกตัวอย่าง..ถ้าเราฝากเงิน 1 ล้านบาท..เมื่อเกิดความเสียหาย..รัฐบาลก็จะชดใช้ให้..ทั้งหมด
ดังนั้นรัฐบาลในเวลานั้น..จึงรับเอาหนี้เสียมาจากสถาบันการเงิน..จำนวน..1.14 ล้านล้านบาท..จนบรรดาเจ้าหนี้ไม่มีความเชื่อถือในเงินบาท..รัฐบาลไทยจึงต้องกู้เงินจาก IMF จำนวน 5 แสนหนึ่งหมื่นล้านบาท..เพื่อค้ำหนี้..ที่สถาบันการเงินไทย..ได้ก่อไว้
ในปี 2546 ไทย..สามารถจ่ายหนี้เฉพาะ IMF ได้หมด..แต่..หนี้ 1.14 ล้านล้านบาท ยังไม่หมดนะครับ..ตอนนี้ ธปท.รับผิดชอบชำระเงินต้น..ส่วนดอกเบี้ย..รัฐบาลไทย..เป็นผู้จ่าย..ทุกวันนี้..เงินส่วนนี้..ยังจ่ายไม่หมด..นะครับ
รัฐบาลในเวลานั้นแทบสิ้นเนื้อประดาตัว..แน่นอนที่สุด..ทองคำ..ที่ใช้หนุนการผลิตเงินบาท..ก็เกือบหมดคลัง..ไปด้วย..เช่นกัน
เพราะการพิมพ์เงินแต่ละบาท..จะต้องมีทองคำหนุน..พิมพ์เงิน..ออกมาลอยๆ..ไม่ได้นะครับ..มันจะมีค่าเพียงกระดาษกงเต็ก..ไร้ซึ่งราคา..มีค่าเพียงอย่างเดียวคือ..เผาไปให้ญาติพี่น้อง..ไปใช้ในภพหน้าเท่านั้น..ที่เห็นเป็นตัวอย่างคือ..ประเทศซิมบับเว..ไข่ไก่ 1ฟอง ใช้เงิน 100 ล้านเหรียญ..จึงจะซื้อไข่ไก่ได้..ประเทศเวเนซุเอลา..กระดาษทิชชู ตกม้วนละ 1ล้านเหรียญ..เงินไร้ค่า..และไร้ราคา
จนในที่สุด..เดือดร้อน..หลวงตามหาบัว..ต้องขอบริจาคทองคำ..มาช่วยชาติ..เพื่อมอบให้กับ..ธนาคารแห่งประเทศไทย..(ธปท.) ไว้ใช้เพื่อเป็นทุนสำรองเงินตรา..และเป็นหลักประกัน..ในการพิมพ์เงิน..
ต่อมา..รัฐบาลไทยสมัยต่อมา..จึงตั้งกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน..และมีการออก..พ.ร.ก.บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย พ.ศ.2544 ..
พูดให้เข้าใจง่ายๆ..ก็คือ..จัดการทรัพย์สินที่เสียหาย..จัดการหนี้..ปรับโครงสร้างหนี้..การปรับโครงสร้างกิจการ..ขายทอดตลาด..การนำเงินไปใช้หนี้..ฯลฯ..ที่เกิดความเสียหายเมื่อปี 2540..ถึงวันนี้..กรมบังคับคดี..ยังสะสางไม่หมด...
ผลที่ตามมาถึงพวกเราเวลานี้คือ..การจะกู้เงิน..กับสถาบันการเงิน..จะกู้ยากขึ้น..มีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด..มีการตรวจสอบเครดิตบูโร..ซึ่งเครดิตบูโร..คือ..ผลของวิกฤติต้มยำกุ้ง..เป็นหน่วยงาน..ที่ใช้ตรวจสอบ..ผู้ใช้บัตรเครดิต..ว่าติดหนี้อยู่หรือไม่..เพราะสมัยก่อนไม่มีการตรวจสอบ..จึงทำให้หนี้ที่เกิดจากบัตรเครดิต..สร้างความสูญเสีย..มหาศาล..เช่นกัน..
หมดหน้ากระดาษ..อีกแล้ว..โปรดติดตามตอนที่ 4...ครับ
4444444444444444444 | |