อาหาร..อีปุ่น ณรงค์ ชื่นนิรันดร์ 21 ก.พ.52
เช้าวันเสาร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2552 ผมและคณะออกเดินทางด้วยโค้ด จากกรุงปราก ไปเมืองสปินด์เลอรุฟ มีลิน (Spindleruv Mlyn) ระยะทาง ประมาณ 146 กิโลเมตร เป็นเมืองสกีรีสอร์ท ที่มีชื่อเสียงของประเทศสาธารณรัฐเช็ก ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงปราก และตั้งอยู่ใกล้พรมแดนประเทศโปแลนด์
ตลอดเวลาที่รถแล่นผ่าน ใจผมเตลิด เปิดเปิง และต้องยกกล้องถ่ายภาพ ชนิดแฟรมต่อแฟรม จนเพื่อนที่นั่งอยู่แถวหน้าของผมชักรำคาญ ผมอดใจไม่ได้ครับ เพราะอาคารบ้านเรือนสวยงาม หลังคามีหิมะปกคลุม ทุ่งโล่งขาวโพลน ด้วยหิมะ บางครั้ง ก็เห็นฝูงกวางที่ออกมาแทะเล็มหญ้า บางครั้งก็เห็น กระต่ายน้อย แต่ก็ไม่มากนัก ซึ่งเป็นธรรมชาติมาก แต่ผมไม่สามารถที่จะเก็บภาพไว้ทัน เพราะอยู่ห่างไกล
Jery พขร. ขับรถไต่ระดับไปเรื่อย ๆ ถนนเริ่มแคบลง ๆ สองข้างทางเป็นภูเขาสูง ต้นไม้ไร้ใบ คลุมด้วยหิมะ ขาวเต็มไปหมด บางครั้งเราก็เห็นลำธารไหลผ่านริมถนน แต่ก็เป็นนำแข็งเสียส่วนใหญ่ บางส่วนก็ไหลรินเป็นน้ำ คงจะเย็นยะเยือก
เวลา ประมาณ 11.00 น. ตามเวลาในท้องถิ่น ถ้าเวลาในไทยก็ประมาณ 16.30 น. คณะของเราก็เดินทางถึง โรงแรมHARMONY ซึ่งเป็นไปก่อนเวลา ไกด์หัวเถิก เฮียฮ้อ บอกว่า ความจริงจะพาพวกเราไปเล่นห่วงยางสกี ก่อนที่จะพามากินข้าว แต่ว่า เครื่องชักลากเกิดมาเสียเอาตอนนี้ ต้องใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จึงจะซ่อมเสร็จ พวกเราก็เลยต้องมาทานอาหารเที่ยงก่อน เอ้า ...กินก็กิน แต่ก่อนที่จะกินทางโรงแรมก็ยังเตรียมอาหารไม่เสร็จ พวกเราก็ต้องใช้เวลาว่าง มาถ่ายรูปกันที่หน้าโรงแรม ที่มีหิมะเต็มไปหมด ข้าง ๆ โรงแรม จะมีการเล่นสกี เหมือนกับในภาพยนตร์ หล่ะครับ นักท่องเที่ยวบางคนกำลังพากันเดินขึ้นไปบนภูเขาสูง เพื่อที่จะเล่นสกี แต่พวกเรายังเด็ก ๆ ต่อการเล่นกีฬาประเภทนี้ครับ เพราะบ้านเราไม่เคยมีหิมะ ก็ได้แต่มองนักกีฬาสกี ที่เดินผ่านพวกเราก็จะของถ่ายรูปกัน เขาก็ให้ถ่ายรูปนะครับ เป็นมิตรดี แต่พวกเราก็มีความสนุกกับการเล่นหิมะ ถึงขนาดโพส์ตท่า ยืนถ่าย นั่งถ่าย แต่นั่งนานไม่ได้ เดี๋ยวไอ้หนูของผมมันจะโกรธเอา
ถึงเวลาทานข้าวเที่ยง ผมไม่รอช้า อาหารมื้อนี้ ที่ขาดไม่ได้คือ ซุบ ร้อน ๆ ปลาทอด มันฝรั่งทอด ที่แปลกมากคือมีซูชิ ปลาดิบ และอาหารญี่ปุ่น มาให้พวกเราทานด้วย ผมถนัดอยู่แล้ว เพราะที่เมืองไทยอาหารที่ผมชอบคือ ซูชิ กินประจำ เพราะซูชิ เหมือนกับอาหารอีสานบ้านผม จะต่างกันก็ตรงที่ ซูชิ มีสาหร่ายห่อ กินกับซอสญี่ปุ่น และ วาซาบิ กินที่ไรขึ้นจมูกทุกที ผมว่าแก้ปวดหัวได้นะ ผมน่าลองเอาข้าวเหนียวปั้น จิ้มวาซาบิ น่าจะไปกันได้ น่าจะเรียกซูชิ เป็นสูสี เป็นอาหารพันธุ์ผสมระหว่างอีสานกับญี่ปุ่น เป็น อาหาร... อีปุ่น ก็คราวนี้แหละ แหม๋ดูไม่จืด เพราะอีปุ่นบ้านผมเป็นเจ้าของซ่องนางโลมที่มีเสียง เรียกตามประสานักเที่ยวว่า ยายปุ่น เฮ้อ ไปจนได้
ขณะที่กำลังทานอาหารอย่าง อเร็ด อร่อย พลันก็เหลือบไปเห็นสาวสวยคล้าย ๆ สาวไทย ผมยิงคำถามทันที คุณเป็นคนไทยรึเปล่า เราถามไทย แต่เธอตอบเป็นภาษาอังกฤษครับ "No Thailand I am Philippines " เอ้า ก็ดูหน้าตาท่าทางก็คนไทย แถมยิ้มสวยเหมือนสาวไทยอีสาน เท่านั้น แหล่ะครับผมก็ไม่ได้ชวนคุยเพราะเธอพูดอังกฤษ เร็วปร๋อ ทำให้ผมนึกอยู่ในใจว่า ฟิลิปปินส์ ถ้าไม่ตกเป็นเมืองขึ้นคงพูดอังกฤษไม่ได้ขนาดนี้ และคงไม่ได้มาทำงานถึงประเทศเช็ก ที่ไกลแสนไกล ผมหาคนไทยคุยยากเหลือเกิน ครับ ถ้าจะคุยกันก็ต้องเป็นร้านอาหารไทยเท่านั้นแหล่ะครับ เอ้ากินอาหารอีปุ่นดีกว่า |