สถานการณ์ความรุนแรงเดือน กุมภาพันธ์ 2553
ณรงค์ ชื่นนิรันดร์
กุมภาพันธ์ 2553
ยิงคนกรีดยางตาย
อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส วันที่3 ก.พ.53 เวลา 08.00 น. พ.ต.อ.ปิยวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรรือเสาะ จ.นราธิวาส นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดกองวิทยาการพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนลอบยิง นายมูฮำหมัดอาเร๊ะ บลูกาวาลี อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37 ม.6 ต.บาตง อ.รือเสาะจ.นราธิวาส
โดยเหตุเกิดขึ้นเมื่อเวลา 02.00 น. ขณะที่นายมูฮำหมัดอาเร๊ะ บลูกาวาลี ออกไปกรีดยางพาราท้ายหมู่บ้านโละซะ ม.8 ต.บาตง อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส พร้อมกับนางกะอีด๊ะ มะเซ็ง ภรรยา โดยยืนกรีดยางห่างกันประมาณ 50 เมตร จากนั้นได้มีกลุ่มคนร้ายเข้ามาใช้อาวุธปืนยิงบริเวณใต้ราวนมด้านซ้าย 1 นัด แล้วหนีไปทำให้นายมูฮำหมัดอาเร๊ะเสียชีวิตทันทีเนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหว
ผบ.พตท.ระบุทหารได้รับบาดเจ็บกว่าพันนาย
อ.ยะรัง จ.ปัตตานี วันที่ 3ก.พ.53 ที่กองบัญชาการผสมพลเรือน ตำรวจ ทหาร ค่ายสิรินธร อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พล.ท.กสิกร คีรีศรี ผู้บัญชาการผสมพลเรือน ตำรวจ ทหาร (พตท.) กล่าวเนื่องในวันทหารผ่านศึก ว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา เป็นเหตุให้ จนท.ทหาร และทหารพราน ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 1,473 นาย ในจำนวนนี้ ต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่ โรงพยาบาลพระมงกุฎ จำนวน 157 นาย เจ้าหน้าที่เหล่านี้ ส่วนหนึ่งได้ปลดเป็นทหารกองหนุนประจำการประเภททหารผ่านศึก มีเงินเดือนบำนาญ ตามระเบียบของการรับราชการทหาร ซึ่งทางกองทัพบก มีระเบียบปฏิบัติที่ชัดเจนในการช่วยเหลือ ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บมีการดูแลทางด้านการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลของรัฐ ทั้งโรงพยาบาลทั่วไปและ รพ.ทหาร ในระหว่างการรักษา มีเงินเบี้ยเลี้ยงยังชีพให้ ตามสิทธิตามชั้นยศของกำลังพลส่วนครอบครัวมีการดูแลในเรื่องของการเยียวยา
พล.ท.กสิกร บอกอีกว่า นอกจากนี้ กองทัพบกยังมีนโยบายรับบุตรหลานของ เจ้าหน้าที่ ที่เสียชีวิตเข้ารับราชการ ตามดุลยพินิจของผู้บังคับบัญชาในแต่ละรายๆ ไป ซึ่งกองทัพบกได้มีระเบียบปฏิบัติที่ชัดเจนในการให้การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่เป็นอย่างดีที่สุด
ในขณะเดียวกันผู้บังคับบัญชาในทุกระดับชั้น ได้พยายามให้การช่วยเหลือในสิทธิของกำลังพลอย่างดี เนื่องในวันทหารผ่านศึกปีนี้ ขอทำความเข้าใจกับประชาชนด้วยว่า กำลังพล ทุกนายที่มาปฏิบัติหน้าที่ในทุกระดับ ได้เสียสละในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ และพร้อมปฏิบัติหน้าที่เพื่อชาติเพื่อความสงบสุขของประชาชนเป็นหลัก
สำหรับนายทหาร ที่ได้รับบาดเจ็บในการปฏิบัติหน้าที่ ล่าสุด คือ ร.อ.มานพ พันธ์สะโม นายทหารฝ่ายการข่าว.หน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 16 อ.ธารโต ซึ่งได้รับบาดเจ็บพร้อมลูกน้องจากการลอบวางระเบิด ขณะปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยครู บนเส้นทางสายบ้านแหร บ้านบัวทอง หมู่ที่ 2 ต.บ้านแหร อ.ธารโต เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2553 เป็นเหตุให้ต้องตัดขาทั้งสอง ข้าง ขณะนี้รักษาตัวอยู่ โรงพยาบาลพระมงกุฎ กรุงเทพมหานคร
ยิงช่างเจาะบาดาลตาย1เจ็บ1
อ.ยะรัง จ.ปัตตานี วันที่ 3ก.พ.53 เวลา 17.50 น. พ.ต.อ.พูนศักดิ์ ประเสริฐเมฆ ผกก.สภ.ยะรัง รับแจ้งมีคนถูกยิงเสียชีวิต 1 รายและบาดเจ็บ 1 ราย เหตุเกิดบนถนนสาย 410 ปัตตานี-ยะลา ม. 1 ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง จึงได้นำกำลังเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ ในที่เกิดเหตุพบรถยนต์อีซูซุสีเหลือง ทะเบียน บ 2180 ปัตตานี ตกข้างทาง ภายในรถมีผู้เสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อ นายวิรัตน์ กาฬลักน์ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27 ม.1 บ้านคอกช้าง ต.แม่หวาด อ.ธารโต จ.ยะลา ส่วนผู้บาดเจ็บ นายบุญโฮม ตะโยลัมย์ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขทที่ 48/12 ม.9 ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา ทั้งสองคนเป็นคนงานเจาะบาดาล
ก่อนเกิดเหตุขณะที่ทั้งสองคนกำลังขับขี่รถยนต์คันดังกล่าว กลับจากเจาะบาดาลในพื้นที่ ต.ม่วงหวาน อ.มายอ มุ่งหน้ากลับบ้านพักที่ จ.ยะลา เมื่อถึงที่เกิดเหตุมีคนร้าย 2 คนใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะตามประกบยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบชนิด กระสุนถูกนายวิรัตน์ เสียชีวิตที่เกิดเหตุ ส่วนนายบุญโฮม ได้รับบาดเจ็บจากการกระแทกรถเสียหลักตกข้างทาง
สังหารRKKได้อีก1
นราธิวาส วันที่ 6 ก.พ.53 เวลา 07.30 น. พ.อ.ไพศาล หนูสังข์ ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 46 และ พ.ท.จักรกฤษณ์ ศรีนนท์ ผบ.ฉก.นราธิวาส 30 ได้ร่วมสนธิกำลัง จำนวน 3 ชุดปฏิบัติการณ์ รวม 35 นาย พร้อมอาวุธปืนครบมือ ขึ้นพิสูจน์ทราบบนเทือกเขาหลังหมู่บ้านสาวอฮูลู ม.2 ต.สาวอ อ.รือเสาะ หลังได้รับแจ้งเบาะแสจากชาวบ้าน มีกองกำลังติดอาวุธ RKK กลุ่มนายอับดุลเลาะ สามามะ พร้อมสมุน รวม 6 คน ได้แฝงตัวเคลื่อนไหวมาสร้างค่ายพักชั่วคราวบนเทือกเขา เพื่อเตรียมลงมือประชุมวางแผนก่อเหตุร้ายขึ้นในพื้นที่
เจ้าหน้าที่ต้องเดินลาดตระเวนผ่านป่าสวนยางพาราที่รกทึบและสูงชัน ไปประมาณ 1 ก.ม. จึงพบลำธารและมีเสียงคนคุยกันเป็นภาษายาวีอยู่ที่เพิงพักหลังหนึ่ง ที่ปลูกสร้างด้วยหลังคามุงจาก และปูพื้นด้วยกระดานไม้ ขนาดกว้า 4 เมตร ยาว 6 เมตร และรอบเพิงพักยังมีเปลสนาม จำนวน 2 หลังกางอยู่ เจ้าหน้าที่จึงได้กระจายกำลังฝังตัวและคืบคลานเข้าไปพิสูจน์ทราบที่เพิงพักหลังดังกล่าว
ทั้งนี้ 1 ใน 6 กองกำลังติดอาวุธเห็นเจ้าหน้าที่ จึงได้ตะโกนบอกพวก พร้อมใช้อาวุธปืนสงครามนานๆชนิด ยิงใส่กลุ่มเจ้าหน้าที่ จนทั้ง 2 ฝ่ายได้เปิดฉากยิงปะทะกันเป็นละลอกๆนานกว่า 20 นาที เมื่อเสียงปืนสงบลงเจ้าหน้าที่จึงได้เข้าพิสูจน์ทราบ พบกลุ่มกองกำลังติดอาวุธ RKK เสียชีวิต 1 คน ซึ่งนอนจมกองเลือดอยู่บนเนินดินห่างจากเพิงพัก ประมาณ 10 เมตร โดยข้างศพมีอาวุธปืนพกสั้น ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก ส่วนที่เหลือได้รับบาดเจ็บและอาศัยความชำนาญพื้นที่สามารถหลบหนีไปได้
ต่อมา พ.ต.ท.พชรพล ณ นคร รอง ผกก.ป สภ.รือเสาะ พ.ต.ท.จันที แจ่มจันทร์ หน.กองพิสูจน์หลักฐานตำรวจภูธร จ.นราธิวาส นายจำลอง ไกรดิษฐ์ นายอำเภอรือเสาะ และอัยการจังหวัด รวมทั้งแพทย์โรงพยาบาลรือเสาะ ร.ต.ท.แดนชัย มูลป้อม พนักงานสอบสวน ได้ร่วมเดินทางเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ และพบว่าผู้เสียชีวิตดังกล่าว คือ นายฮานาดี หะยีรอเซ๊ะ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8/4 ม.3 ต.จะกว๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา มีหมายจับ ป.วิอาญาคดีความมั่นคง สภ.จะกว๊ะ ปี 2550
และจากการตรวจสอบเพิงพักหลังดังกล่าวเจ้าหน้าที่พบของกลางจำนวนหลายรายการของคนร้ายทิ้งไว้ ประกอบด้วย แมกกาซีนอาวุธปืนสงคราม เอ็ม.16 จำนวน 9 อัน มีกระสุนปืนอยู่ภายใน จำนวน 225 นัด เสื้อผ้าลายพรางทหาร เป้สนาม โทรศัพท์มือถือ ถังแก๊สปิกนิค กระเป๋าคาดเอว โยเฉพาะที่บริเวณรอบเพิงพัก คนร้ายได้ฝังอาหารสำเร็จรูป และเครื่องกระป๋อง ใส่ไว้ในถังพลาสติก จำนวน 4 ใบ รอบเพิงพัก เจ้าหน้าที่จึงได้ยึดของกลางดังกล่าว
พ.อ.ไพศาล หนูสังข์ ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 46 ได้ขอสนับสนุนชุดสุนัขสงครามดมกลิ่น เพื่อทำการแกะรอยกลุ่มคนร้ายที่หลบหนี โดยเจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบพบรอยเลือดของคนร้ายตกอยู่ตามรายทางบนเทือกเขา รวมทั้งกิ่งไม้ข้างทาง ที่คาดว่าอาศัยความชำนาญพื้นที่หลบหนีเข้าไปบริเวณเขตรอยต่อระหว่างตำบลจะกว๊ะ อ.รามัน จ.ยะลากับพื้นที่ ต.สาวอ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ซึ่งกำลังส่วนหนึ่งมีทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารและฝ่ายปกครอง ได้ร่วมกันตั้งจุดตรวจจุดสกัดบนถนนสายหลักและสายรอง ที่คาดว่ากลุ่มคนร้ายจะใช้เป็นเส้นทางนำผู้บาดเจ็บที่หลบหนีจากการปะทะกับเจ้าหน้าที่ ไปรักษาตัวที่บ้านพักของสมาชิกแนวร่วมหลังใดหลังหนึ่ง
ทหารโดนยิงตาย1เจ็บ1
นราธิวาส วันที่ 6 ก.พ.53 เวลา 13.20 น. ระหว่างที่ จ่าเอกวรายุทธ หนูแก้ว อายุ 23 ปีทหารสังกัดร้อย ร.3014 ฉก.นราธิวาส 32 กองทัพเรือ ชุดช่วยราชการ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส พร้อมกำลังรวม 6 นาย ได้ทำหน้าที่ยืนดูแลรักษาความปลอดภัย อยู่ที่บริเวณ 3 แยกบ้านทุ่งคา หน้าบ้านเลขที่ 2 หมู่ 2 ต.ละหาร อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ได้เกิดเหตุคนร้ายประมาณ 4-5 คน ใช้รถยนต์กระบะยี่ ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนซ์ทอง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เป็นพาหนะ ขับผ่านมา แล้วใช้ปืน เอ็ม 16 และปืนอาก้า กราดยิงใส่ทหารชุดดังกล่าว ซึ่งฝ่ายทหารก็ได้ยิงตอบโต้ จนเกิดการยิงปะทะกันนาน 5 นาที จากนั้นคนร้ายได้ขับรถยนต์กระบะหลบหนีไป
ภายหลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพื้นที่พบว่า จ่าเอกวรายุทธ และพลฯ ศุภชัย ปุราเต อายุ 22 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงได้นำตัวส่งโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เมืองนราธิวาส แต่ต่อมาจ่าเอกวรายุทธทนพิษบาดแผลไม่ไหว ได้เสียชีวิตลงในที่สุด ส่วนพลฯศุภชัยขณะนี้อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว
พ.ต.อ.อโณทัย จินดามณี รอง ผกก.สภ.ยี่งอ ที่ได้เข้าตรวจที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืน เอ็ม 16 และปลอกกระสุนปืนอาก้า ประมาณ 50 ปลอก นอกจากนี้ยังพบรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีเขียว ทะเบียน ก.4449 นราธิวาส ซึ่งเป็นของนางมาลี ศรีชัยศักดิ์ อายุ 53 ปี เจ้าของบ้านหลังที่อยู่บริเวณที่เกิดเหตุดังกล่าวซึ่งจอดอยู่บริเวณข้างบ้านถูกกระสุนปืนของคนร้ายเป็นรูพรุนทั้งคัน
ก่อนหน้านั้น วันที่ 6 ก.พ.53 เวลา 07.40 น. พ.ท.จักรกฤษณ์ ศรีนนท์ ผบ.ฉก.นราธิวาส 30 ชุดช่วยราชการ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ได้นำกำลัง 40 นาย ขึ้นไปพิสูจน์ทราบบนเทือกเขาหลังหมู่บ้านสาวอฮูลู หมู่ 2 ต.สาวอ อ.รือเสาะ หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีกลุ่มคนร้ายได้แฝงตัวเคลื่อนไหวอยู่บนเทือกเขาดังกล่าว
เมื่อเดินเท้าขึ้นไปประมาณ 1 กิโลเมตร พบคนร้าย 5-6 คนนั่งอยู่ภายในขนำข้างลำธาร เมื่อคนร้ายเห็นเจ้าหน้าที่จึงใช้ปืนกราดยิงใส่ ฝ่ายเจ้าหน้าที่ก็ยิงตอบโต้ จนเกิดการปะทะกันนาน 10 นาที คนร้ายจึงล่าถอยไป
จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงเข้าเคลียร์พื้นที่พบศพ นายฮานาดี หะยีรอเซ๊ะ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/4 หมู่ 3 ต.จะกั๊วะ อ.รามัน จ.ยะลา ซึ่งมีหมายจับคดีก่อเหตุความไม่สงบของ สภ.จะกั๊วะหลายคดี โดยข้างศพนายฮานนาดีพบปืนพกสั้น.38ตกอยู่1กระบอก
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้ยึดของกลางของคนร้ายอีกหลายรายการคือ แมกกาซีนปืน เอ็ม 16 จำนวน 9 อัน กระสุนปืน เอ็ม 16 รวม 225 นัด ชุดลายพราง ถังแก๊สปิกนิค และอาหารแห้งที่คนร้ายใส่ไว้ในถังพลาสติกจำนวน 4 ใบ แล้วขุดหลุมฝังไว้ใต้ดิน
โจรลอบวางระเบิดเจ็บ 7 นาย
อ.ระแงะ จ.นราธิวาส วันที่ 8 ก.พ.53 เวลา 14.15 น. ร.ต.ท.เฮรามาน เจ๊ะดี ร้อยเวร สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุคนร้ายวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารพราน กองร้อยที่ 4502 กรมทหารพรานที่ 45 ได้รับบาดเจ็บ 7 นาย เหตุเกิดบนถนนในหมู่บ้านลาแป ม.2 ต.บองอ อ.ระแงะ จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.นิตินัย หลังยบาหน่าย ผกก.สภ.ระแงะ พ.อ.เฉลิมชัย สุทธินวล ผบ.กรมทหารพรานที่ 45 พ.ต.ท.เลียบ พรมจันทร์ รอง ผกก.กลุ่มงานสืบสวน นปพ.จ.นราธิวาส และ พ.ต.ท.จันที แจ่มจันทร์ หน.กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส รวมทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่งเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
พบเสาปูนซิเมนต์ป้ายชื่อบอกหมู่บ้าน ถูกอนุภาพระเบิดได้รับความเสียหาย โดยมีเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในถังแก๊สปิกนิค หนัก 15 กก. จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ ตกกระจายเกลื่อนถนนและพงหญ้ารกทึบริมทาง และห่างไปประมาณ 700 เมตร เจ้าหน้าที่พบรถยนต์กระบะ 6 ล้อ ยี่ห้อฮีโน่ สีเขียวขี้ม้า ทะเบียนตรากงจักร -9535 จอดเสียหลักอยู่ในไหล่ทาง โดยเฉพาะที่บริเวณตัวถังด้านขวา มีร่องรอยถูกสะเก็ดระเบิดพรุนไปทั้งแถบ นอกจากนี้ภายในกระบะหลังเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบกองเลือดจำนวนหนึ่งตกอยู่ ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บเพื่อนทหารได้นำตัวส่งรักษาโรงพยาบาลระแงะไปก่อนหน้าแล้วเจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปดูอาการผู้บาดเจ็บทั้ง 7 นาย ที่โรงพยาบาลและมีอาการสาหัส 3 นาย ประกอบด้วย 1. อส.ทพ.จิระเชษฐ์ ถนอมวรรณ ถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณใบหน้า 2. อส.ทพ.อิสมะแอ สาและ ถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณใบหน้า และ 3. อส.ทพ.ธีระพงษ์ ศิริราพันธ์ ถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณกกหู ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 4 นาย คือ 1.อส.ทพ.จีระศักดิ์ รอดพิสดาร ถูกแรงอัดระเบิดจนเจ็บภายในทรวงอก 2.อส.ทพ.สาธิต พูนแก้ว ถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณกลางหลัง ไหล่ 3. อส.ทพ.สัญญา ต้นงาม ถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณสีข้างขวา และ 4. อส.ทพ.พรเทพ เรืองอุไร ถูกสะเก็ดระเบิดจนมีอาหารหูอื้อและแน่นหน้าอก ซึ่งทั้ง 7 นาย เมื่อปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้วแพทย์ได้ส่งตัวรักษาต่อที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์
ก่อนเกิดเหตุ ร.ท.ไพรัช นุ้ยสุข ผบ.ร้อย 4502 ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร จำนวน 38 นาย นั่งรถยนต์ 6 ล้อ 2 คันออกจากฐานซึ่งตั้งอยู่ อ.เจาะไอร้อง เพื่อออกปฏิบัติภารกิจพิเศษในพื้นที่ อ.สุคีริน โดยคนแรกมี ส.ท.พิสิทธิ์ จันทนาน เป็นพลขับ เมื่อถึงจุดเกิดเหตุได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวน แฝงตัวอยู่ในป่าสวนยางพาราที่รกทึบ ได้ใช้วิทยุสื่อสารมือถือ รุ่นโมโตโรล่า จุดชนวนระเบิดที่ประกอบใส่ไว้ในถังแก๊สปิกนิค ที่นำไปผูกไว้กับเสาซิเมนต์ป้ายบอกชื่อหมู่บ้าน และได้เกิดระเบิดขึ้นขณะที่รถยนต์ 6 ล้อที่ ส.ท.พิสิทธิ์ ขับผ่านมา และรถยนต์ได้เกิดเสียหลักตกไหล่ทาง ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บ
ยิงครูแล้วเผา
อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี เวลา 16.30 น.วันที่ 8 ก.พ.53 ตำรวจ สภ.กะพ้อ จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งเหตุคนถูกยิงและเผา เสียชีวิตจำนวน 1ราย บนถนนสายกะพ้อทุ่งยางแดง บริเวณ ม.8 ต.ปล่องหอย อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี ที่เกิดเหตุพบมีผู้เสียชีวิตถูกไฟคลอกไหม้เกรียม แต่ไม่พบพาหนะของผู้ตายแต่อย่างใด ทราบชื่อผู้ตายภายหลังคือ นายสัมฤทธิ์ พันธเดช อายุ 51 ปี เป็นครูสอนประจำที่โรงเรียนบ้านบาโงยือแบ็ง
ก่อนเกิดผู้ตายได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ชอบเปอร์ ออกจากโรงเรียนเพื่อมุ่งหน้ากลับบ้านในพื้นที่จังหวัดยะลา โดยใช้สันทางกะพ้อ-ทุ่งยางแดง ซึ่งเป็นรอยต่อกับจังหวัดยะลา ในระหว่างทางเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธสงครามยิงแล้วลาดน้ำมันเผาอย่างโหดเหี้ยมและยังได้นำรถจักรยานยนต์ของผู้ตายหลบหนีไปด้วย ส่วนประเด็นสาเหตุเจ้าหน้าที่มุ่งไว้ 2ประเด็นหลัก เป็นการฆ่าชิงทรัพย์ และเหตุความไม่สงบในพื้นที่
ยิงชรบ.
อ.เมืองปัตตานี วันที่ 8 ก.พ.53 เวลา 18.30 น. พ.ต.อ.มนัส ศิกษมัต ผกก.สภ.เมืองปัตตานี ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกันบนถนนสายปัตตานี ยะลา ม.3 ต.ตะลุโบะ จึงรีบนำกำลังไปที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อซูซูกิ ทะเบียน กรต 790 ปัตตานี ตกข้างทาง ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บเจ้าหน้าที่ทหารได้นำส่ง โรงพยาบาลปัตตานี ทราบชื่อ นายซะการียา แวบือราเฮง อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19/1 ม.7 ต.บาราเฮาะ อ.เมืองปัตตานี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม.เข้ากลางหน้าอก 2 นัด และ นายซะการียา แวบือราเฮง อายุ 27 ปี (ชื่อเหมือนกันเนื่องจากทั้งสองคนเป็นญาติกัน) ถูกยิงด้วยอาวุธปืนชนิดเดียวกันเข้าลำตัว 2 นัด อาการสาหัสทั้งคู่ นอกจากนี้ยังมี เด็กหญิงซูรีฟา อายุ 1 ขวบ ลูกสาวคนโตของผู้บาดเจ็บ ศีรษะแตกเนื่องจากแรงกระแทกจากรถล้มในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนจำนวน2ปลอก
ทั้งสองคนเป็นชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านและยังเป็นญาติกันโดยมีชื่อและนามสกุลเหมือนกัน ก่อนเกิดเหตุ ขณะที่ทั้งสองคนขี่รถจักรยานยนต์เพื่อจะเข้าเมืองไปซื้อของให้ลูกสาวที่มาด้วยกัน ระหว่างทางถูกคนร้าย2คนขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบยิงจนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
คนร้ายพยายามจะเข้าไปยิงซ้ำแต่โชคดีที่มีชาวบ้านเข้ามาช่วยทำให้คนร้ายเร่งเครื่องหลบหนีไป ส่วนสาเหตุเบื้องต้นตั้งไว้ 2 ประเด็นคือ เรื่องส่วนตัว และอาจจะเชื่อมโยงสถานการณ์ใต้เนื่องจากทั้งสองเป็นชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน
ยิงกำนันหลานวันนอร์ตาย
อ.รามันจ.ยะลา วันที่ 9 ก.พ.53 เวลา 01.30 น. ร.ต.อ.จิรายุ ภู่ระหงษ์ ร้อยเวร สภ.รามัน จ.ยะลา รับแจ้งว่าเกิดเหตุใช้อาวุธสงคราม ที่บ้านเลขที่ 28 หมู่ที่ 2 บ้านกำปงเปาว์ ต.บาลอ หลังได้รับแจ้ง นายบุญไทย กาฬศิริ นายอำเภอรามัน พ.ต.อ.นรินทร์ บูสะมัญ ผกก. พ.ท.อิศรา จันทกระยอม ผบ.ฉก.12 อ.รามัน และกำลังตำรวจทหารจำนวนหนึ่งเดินทางเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุพบศพนายการิม มะทา อายุ 41 ปี ตำแหน่ง กำนัน ต.บาลอ อยู่บ้านเลขที่ 325 หมู่ที่ 3 สภาพศพถูกยิงตามร่างกายและศีรษะ เป็นรูพรุนเสียชีวิตอยู่ข้างบ้าน บริเวณหน้าต่างบ้านและผนังบ้าน มีร่องรอยกระสุนปืน ทำให้กระจกหน้าต่างแตก 3 บาน ห่างกันเล็กน้อยภายในสวนลองกองหลังบ้าน เจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืนอาก้าและเอ็ม16ตกอยู่จำนวนมาก
จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ตายเดินทางกลับมาจากพบกับปลัดอำเภอรามัน ที่บ้านพัก ข้างที่ว่าการอำเภอ เมื่อกลับมาถึงบ้าน ขณะกำลังไปเปิดก๊อกน้ำข้างบ้านห่างจากประตูบ้านประมาณ 5 เมตร มีคนร้ายไม่น้อยกว่า 3 คน แอบซุ่มอยู่ในที่มืด ใช้อาวุธปืน อาก้า และ เอ็ม 16 กราดยิงเป็นชุดๆ หลายสิบนัด จนกระสุนเข้าเป้าตามร่างกายและศีรษะ ล้มลงเสียชีวิตคาที่ คนร้ายได้อาศัยความมืดหลบหนีไป
พ.ต.อ.สุรพล มุ่งมา พนักงานสอบสวน (สบ.4) กองกำกับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธร จ.ยะลา ซึ่งเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ร่วมกับพนักงานสอบสวน สภ.รามัน กล่าวว่า ได้กำชับให้พนักงานสอบสวนเจ้าของพื้นที่ ตรวจหาวัตถุพยานในที่เกิดเหตุอย่างละเอียด และสอบสวนญาติผู้ตายว่ามีเรื่องขัดแย้งกับใครบ้างในพื้นที่ เพื่อสืบสวนหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว เนื่องจากเป็นคดีสะเทือนขวัญประชาชน ผู้ตายเป็นถึงกำนัน และเป็นหลานของนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา อดีตประธานรัฐสภา และสส.หลายสมัยของจังหวัดยะลา
มอบตัวแสดงความบริสุทธิ์
อ.เมืองจ.ยะลา วันที่9 ก.พ.53 เวลา 10.00 น. ที่ ห้องประชุมปกครองจังหวัดยะลา อาคาร 1(อาคารเก่า) ศาลากลางจังหวัดยะลา เจ้าหน้าที่ 3 ฝ่ายของอำเภอกาบัง และอำเภอบันนังสตานำตัวผู้ต้องหาตามหมายจับ ป.อาญา และหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 4 นาย และบุคคลต้องสงสัยมีส่วนร่วมการก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่อีก 8 คน เข้ามามอบตัวเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจต่อนายกฤษฏา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา
หลังจากที่ถูกทางการออกหมายจับ ป.วิอาญา และ หมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ประกอบด้วย
1).นายสตอฟา บูเก๊ะก๊ะ อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 92 หมู่ที่ 4 ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา
2).นายอายุ แบรอ อายุ 21 ปี อยู่ ต.ตาเนาะปูเต๊ะ อ.บันนังสตา มีหมาย ป.วิอาญา ที่ จ.459/51 ลงวันที่27พ.ค.2551สภ.ยะรังจ.ปัตตานี
3).นายมาหามะ เปาะวอ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่57 หมู่ที่ 7 ต.บาละ อ.กาบัง มีหมายจับ ป.วิอาญา ยิงเจ้าหน้าที่ อส.เมื่อปี 2551 ตามหมายจับ ที่ 19/52 ลงวันที่ 17 ม.ค.2552 ของ สภ.กาบัง
4).นายอดินันท์ สะนิ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 124 หมู่ที่ 5 ต.กาบัง อ.กาบัง มีหมายจับ ป.อาญา ที่ จส.161/50 ลงวันที่ 25 เม.ย.2550 ของ สภ.กาบัง 2 หมายในคดีใช้อาวุธปืนยิงเจ้าหน้าที่อส.ประจำอำเภอกาบังเมื่อปี2550เสียชีวิต
นอกจากนี้ ยังผู้ต้องสงสัยมีส่วนร่วมในการก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่จำนวน 8 คน เข้ามาแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วย ในจำนวนนี้มีผู้หญิง 2 คนด้วย ทั้งนี้ แหล่งข่าวแจ้งว่านายมาหามะ เปาะวอ หนึ่งในผู้ต้องหาตามหมายจับ ได้หลบหนีเข้าไปยังประเทศมาเลเซีย เมื่อทราบว่าทางศูนย์สันติสุขยะลา เปิดให้โอกาสกับผู้ที่หลงผิด เข้ามามอบตัว จึงได้ติดต่อผ่านปลัดป้องกัน อ.กาบัง เพื่อเข้ามามอบตัว
นายกฤษฏา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา กล่าวว่า ตนขอยืนยันว่าเมื่อทุกคนมาแสดงความบริสุทธิ์ใจกับผู้ว่าราชการจังหวัดแล้ว จะให้ความเป็นธรรมกับทุกคนเป้นอย่างดีที่สุด โดยเฉพาะ ในวันนี้มีทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง มาเป็นสักขีพยานพร้อมกัน และตรวจลายนิ้วมือและ DNA ของทุกคนเพื่อนำไปตรวจสอบยืนยันความบริสุทธิ์อีกทางหนึ่งด้วยจึงขอให้ทุกคนมั่นใจว่าตนและฝ่ายทหาร ตำรวจ พร้อมที่จะให้ความเป็นธรรมกับผู้บริสุทธิ์ทุกคน และขอให้ช่วยกระจายข่าวไปถึงผู้หลงผิดทุกคน หากจะกลับใจเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ สามารถติดต่อกับกองกำลัง 3 ฝ่าย ในพื้นที่ได้ตลอดเวลา
รดน้ำศพครูสัมฤทธิ์
อ.เมืองยะลา วันที่ 9 ก.พ.53 เวลา 14.30 น. ที่วัดเวฬุวัน ต.สะเตง เทศบาลนครยะลา อ.เมืองยะลา นายธีรเทพ ศรียะพันธ์ ผวจ.ปัตตานี เป็นประธานในพิธีรดน้ำศพ นายสัมฤทธิ์ พันธเดช อายุ 52 ปี ครูโรงเรียนบ้านบาโงยีเม็ง หมู่ที่ 5 ต.กะลุบี อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี ซึ่งถูกคนร้ายใช้อาวุธสงคราม เอ็ม 16 ลอบยิงและเผา ขณะขับขี่รถ จยย.ส่วนตัวเดินทางกลับจากโรงเรียน เพื่อเดินทางกลับบ้าน ในตัวเมืองจังหวัดยะลาเมื่อเวลา16.00น.วันที่8ก.พ.53
เหตุเกิดบนถนนภายในหมู่บ้าน สายเขาดิน บ้านบือแนลาแล หมู่ที่ 8 ต.ปล่องหอย อ.กะพ้อ ในพิธีมีเพื่อนข้าราชการครู ญาติพี่น้อง ทหาร ตำรวจมาร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก ในโอกาสเดียวกันนี้ นายธีรเทพ ศรียะพันธ์ ผวจ.ปัตตานี ได้มอบเงินเยียวยาให้กับ นายวิชัย และนางอัมพร พันธเดช พ่อและแม่ของผู้ตายจำนวน500,000บาทด้วย
นางเสาเราะ อาแซ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านบาโงยีเม็ง ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของผู้ตาย กล่าวว่า ครูสัมฤทธิ์ เป็นคนดี ทุ่มเทการทำงานด้วยความเสียสละมาโดยตลอด ก่อนเสียชีวิตครูสัมฤทธิ์ ได้กล่าวกับเพื่อนครูว่า คนเราจะตายเมื่อไรไม่มีใครรู้ แต่ขอให้ทำความดีให้มากที่สุดก่อนที่จะตายก็ภูมิใจแล้ว
สำหรับครูสัมฤทธิ์ พันธเดช จบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาสุขศึกษา จากมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา บรรจุเข้ารับราชการครั้งแรก เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2539 ที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาปัตตานี และย้ายมาเป็นครูโรงเรียนบ้านบาโงยีเม็ง ทำหน้าที่ครูประจำชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เมื่อ ปี 2540 ครูสัมฤทธิ์ ยังไม่มีครอบครัว อาศัยอยู่กับพ่อและแม่ ที่บ้านตัวเอง ที่บ้านเลขที่10 ซอยสะพรั่งอุทิศ ถนนอาคารสงเคราะห์ ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา
ยิงผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านตาย
อ.หนองจิก จ.ปัตตานี วันที่10 ก.พ.53 เวลา 10.15 น. พ.ต.อ.ชัชชัย วงศ์สุนะ ผกก.สภ.หนองจิก จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งเหตุยิงกันบนถนนทางหลวงชนบท บริเวณ ม.5 บ้านคลองวัว ต.ดอนรัก อ.หนองจิก เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ จำนวน 1ราย ทราบชื่อคือนายจรัญ เฮ่าบุญ อายุ32 ปี ตำแหน่งผู้รักษาความสงบหมู่บ้าน อยู่บ้านเลขที่ 52/1 ม.1 ค.ลิปะสาโง อ.หนองจิก
ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ รุ่น100 สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียนกมง 769 ปัตตานี กลับมาจากตลาดนัดบ้านดอนรัก เพื่อมุ่งหน้ากลับบ้าน ในระหว่างเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ ได้มีคนร้ายไม่จำนวน ใช้อาวุธปืนพกสั้นไม่ทราบขนาดตามประกบยิง จำนวนหลายนัด กระสุนเข้าที่บริเวณศีรษะ แขนซ้าย และมือขวา จำนวน 3 นัด เป็นเหตุให้รถเสียหลักและเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ
ยิงอส.ตาย
อ.หนองจิก จ.ปัตตานี วันที่ 10 ก.พ.53 เวลา 13.00 น.พ.ต.อ.ชัชชัย วงศ์สุนะ ผกก.สภ.หนองจิก ได้รับแจ้งเหตุยิงกันที่ สนามแข่งนกกรงหัวจุก บ้านปรัง ม.2 ต.ท่ากำชำ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิตในสภาพนอนหงายใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาว กางเกงยีน มีเลือดท่วมตัว ข้างเอวของผู้ตายมีซองปืนเหน็บอยู่ ทราบชื่อ นายสมคิด ไชยนุ้ย อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 187 ม.13 ต.ท่าม่วง อ.เทพา จ.สงขลา ซึ่งเป็นอดีต อส.เทพา จ.สงขลา ถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกสั่นไม่ทราบชนิด เข้าบริเวณลำตัว จำนวน 3 นัด ในที่เกิดเหตุยังพบสร้อยคอพระเครื่องเปื้อนเลือดและบัตรประจำตัวของผู้ตายตกอยู่
ในขณะที่นายสมคิด กำลังลุ้นนกกรงหัวจุกที่ตัวเองนำเข้าแข่งขันอยู่นั้น ได้มีคนร้ายจำนวน 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ซูซูกิ ไม่ติดป้ายทะเบียนมาจอดอยู่ข้างสนามแข่งนก จากนั้นคนร้ายที่ซ้อนท้ายได้เดินลงจากรถแล้วตรงไปยังผู้ตาย พอได้จังหวะ ก็ใช้อาวุธปืนยิงทันที ต่อหน้าประชาชนจำนวนมาก เป็นเหตุให้ นายสมคิด เสียชีวิตทันที หลังก่อเหตุคนร้ายได้หยิบปืนพกสั่น ขนาด 9 มม. ของผู้ตายไปด้วย ก่อนรีบวิ่งขึ้นรถจักรยายนต์ที่เพื่อนติดเครื่องทิ้งไว้ก่อนจะหลบหนี้ไป ส่วนสาเหตุยังอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว หรือเหตุความไม่สงบในพื้นที่
ประกบยิงผู้ใหญ่บ้าน
อ.บันนังสตา จ.ยะลาวันที่ 10 ก.พ.53 เวลา 12.15 น. พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผกก.สภ.บันนังสตา จ.ยะลา รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มรถปิกอัพ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ที่บ้านทำนบ หมู่ 5 ต.ตาเนาะปูเต๊ะ จึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.วิชัย แจ้งสกุล รอง ผกก.สส. นายอุสมาน บุญยมินทร์ ปลัดหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงอำเภอบันนังสตา สนธิกำลังรุดไปที่เกิดเหตุ อยู่ระหว่างหลัก กม.22-23
ที่เกิดเหตุพบรถปิกอัพยี่ห้ออีซูซุ หมายเลขทะเบียน ตจ-4923 ยะลา และยี่ห้อมิตซูบิชิสีดำ ป้ายทะเบียน กค-7949 ตรัง จอดอยู่ในคูข้างทาง บนถนนสาย 410 (ยะลา-เบตง) รถทั้งสองคันสภาพตัวถังพรุนและกระจกหน้าแตก มีคราบเลือดเปรอะบนพื้น ส่วนผู้บาดเจ็บทราบชื่อ ส.อ.พิพัฒน์พงษ์ สนิทไทย สังกัด ฉก.ยะลา 16 อ.ธารโต และนายเปาซี ยะโก๊ะ อายุ 39 ปี เป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 บ้านบัวทอง ต.บ้านแหร อ.ธารโตทั้งคู่ถูกกระสุนปืนได้รับบาดเจ็บสาหัสมีผู้นำส่งโรงพยาบาลบันนังสตา
จากการตรวจสอบพบปลอกกระสุนปืนอาก้า และเอ็ม.16 ตกกระจัดกระจายบนพื้นถนนจึงเก็บรวบรวมไว้ได้นับสิบปลอก หลังจากนั้นได้ติดตามไปสอบสวนผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาล ปรากฏว่าแพทย์กำลังให้การช่วยเหลืออยู่ในห้องฉุกเฉิน ก่อนที่จะส่งตัวไปรักษาต่อที่ รพ.ศูนย์ยะลา ในเวลาต่อมา
ก่อนเกิดเหตุนายเปาซี ยะโก๊ะ ได้ขับรถปิกอัพเดินทางเข้าตัวเมืองยะลา ช่วงมาถึงที่เกิดเหตุมีคนร้ายไม่ต่ำกว่า 3 คนใช้รถกระบะไม่ทราบสีและยี่ห้อขับไล่ติดตามไป จังหวะที่ขับแซง คนบนกระบะท้ายได้ใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มกระสุนถูกรถทะลุไปถูกนายเปาซีได้รับบาดเจ็บ
ขณะเดียวกันรถปิกอัพเจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.ยะลา 16 ซึ่งมีส.อ.พิพัฒน์พงษ์ สนิทไทย เป็นหัวหน้าชุดนำกำลังเดินทางไปราชการที่ตัวจังหวัดตามหลังมาประสบเหตุ ได้ใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้กับคนร้ายแต่ถูกยิงสวนมาจนได้รับบาดเจ็บ หลังจากนั้นพวกคนร้ายถือโอกาสขับเข้าซอยข้างทางหลบหนีเข้าไปในหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว
ยิงชาวบ้าน
อ.สายบุรี จ.ปัตตานี วันที่ 10 ก.พ.53 เวลา 08.30 น. พ.ต.อ.วัลลพ จำนงอาสา ผกก.สภ.สายบุรี จ.ปัตตานี นำกำลังไปตรวจเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิตบนถนนสายกะพ้อ สายบุรี บ้านปาโอ๊ะ ม.4 ต.มะนังดาลำ ไปถึงพบผู้เสียชีวิตนอนตายจมกองเลือด ทราบชื่อ นายมะสะกรี เจ๊ะนะ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 56 บ้านละหาร ม.5 ต.สามัคคี อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 11 มม.เข้าศรีษะ 1 นัด ใกล้กันพบรถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า ทะเบียน กษข 278 นราธิวาส และพบปลอกกระสุน1ปลอก
ขณะที่ผู้ตายขี่รถ จยย.เพื่อทำงานรับจ้างก่อสร้างที่โรงเรียนบ้านป่าม่วง ระหว่างทางถูกคนร้าย 2 คนขี่รถ จยย.ตามประกบยิงจนเสียชีวิต สาเหตุตั้งไว้ 2 ประเด็นคือเรื่องส่วนตัวและอาจจะเชื่อมโยงสถานการณ์ใต้
ลอบวางระเบิดทหาร
อ.รามันจ.ยะลา วันที่11 ก.พ.53 เวลา 07.45 น.ร.ต.ท.วรนันท์ โฉสูงเนิน ร้อยเวร สภ.รามัน จ.ยะลา ได้รับแจ้งมีเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหาร ร้อย ร.152113 ฉก.12 อ.รามัน บนถนนสายรามัน-ท่าธง บ้านกือเม็ง หมู่ที่ 1 ต.อาซ่อง ห่างจากโรงเรียนบ้านตะโล๊ะสะดา ประมาณ 600 เมตร
หลังได้รับแจ้ง พ.ต.อ.สุริยา ไชยโยธา รอง ผบก. พ.ต.อ.นรินทร์ บูสะมัญ ผกก. พ.ต.อ.สุรพล มุ่งมา ผกก.สอบสวน ภ.จว.ยะลา พ.ท.อิศรา จันทกระยอม ผบ.ฉก.12 กำลัง ตำรวจ ชุดเก็บกู้ระเบิด ศรศึก ศรชัย ตร.ภ.จว.ยะลา ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดยะลา และกำลังทหาร ตำรวจจำนวนหนึ่ง
ที่เกิดเหตุบริเวณริมถนน เจ้าหน้าที่พบหลุมระเบิดขนาดกว้าง 1 เมตร ลึก 1 เมตร บนผิวถนนมีรอยเลือดกองใหญ่ 2 จุด ห่างกันเล็กน้อยมีเศษเหล็กขนาด 2 หุน ตัดเป็นชิ้นเล็กๆ กระจัดกระจายบนพื้นถนนจำนวนมาก ห่างหลุมระเบิดเล็กน้อย มีสายไฟสีแดง ลากยาวเข้าไปในสวนยางพาราเป็นระยะทางประมาณ 100 เมตรเจ้าหน้าที่ได้เก็บทั้งหมดเป็นหลักฐานในการตรวจสอบ
ส่วนผู้บาดเจ็บถูกเพื่อนทหารนำส่ง รพ.รามัน ก่อนที่จะส่ง รพ.ศูนย์ยะลาในเวลาต่อมา ทราบชื่อ พลทหาร เจ๊ะดาฮารี เจ๊ะอาแว อายุ 23 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณขาขวา กระดูกแตกละเอียด ต้องตัดขาออก พลทหารฮำดีละ หามะ อายุ 21 ปี ถูกสะเก็ดระเบิด บริเวณใต้คาง และมือซ้าย ทั้งสองอาการสาหัส
จากการสอบสวนทราบว่า กำลังทหารทั้งหมด 9 นายมี ส.อ.เกรียงศักดิ์ ไกรสวัสดิ์ เป้นหัวหน้าชุด ได้รับคำสั่งจาก ร.ท.พรณรงค์ ตันจีบุณย์ ผบ.ร้อย ร.152113 ให้ออกไปลาดตระเวนคุ้มครองเส้นทาง รักษาความปลอดภัยครู ขณะที่กำลัง ทหารลาดตระเวนเดินเท้าถึงที่เกิดเหตุคนร้ายได้กดระเบิดชนิดแสวงเครื่อง ที่ฝังไว้ใต้ดินข้างถนนใต้ต้นพุทรา ด้วยรีโมต จนเกิดระเบิดดังขึ้นสนั่นหวั่นไหวเป็นเหตุให้ทหารได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
คนร้ายใช้ระเบิดชนิดแสวงเครื่องน้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัม บรรจุกล่องเหล็กขนาด 4x4 นิ้ว ใช้กดระเบิด 2 ระบบ ทั้งการใช้กดด้วยแบตเตอรี่ และรีโมตคอนโทรลเบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าเป็นการก่อเหตุเพื่อสร้างสถานการณ์และมุ่งร้ายต่อชีวิตเจ้าหน้าที่ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตการเคลื่อนไหวของนายซอฟวัน สะมะ และนายรุสลี แบรอสะแม สองแกนนำอาร์เคเคคนสำคัญ โดยมีแนวร่วมในพื้นที่ให้การสนับสนุน
ยิงชาวบ้านหลังละหมาด
อ.มายอ จ.ปัตตานี วันที่12 ก.พ.53 เวลา 13.30 น. พ.ต.ท.อนุสรณ์ จันทร์กลับ สารวัตรเวร สภ.มายอ จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกันบนถนนสายปาลัส-มายอ ม6 ต.ลางา นำกำลังไปตรวจสอบพบรถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้าไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนล้มข้างทางและมีเลือดจำนวนมากบนถนน ส่วนคนเจ็บถูกพลเมืองดีนำส่งรพ.มายอ
ทราบชื่อ นายมะสาปาเร เจ๊ะเต อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8 ม.4 ต.นาเกตุ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ถูกยิงด้วยอาวุธพกสั้นไม่ทราบขนาดเข้าแขนและขาซ้าย 2 นัด แพทย์ได้ให้ความช่วยเหลือจนปลอดภัยและส่งต่อไปรักษาตัวที่รพ.ปัตตานี
สอบสวนก่อนเกิดเหตุทราบว่า ขณะที่ นายมะสาปาเร ขับขี่รถ จยย.กลับมาจากละหมาดที่มัสยิดในหมู่บ้านและกำลังเดินทางกลับบ้านพัก ระหว่างทางถูกคนร้าย 2 คนขี่รถ จยย.ตามประกบยิง
อีกราย พ.ต.ท.อาคม บัวทอง สวญ.สภ.โสร่ง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี นำกำลังเข้าไปตรวจสอบเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิตบริเวณตลาดนัดบ้านจาเราะ ม.5 ต.เขาตูม ไปถึงพบเพียงกองเลือด โดยคนเจ็บถูกนำส่ง รพ.ศูนย์ยะลา และได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ทราบชื่อ อส.ทพ.อันวา ยามา อายุ 30 ปี สังกัดกรมทหารพรานที่ 41 จ.ยะลา มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืน .38 เข้าศีรษะ 1 นัด
สอบสวนทราบว่า ผู้ตายกำลังเดินซื้อของในตลาดนัด ได้มีคนร้าย 3 คนเดินตามหลังก่อนชักอาวุธปืนจ่อยิงศีรษะต่อหน้าประชาชนจำนวนมาก จนผู้ตายล้มฟุบกองกับพื้นและเสียชีวิต หลังก่อเหตุคนร้ายได้วิ่งหลบหนีไป
ยิงผู้สมัครผู้ใหญ่บ้าน
อ.ยะรังจ.ปัตตานี วันที่ 13 ก.พ.53 เวลา 01.00 น. พ.ท.ต่วนเดร์ จุฑานันท์ รอง ผกก.สส.สภ.ยะรัง จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกันหน้าบ้านเลขที่ 111/15 บ้านเกาะบาตอ ม.5 ต.เมาะมาวี หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ พล.ต.ต.พิเชษฐ์ ปิติเศรษฐพันธ์ ผบก. พ.ต.อ.จีรวัฒน์ อุดมสุด รอง ผบก. นำกำลังไปที่เกิดเหตุ ไปถึงพบผู้เสียชีวิต ทราบชื่อ นายอันวาร์ วิชา อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 138/1 ม.5 ต.เมาะมาวี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนสงครามเข้าลำตัว
นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 2 รายถูกนำส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา ทราบชื่อ นายดอรอแม็ง สามะ อายุ 65 ปี เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ และ น.ส.มุรณี สามะ อายุ 21 ปี ลูกสาว โดยทั้งสองถูกยิงด้วยอาวุธชนิดเดียวกันเข้าลำตัวได้รับบาดเจ็บ จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุ พบว่าบริเวณหน้าบ้านมีรูกระสุนหลายแห่งและพบปลอกกระสุนปืน เอ็ม 16 อาก้า และลูกซองตกเกลื่อนบนถนนกว่า 20 ปลอกเจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
สอบสวนทราบว่า ผู้ตายเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ใหญ่บ้าน โดยก่อนเกิดเหตุขณะที่ทั้ง 3 คนกำลังนั่งพูดคุยกันอยู่หน้าบ้าน ปรากฏว่ามีคนร้าย จำนวน 6 คนใช้รถยนต์กระบะไม่ทราบยี่ห้อและหมายเลขทะเบียนขับมาจอดหน้าบ้าน จากนั้นคนร้ายที่นั่งท้ายกระบะรถ 3 คนใช้อาวุธสงครามกราดยิงทั้งสามคนทันทีจนเสียงดังสนั่น ทำให้ประชาชนที่อยู่บริเวณในที่เกิดเหตุต่างวิ่งหนีตายคนละทิศละทาง จากนั้นคนร้ายได้เร่งเครื่องหลบหนีไป หลังเสียงปืนสงบปรากฏว่ามีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บดังกล่าว หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจ ทหารได้ไล่ติดตามพร้อมสกัดกั้นเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะหลบหนีไปแต่ก็ไร้วี่แวว เบื้องต้นสาเหตุครั้งนี้เชื่อน่าจะเป็นเรื่องการเมืองท้องถิ่น เนื่องจากผู้ตายเป็นผู้สมัครผู้ใหญ่บ้านที่มีการคาดกันว่าจะได้รับการเลือกตั้งจึงถูกเก็บ ส่วนเหตุความไม่สงบก็ไม่ตัดทิ้ง เจ้าหน้าที่จะได้สืบสวนสอบสวนต่อไป
ยิงโจรตาย1
อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส วันที่ 14 ก.พ.53 เวลา 06.30 น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงสนธิกำลัง 3 ฝ่าย ทหารหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาสที่ 32 เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในพื้นที่อำเภอบาเจาะ กว่า 100 นาย เข้าปิดล้อมตรวจค้นในพื้นที่ ม.3 บ.คลอแระ ต.บาเร๊ะใต้ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส หลังสืบทราบว่าในพื้นที่ดังกล่าวมีกลุ่มผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีความมั่นคงเข้ามาเคลื่อนไหว เพื่อเตรียมก่อเหตุช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งจากการเข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านเลขที่ 38 ม.3 บ.คลอแระ เจ้าหน้าที่ถูกคนร้ายประมาณ 5 -6 คน ใช้อาวุธสงครามยิงใส่เจ้าหน้าที่ และพยายามหลบหนีออกทางด้านหลังบ้าน ทำให้เกิดการปะทะกันขึ้น นานกว่า 20 นาที จนเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมกลุ่มคนร้ายได้3ราย
จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุโดยรอบเจ้าหน้าที่พบคนร้ายเสียชีวิตจากการปะทะ 1 ราย ซึ่งคนร้ายสวมชุดสีดำ ข้างกายมีปืนพกสั้นขนาด 11 มม. ตกอยู่ ตามร่างกายถูกยิงเข้าบริเวณหน้า แขน โดยเจ้าหน้าที่ประสานชุดกองวิทยาการพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบ
สำหรับคนร้ายที่เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวได้ ทราบชื่อคือ นายอับดุลฮาซิส สาและ บ้านเลขที่ 126 ม.4 ต.ดอนทราย อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี เป็นผู้ต้องหาคดีความมั่นคงรวม 12 คดี มีค่าหัวนำจับ 2 ล้านบาท และนายคอลี ซูเดาะ บ้านเลขที่ 58/1 ม.4 ต.ดอนทราย อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี มีหมายจับคดีความมั่นคง 1 คดี ส่วนอีก 1 ราย คือนายอัมเซาะ สาเมาะ อายุ 23 ปี เป็นเจ้าของบ้านในพื้นที่ บ.คลอแระ ต.บาเร๊ะใต้
ทั้ง 3 รายเจ้าหน้าที่ทำการสอบสวนอย่างเคร่งเครียดเพื่อขยายผลถึงกลุ่มคนร้ายที่หลบหนี ซึ่งคาดน่าจะหลบหนีได้ 2 ราย
ยิง2แม่ลูกตาย
อ.ปานาเระ จ.ปัตตานี วันที่14 ก.พ.53 เวลา 11.00 น. พ.ต.อ.นฤชา สุวรรณลาภา ผกก.สภ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกันบนถนนในหมู่บ้าน ม.4 บ้านโต๊ะสา ต.ท่าน้ำ นำกำลังตำรวจ ทหาร ไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พล.ต.ต.พิเชษฐ์ ปิติเศรษฐพันธ์ ผบก. พ.ต.อ.จีรวัฒน์ อุดมสุด พ.ต.อ.โพธ สวยสุวรรณ รอง ผบก. ไปถึงพบผู้เสียชีวิต 2 ศพ คือ นางรัตยา แดงประเทศ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12/1 ม.2 ต.คอกกระบือ อ.ปะนาเระ ถูกยิงด้วยอาวุธขนาด 11 มม.เข้าศีรษะ 1 นัด และ ด.ญ.จีรพัฒน์ แดงประเทศ อายุ 14 ปี ลูกสาวเรียนอยู่ชั้น ม.2 โรงเรียนวุฒิชัยวิทยา ถูกยิงด้วยอาวุธปืนชนิดเดียวกันเข้าลำตัว ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า ล้มข้างทาง นอกจากนี้ยังพบปลอกกระสุนปืนขนาด 11 มม. จำนวน 3 ปลอกจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
สอบสวนก่อนเกิดเหตุทราบว่า ขณะที่ นางรัตยา ขับขี่รถจักรยานยนต์กลับมาจากตลาดนัดปาลัสและกำลังเดินทางกลับบ้านพัก โดยมี ด.ญ.จีรพัฒน์ ลูกสาวนั่งซ้อนท้ายมาด้วย ปรากฏว่าเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถูกคนร้าย 2 คนเป็นชายวัยรุ่นขี่รถจักรยานยนต์ตามหลัง จากนั้นได้ชักอาวุธปืนยิง จำนวน 5 นัดกระสุนถูกผู้ตายจนเสียชีวิตทันทีทั้ง 2 ศพ
ยิง2แม่ลูกชาวสวนตายอีก 2
อ.ระแงะ จ.นราธิวาส วันที่ 15 ก.พ.53 ร.ต.ท.เฮรามาน เจ๊ะดี ร้อยเวร สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส ได้รับแจ้งเหตุมีคนถูกยิงเสียชีวิต 2 ศพที่บริเวณป่าสวนยางพาราบนเทือกเขาลูโบ๊ะบาเดาะ ตั้งอยู่หลังหมู่บ้านกูจิงลือปะ ม.4 ต.เฉลิม อ.ระแงะ จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.นิตินัย หลังยาหน่าย ผกก.สภ.ระแงะ พ.ต.ท.จันที แจ่มจันทร์ หัวหน้ากองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยนรา 01 และกำลังตำรวจทหารฝ่ายปกครองจำนวนหนึ่งรุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
โดยเจ้าหน้าที่นำกำลังเดินเท้าขึ้นไปบนเทือกเขาหลังโรงเรียนบ้านกูจิงลือปะประมาณ 2 กิโลเมตร พบศพ 2 แม่ลูกนอนจมกองเลือดใกล้กันโคนต้นยางพารา โดยศพแรกคือ นางเจ๊ะแม๊ะ หะแย อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55 ม.4 ต.เฉลิม อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นบุคคลต้องสงสัยตามหมาย พ.ร.ก.ของเจ้าหน้าที่ โดยมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนเอ็ม 16 ที่บริเวณลำคอทะลุด้านหน้า แผ่นหลัง และหน้าอก รวม 3 นัด
ส่วนศพที่ 2 คือ น.ส.บาราตี ลาบอ อายุ 25 ปี ซึ่งเป็นลูกสาวของนางเจ๊ะแม๊ะ มีบาดแผลถูกกระสุนปืนชนิด และขนาดเดียวกันที่บริเวณแผ่นหลังและหน้าอก รวม 2 นัด ส่วนในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 ตกอยู่ที่เกิดเหตุ จำนวน 6 ปลอก จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐานก่อนที่จะมอบศพให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยนรา 01 ส่งโรงพยาบาลระแงะ เพื่อให้แพทย์ทำการชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียดอีกครั้ง
จากการสอบสวนนายมะยาเซะ ลาบอ ซึ่งเป็นสามีของผู้ตายทราบว่า ในระหว่างที่ภรรยา ลูก และตนรวม 3 คนกำลังแยกย้ายกันกรีดยางพาราอยู่นั้น ได้มีคนร้ายจำนวน 1 คน แต่งกายชุดดำโดยในมือถืออาวุธปืนเอ็ม 16 เดินลงจากเทือกเขา และได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่ภรรยาและลูก จำนวน 5-6 นัดซ้อน จนภรรยาและลูกล้มทั้งยืน ตนเห็นดังนั้นจึงได้รีบวิ่งหลบหนีไป และได้เดินลัดเลาะแจ้งให้ชาวบ้านได้รับทราบเพื่อแจ้งเจ้าหน้าที่มาทำการตรวจสอบดังกล่าว
ส่วนสาเหตุเจ้าหน้าที่เชื่อว่า น่าจะเป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่เพื่อฆ่าตัดตอน เกรงว่านางเจ๊ะแม๊ะซึ่งเป็นบุคคลต้องสงสัยตามหมาย พ.ร.ก.จะแพร่งพรายความลับให้เจ้าหน้าที่ได้รับทราบถึงเครือข่าย
ยิงแกนนำตาย1เจ้าหน้าที่เจ็บ5
อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส วันที่ 15 ก.พ. เวลา 22.10 น. ขณะที่นายจักรา พรหมแก้ว ปลัดอำเภอเจาะไอร้อง จ.นราธิวาส พร้อมด้วยอาสาสมัครรักษาดินแดน รวม 7 นาย นั่งรถยนต์กระบะหุ้มเกราะ 4 ประตู ยี่ห้ออีซูซุ สีน้ำเงินไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ไปตามถนนสายเจาะไอร้อง จะแนะ เพื่อลาดตระเวนตรวจสอบความเรียบร้อยของจุดตรวจ อส.ที่ตั้งอยู่บริเวณหน้ามัสยิดอัลฟุรกอน บ้านไอปาแยม.8ต.จวบอ.เจาะไอร้องจ.นราธิวาส
แต่เมื่อนายจักรา ปลัดอำเภอและ อส. นั่งรถยนต์ผ่านไปได้ประมาณ 800 เมตร ได้มีคนร้ายประมาณ 10 คน พร้อมอาวุธปืนครบมือ ได้แยกกำลังออกเป็น 2 ชุด โดยชุดแรกได้นำขอนไม้มาวางดักไว้กลางถนน และชุดที่ 2 ได้วางกำลังไว้ในสวนยางพาราที่รกทึบห่างจากชุดแรกประมาณ 50 เมตร
นายจักราจึงสั่งพลขับจอดรถเพื่อตรวจสอบ ทันใดนั้นคนร้ายทั้ง 2 ชุด จึงได้ใช้อาวุธปืนสงคราม เอ็ม.16 และ อาก้ายิงถล่มใส่รถยนต์ และทั้ง 2 ฝ่ายได้เปิดฉากยิงปะทะกันเป็นระลอกๆ นายจักราจึงได้ประสานไปยังศูนย์วิทยุสื่อสารอำเภอเจาะไอร้อง เพื่อขอสนับสนุนกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารและฝ่ายปกครองเนื่องจากตกอยู่ในสภาวะคับขัน
ต่อมา พ.ท.จรัญ เอี่ยมฐานนท์ รอง ผบ.กรมทหารพรานที่ 45 พ.ท.ยุทธนา สายประเสริฐ ผบ.ฉก.นราธิวาส 31 และ พ.ต.อ.พีระพล ณ พัทลุง ผกก.สภ.เจาะไอร้อง พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่ง ได้เข้าสนับสนุน และยิงปะทะกับกลุ่มคนร้ายอีกครั้งนาน 10 นาที กลุ่มคนร้ายเห็นจวนตัวจึงได้รีบนำกำลังล่าถอยไป
เมื่อเสียงปืนสงบลงเจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการเคลียร์พื้นที่ พบว่าคนร้ายเสียชีวิต 1 คน โดยในมือยังถืออาวุธปืนสงคราม เอ็ม.16 ในขณะที่รถยนต์กระบะหุ้มเกราะของเจ้าหน้าที่ได้รับความเสียหาย ถูกกระสุนปืนของคนร้ายที่บริเวณตัวถังด้านซ้ายเป็นรูพรุนล้อหน้าและล้อหลังด้านซ้ายแตก
ส่วนเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 5 นาย คือ 1. นายจักรา พรหมแก้ว ปลัดอำเภอเจาะไอร้อง 2. อส.มะรอมลี อาลี 3. อส.พรชัย ตูเร๊ะ 4. อส.มะรอพีอี สือแม และ 5. อส.วิเนตร ดำเปล่าเจ้าหน้าที่จึงได้รีบนำตัวส่งรักษาโรงพยาบาลเจาะไอร้อง แต่เนื่องจากมีอาการสาหัส 2 นาย คือ อส.มะรอมลี และ อส.พรชัย ซึ่งถูกกระสุนปืนของคนร้ายที่ลำตัวหลายแห่ง แพทย์จึงได้ส่งตัวรักษาต่อยังโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ และได้ประสานผู้ที่เกี่ยวข้องมาทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง
ต่อมา นายธนน เวชกรกานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พ.ต.ท.จันที แจ่มจันทร์ หัวหน้ากองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส อัยการจังหวัดและแพทย์โรงพยาบาลเจาะไอร้อง รวมทั้ง พ.ต.ท.สมใจ สิงห์เกลี้ยง พนักงานสอบสวนได้ร่วมกันตรวจสอบที่เกิดเหตุ และพบว่าผู้เสียชีวิตคือ นายอาหามัด สะรีสาเมาะ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 47 ม.6 บ้านบาโงดุดุง ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ซึ่งมีบาดแผลถูกกระสุนปืนของเจ้าหน้าที่พรุนไปทั้งร่าง ซึ่งนายอาหามัด ผู้ตาย เจ้าหน้าที่ตรวจสอบประวัติพบว่า เป็น 1 ใน 6 ผู้ต้องหาตามหมายจับก่อคดีความมั่นคงในพื้นที่ (RKK) จ.นราธิวาส ที่ได้ร่วมกับพวก รวม 6 คน หลบหนีออกจากห้องขังของ สภ.ตันหยง อ.เมืองนราธิวาส เมื่อวันที่ 13 ม.ค. 2551
ส่วนของกลางที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดได้กว่า 10 รายการ อาทิ อาวุธปืน เอ็ม.16 จำนวน 1 กระบอก ที่คนร้ายได้บุกปล้นมาจากคลังแสงของกองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 47 ที่ผ่านมา โดยมีหมายเลขประจำปืนที่ 9549940, ซองกระสุนปืนเอ็ม.16 จำนวน 6 ซอง, กระสุนปืนเอ็ม.16 จำนวน 180 นัด, อาวุธปืนพกสั้น ขนาด 9 ม.ม. 1 กระบอก, กระสุนปืน 9 ม.ม. 21 นัด, โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง, มีดสปาต้า 1 เล่ม, ลูกประคำ, ไฟฉาย, เข็มขัดซองกระสุนปืน, รองเท้าเดินป่า, นาฬิกาข้อมือ, กระเป๋าหนังสีดำ, กระเป๋าสตางค์และสมอลทอล์ค เจ้าหน้าที่จึงได้ยึดของกลางไปทำการตรวจสอบ และนำศพผู้เสียชีวิตส่งโรงพยาบาลเจาะไอร้อง เพื่อติดต่อญาติมารับศพไปประกอบพิธีทางศาสนา
ลอบยิงคนชราเจ็บ1
อ.ระแงะ จ.นราธิวาส วันที่ 16 ก.พ. 53 เวลา 10.19 น. เกิดเหตุคนร้ายลอบยิงในชาวบ้านได้รับบาดเจ็บสาหัสในพื้นที่ ต.มะรึโบตก อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เบื้องต้นทราบชื่อนางเลี่ยม ดวงจันทร์ อายุ 75 ปี ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้นำกำลังตรวจสอบในพื้นที่เกิดเหตุ และสอบสวนสาเหตุว่าเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุความไม่สงบหรือไม่
ชาวบ้านเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่เข้มความปลอดภัย
อ.ปานาเระ จ.ปัตตานี วันที่ 16 ก.พ.53 ชาวบ้าน ม.1, ม.2 และ ม.3 ต.คอกกระบือ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี กว่า 300 คน ได้รวมตัวชุมนุมประท้วงบนถนนเขตรอยต่อระหว่าง ม.4 บ้านโต๊ะชา ต.ท่าน้ำ และ ม.2 บ้านหัวนอน ต.คอกกระบือ เพื่อเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐดูแลความปลอดภัยของประชาชนให้มากขึ้น
หลังจากก่อนหน้านี้มีประชาชนผู้บริสุทธิ์ถูกทำร้ายเสียชีวิตไปแล้ว 4 และยังเกิดเหตุสลดซ้ำอีก โดยเฉพาะเร่งดำเนินการติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุยิงนางรัตยา แดงประเทศ อายุ 44 ปี และ ด.ญ.จีรพัฒน์ แดงประเทศ อายุ 14 ปี ลูกสาวที่เรียนอยู่ชั้น ม.2 โรงเรียนวุฒิชัยวิทยา เสียชีวิตอย่างโหดเหี้ยม ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์กลับตลาดนัดเพื่อไปบ้านพัก เหตุเกิดเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2553
โดยกลุ่มผู้ชุมนุมมีทั้งชาวไทยพุทธ และชาวไทยมุสลิม ต่างถือป้ายผ้า และพ่นสีบนถนนที่มีข้อความว่า ตายหลายศพ รัฐช่วยไม่ได้ พร้อมกันนี้กลุ่มผู้ชุมนุมยังได้มีการตัดต้นไม้ใหญ่ จำนวน 4 ต้น และนำลวดหนามมาขวางถนน เพื่อแสดงจุดยืนถึงการชุมนุมประท้วงที่ต้องการให้เจ้าหน้าที่ของรัฐเร่งแก้ปัญหาความไม่สงบ การสังหารโหดประชาชนผู้บริสุทธิ์ และการดูแลความปลอดภัยประชาชนอย่างจริงจังและจริงใจ เพื่อประชาชนจะได้มีชีวิตที่ปกติสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสงบสุข ไม่ต้องหวาดระแวงระหว่างประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ขณะที่ชุมนุมประท้วงได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง จำนวน 100นายคอยดูแลความสงบและความปลอดภัย
จนกระทั่งเวลา 10.00 น ว่าที่ร้อยตรีเลิศเกียรติ วงศ์โพธิพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี, พลตรีจีระศักดิ์ ชมประสพ ผบ.ฉก.ปัตตานี, พล.ต.ต.พิเชษฐ์ ปิติเศรษฐพันธ์ ผบก.ภ.จ.ปัตตานี ได้เดินทางมารับทราบปัญหา และเจรจาพร้อมทั้งรับข้อเสนอที่กลุ่มผู้ชุมนุมนำหนังสือเปิดผนึกมามอบ เพื่อนำไปแก้ปัญหาโดยข้อเรียกร้องดังกล่าวมี5ข้อคือ
1.ให้เจ้าหน้าที่จับคนร้ายที่ก่อเหตุให้ได้ภายใน 3 วัน
2.ให้จัดกำลังทหารเข้ามารับผิดชอบในเขตรอยต่อระหว่าง ต.คอกกระบือ ต.ท่าน้ำ ต.พ่อมิง อย่างถาวร
3.ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้าน ต.ท่าน้ำรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด
4.ถ้าชาวบ้านใน ต.คอกกระบือเสียชีวิตอีกจะไม่รับผิดชอบความปลอดภัยของผู้ที่เข้ามาในพื้นที่ ต.คอกกระบือ
5.ไม่เอาสมานฉันท์
หลังจากที่รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีได้รับมอบหนังสือข้อเรียกร้องดังกล่าวจากผู้ชุมนุมแล้ว จึงได้ขอเจรจาถึงข้อตกลงทั้ง 5 ข้อว่า จังหวัดสามารถดำเนินการได้เพียง 2 ข้อ และรับปากว่าจะดำเนินการ คือจะเร่งให้ความร่วมมือ และช่วยเหลือข้อปัญหาที่เกิดขึ้น และจะเร่งจัดตั้งฐานปฏิบัติการอย่างถาวร เพื่อดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมยังคงปักหลักประท้วงและยังไม่มีการนำต้นไม้ที่ขวางถนนออก เนื่องจากต้องการให้มีการจัดตั้งฐานปฏิบัติการทหารให้แล้วเสร็จจึงจะมีการสลายตัว
ยิงยายอายุ87ขณะซื้อของ
อ.ระแงะ จ.นราธิวาส วันที่ 16 ก.พ.53เวลา 10.20 น. พ.ต.อ.นิตินัย หลังยาหน่าย ผกก.สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส ได้รับแจ้งว่า มีเหตุคนถูกยิง ได้รับบาดเจ็บที่ หน้าร้านขายของชำเลขที่ 39/1 บ้านสถานีมะรือโบ ม.1 ต.มะรือโบตก อ.ระแงะ จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารจำนวนหนึ่ง ตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบเพียงกองเลือดบนพื้น ส่วนผู้บาดเจ็บถูกชาวบ้านนำส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ทราบชื่อนางเลี่ยง ดวงจันทร์ อายุ 87 ปี อยู่บ้านหลังเกิดเหตุ บาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกสั้นไม่ขนาด เข้าที่กลางหลังจำนวน3นัดอาการสาหัส
สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ขณะที่ผู้บาดเจ็บ กำลังนั่งขายของภายในร้าน ได้มีคนร้ายจำนวน 2 คน ขี่รถจยย.เป็นพาหนะ เข้ามาจอดหน้าร้าน โดย 1 ในคนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายได้ลงจากรถจักรยานยนต์และทำทีเป็นลูกค้า เพื่อซื้อของ ขณะที่ผู้บาดเจ็บหันหลังเพื่อหยิบของ คนร้ายได้ใช้อาวุธปืนที่เตรียมมา ยิงใส่จำนวนหลายนัด ทำให้ผู้บาดเจ็บล้มฟุบลงคาพื้น ได้รับบาดเจ็บสาหัสดังกล่าว ส่วนสาเหตุเจ้าหน้าที่คาดเป็นการก่อเหตุ ยิงผู้บริสุทธิ์เพื่อสร้างสถานการณ์ป่วนใต้
ยิงผู้บริสุทธิ์ตายอีก1
อ.กรงปีนัง จ.ยะลาวันที่ 16 ก.พ.53 เวลา 15.45 น. ร.ต.ต.สุทธิชัย คำมี ร้อยเวร สภ.กรงปินัง จ.ยะลา ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ว่า มีผู้ถูกยิงเสียชีวิตที่บริเวณบ้านปุโรง หมู่ที่ 2 ต.ปุโรง อ.กรงปินัง จ.ยะลา หลังได้รับแจ้งจึงรีบเดินทางไปยังบริเวณจุดที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.ท.นิกิตติ์พร เมฆาประสิทธิ์ สวป.นายอวยชัย จุฬาศิริวงศ์ ปลัดป้องกันอำเภอกรงปินัง กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองอีกจำนวนหนึ่ง
ที่เกิดเหตุบริเวณดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจพบรถปิกอัพยี่ห้อมิตซูบิชิ สตราด้า หมายเลขทะเบียน กข.3806 ปัตตานี จอดอยู่ริมถนนสายปุโรง - หน้าถ้ำ บริเวณสวนยางพารา ไม่พบหลักฐานใด ๆ ในรถ พบศพ นายสะตอพาร์เซะ กาเซ็ง อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13 หมู่ที่ 6 ต.ลาโละ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ด้วยอาวุธปืนไม่ทราบชนิด และ ขนาด กระสุนทะลุขมับซ้าย ชีวิตคาพวงมาลัยอย่างน่าอนาถ
ขณะเกิดเหตุไม่มีผู้ใดเห็น คาดว่า คนร้ายเป็นเพื่อนนายสะตอพาร์เซะได้นัดหมายกันมาตกลงเรื่องบางอย่างแล้วไม่ได้ผลจึงชักอาวุธปืนไม่ทราบชนิด และขนาดจ่อยิงแล้วหลบหนีไป ต่อมามีนางซอเดาะ จะกะปิ อายุ 30 ปี ภรรยานายสะตอพาร์เซะ อยู่บ้านเลขที่ 4 หมู่ ที่ 5 ต.บันนังสาเรง อ.เมืองยะลา เขตติดต่อ ได้เดินทางมาที่เกิดเหตุให้ปากคำว่า นายสะตอพาร์เซะ รู้จักกับเจ้าหน้าที่หลายฝ่าย และ ได้ไป ๆ มา ๆ ระหว่างบ้านที่ ต.ลาโละ และที่ ต.บันนังสาเรง โดยก่อนเกิดเหตุนายสะตอพาร์เซะได้ขับรถยนต์คันดังกล่าวออกจากบ้านพักแล้วหายไป
กระทั่งมีข่าวแพร่สะพัดว่ามีผู้ถูกยิงเสียชีวิตในรถปิกอัพลักษณะดังกล่าว จึงรีบเดินทางมาดู ปรากฏว่าเป็นนายสะตอพาร์เซะจริง ส่วนสาเหตุนั้นเจ้าหน้าที่อยู่ในระหว่างการสืบสวนสอบสวน แต่ไม่ทิ้งประเด็นในเรื่องการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่แต่อย่างใด
ทหารตาย2นายเจ็บ1ปืนหาย2กระบอก
อ.รือเสาะ จงนราธิวาส วันที่16 ก.พ.53 เวลา 15.40 น.ร.ต.ท.อุกฤช สังขมณี ร้อยเวร สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุคนร้ายดักซุ่มยิงเจ้าหน้าที่ทหาร ชุดลาดตระเวนเส้นทาง สังกัด ร้อย ร 1111 ฉก.นราธิวาส 30 เสียชีวิต 2 นาย และได้รับบาดเจ็บ 1 นาย บนถนนในพื้นที่ บ.ไอร์จือนะ ม.5 ต.โคกสะตอ อ.รือเสาะ จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.สามารถ วิชัยขัทคะ ผกก.สภ.รือเสาะ นายจำลอง ไกรดิษฐ์ นายอำเภอรือเสาะ พ.ต.ณัฐพงศ์ อัศวินวงศ์ รอง ผบ.ฉก.นราธิวาส 30 พ.ต.ท.จันที แจ่มจันทร์ หน.กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส และเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส พร้อมกำลังทหารตำรวจและฝ่ายปกครองจำนวนหนึ่งรุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
พบศพเจ้าหน้าที่ทหารทั้ง 2 นาย นอนจมกองเลือดอยู่ริมถนน โดยอยู่ในสภาพร่างกายถูกกระสุนปืนของคนร้ายพรุนไปทั้งร่างและทั้ง 2 ศพ ถูกปาดคอจนขาด ทราบชื่อคือ 1.ส.อ.นักรบ สมมูลนา และ 2. พลทหารสุริยา กงซุย นอกจากนี้จากการตรวจสอบที่บริเวณเนินดิน 2 ฟากถนนซึ่งเป็นสวนยางพารา เจ้าหน้าที่ยังสามารถตรวจสอบพบปลอกกระสุน เอ็ม.16 และอาก้าของคนร้ายตกอยู่ จำนวนกว่า80ปลอกเจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ คือ จ.ส.อ.ถนอม ทองเกลียว หัวหน้าชุดซึ่งถูกกระสุนปืนของคนร้ายที่บริเวณหัวไหล่ ชายโครงและขาขวาเพื่อนทหารได้นำตัวส่งรักษาโรงพยาบาลรือเสาะไปก่อนหน้าแล้ว
ก่อนเกิดเหตุ จ.ส.อ.ถนอม หัวหน้าชุดได้ระดมกำลัง รวม 7 นายพร้อมอาวุธปืนครบมือ เดินเท้าออกจากฐานซึ่งตั้งอยู่บ้านปาโงปะแต ม.1 ต.โคกสะตอ เพื่อลาดตระเวนตรวจสอบความเรียบร้อยเส้นทางให้กับคณะครูโรงเรียนบ้านธรรมเจริญเดินทางกลับบ้านพัก ถึงที่เกิดเหตุได้มีคนร้าย จำนวน 10 คน แยกกำลังออกเป็น 2 ชุด แฝงตัวอยู่บนเนินดินสวนยางพาราที่รกทึบ และได้ใช้อาวุธปืนสงคราม เอ็ม.16 และ อา.ก้า.ยิงถล่มใส่เจ้าหน้าที่ทหาร จนทั้ง 2 ฝ่ายได้เปิดฉากยิงปะทะกันเป็นละลอกๆ นาน 15 นาที แต่เจ้าหน้าที่กำลังน้อยกว่าและอยู่ในจุดอับ จึงถูกกลุ่มคนร้ายยิงได้รับบาดเจ็บ 1 นาย และเสียชีวิต 2 นาย ส่วนที่เหลือปลอดภัย แต่ถูกกลุ่มคนร้ายยิงเปิดทางและให้พวกอีก 2 คน วิ่งลงจากเนินดินลงมาหยิบอาวุธปืน เอ็ม.16 และกระสุนปืนของเจ้าหน้าที่ทหารทั้ง 2 นายที่เสียชีวิตก่อนที่จะหลบหนีไป
จยย.บอมส์หน้าเรือนจำเจ็บ3
อ.เมืองปัตตานี วันที่18 ก.พ.53 เวลา 07.45 น.ได้เกิดเหตุระเบิดที่รั้วเรือนจำกลางจังหวัดปัตตานี ม.8 ต.บานา อ.เมือง โดยคนร้ายได้ซุกซ่อนระเบิดไว้ในรถจักรยานยนต์แล้วจุดชนวนระเบิด ทำให้ชาวบ้านที่สัญจรผ่านไปมาได้รับบาดเจ็บทันที 3 ราย ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้นำกำลังเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ จึงพบวัตถุต้องสงสัยอยู่ห่างจากซากรถจักรยานยนต์ประมาณ 3 เมตร ชุดเก็บกู้ระเบิดจึงใช้ปืนลูกซองยิงทำลายจำนวน 5 นัด ปรากฏว่าเกิดเหตุระเบิดขึ้นอีกครั้ง โดยเป็นระเบิดแสวงเครื่องที่จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากได้กันผู้ไม่เกี่ยวข้องออกจากพื้นที่
กู้ระเบิดได้อีก1ลูก
อ.เมืองปัตตานี วันที่ 18 ก.พ.53 พ.ต.อ.มนัส ศิกษมัต ผกก สภ.เมืองปัตตานี ได้รับแจ้งเหตุระเบิดมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายรายบนถนนภายในเขตอุตสาหกรรม ข้างรั้วเรือนจำกลางจังหวัดปัตตานี ม.8 ต.บานา อ.เมืองปัตตานี จึงรีบนำกำลังตำรวจ ทหาร และหน่วยกู้ภัยไปที่เกิดเหตุ พบเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดกำลังเข้าตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยอยู่ห่างจุดแรกประมาณ3เมตร
จากนั้นจึงได้กั้นรอบๆ บริเวณ ก่อนจะใช้อาวุธปืนลูกซองยาวยิงทำลายเพื่อตัดวงจรระเบิด ภายหลังพบว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่องบรรจุอยู่ในกระป๋องสี โบกด้วยปูนอัดแน่น จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร น้ำหนักประมาณ10กิโลกรัม
จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบซากรถจักรยานยนต์พวงข้าง ยี่ห้อฮอนด้า ทะเบียน กมต 22 ปัตตานี สภาพถูกแรงระเบิดจนแหลกทั้งคันและมีชิ้นส่วนและสะเก็ดระเบิดกระจายไปทั่วบริเวณ
สำหรับผู้ได้รับบาดเจ็บมีทั้งหมด 12 คน ทราบชื่อ นายธีรพันธ์และนายนิชาติ ก่อเกียรติพิทักษ์ สองพี่น้องและเป็นน้องชายของ นายพิทักษ์ ก่อเกียรติพิทักษ์ นายกเทศมนตรีเมืองปัตตานี โดยนายธีรพันธ์ อาการสาหัสถูกสะเก็ดระเบิดตามลำตัวหลายแห่ง และนายวิทยา เจ๊ะเฮง ขาซ้ายเกือบขาด ส่วนนายยาฟาด ราชกิจ, นางรออายเซาะ ดือเระ, นายเสกศักดิ์ แหลมและ, นายสุรินทร์ แวนิ, นายอนุรักษ์ ยิ่งยวด, ด.ช.อัฟฟาน หวั่นหมัด, นางพิมลรัตน์ ศรีหวงศ์, นายยุทธนา สุรารักษ์ และนายอีซา หะยีมะแซบาดเจ็บเล็กน้อย
ก่อนเกิดเหตุ ขณะที่นายธีรพันธ์ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการบริษัทผลิตภัณฑ์อาหารส่งออกและนายนิชาติ ตำแหน่งรองหัวหน้าฝ่ายการผลิตบริษัทเดียวกัน ขับรถยนต์กระบะยี่ห้อฟอร์ด ทะเบียน กก 5000 ปัตตานี เพื่อเดินทางไปทำงาน โดยมีประชาชนขับขี่รถ จักรยานยนต์ตามมาด้านหลังหลายคัน ปรากฏว่ามาถึงจุดเกิดเหตุได้เกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงจนเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
ทางเจ้าหน้าที่เชื่อคนร้ายได้นำรถจักรยานยนต์ซุกระเบิดมาจอดไว้ก่อนจะนำระเบิดอีกลูกมาซุกซ่อนในพงหญ้าหมายสังหารเจ้าหน้าที่ขณะเข้าตรวจที่เกิดเหตุ แต่โชคดีที่เก็บกู้ไว้ได้ทัน โดยคนร้ายหวังจะสร้างสถานการณ์ตามแผนการที่หน่วยข่าวด้านความมั่นคงได้แจ้งก่อนหน้านี้ว่ากลุ่มก่อความไม่สงบต้องการลอบวางระเบิดเขต อ.เมืองปัตตานี เพื่อสร้างสถานการณ์
นายสุรินทร์ แวนิ อายุ 39 ปี บ้านเลขที่29/9 ม.10 ต.บานา อ.เมือง จ.ปัตตานี กล่าวว่าก่อนเกิดเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ ออกจากบ้านเพื่อมุ้งหน้าไปทำงานที่โรงงานปัตตานีผลิตภัณฑ์อาหาร โดยได้นำหน้ารถจักรยานยนต์อีก 2 คัน และมีรถยนต์กระบะของผู้จัดการนั่งมาด้วยตามหลังอีกทีหนึ่ง ซึ่งเมื่อมาถึงบริเวณ 3 แยกทางเลี้ยวเข้าโรงงานพบมีรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง 3 ล้อบรรทุกน้ำขวดจอดนิ่งโดยไม่มีคนขับ ในระหว่างที่รถยนต์กระบะคันที่เสียหายมาถึงได้เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว เป็นเหตุตัวเองและเพื่อนที่มาด้วยกันได้รับบาดเจ็บป็นจำนวนมาก
ซุ่มยิงตชด.เจ็บ3ลอบวางระเบิดพ.ต.อ.สมเพียร
อ.บันนังสตา จ.ยะลา วันที่18 ก.พ.53 ร.ต.ท.ศุภกิจ ศรีไพร ร้อยเวร สภ.บันนังสตา ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สภ.บันนังสตา ว่าเกิดเหตุกลุ่มคนร้ายไม่ทราบกลุ่มจำนวนใช้อาวุธสงครามอาก้าและ เอ็ม 16 ซุ่มยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตชด. มว.ฉก.4423 ขณะทำการลาดตระเวนเส้นทางดูแลรักษาความปลอดภัยครู บนถนนภายในหมู่บ้าน บ้านคีรีราด หมู่ที่ 9 ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา จ.ยะลา
หลังได้รับแจ้งจึงไปที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ 15 อ.บันนังสตา กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ ฝ่ายปกครองอีกจำนวนหนึ่ง พบว่ามีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จำนวน 3 นาย นอกจากนั้นพบรถจักรยานยนต์ของเจ้าหน้าที่ ตชด.ล้มอยู่ข้างทางจำนวน 2 คัน บนตัวรถจักรยานยนต์เต็มไปด้วยรอยเลือด ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ เพื่อน ตชด.ช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาลอ.บันนังสตาจ.ยะลา
ก่อนเกิดเหตุ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน ชุด มว.ฉก.4423 กำลังขับขี่รถจักรยานยนต์จำนวน 4 คัน 8 นาย ลาดตระเวนเส้นทาง และ ดูแลรักษาความปลอดภัยครู บริเวณดังกล่าวซึ่งเป็นที่เปลี่ยว เมื่อขับรถมาถึงบริเวณจุดเกิดเหตุ กลุ่มคนร้ายไม่ต่ำ 3-5 คนมีอาวุธสงครามครบมือ ที่หลบซ่อนตัวในป่าสวนยางพารารกทึบ ได้ยิงเข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตชด.ชุดดังกล่าวจนเกิดการยิงปะทะกันประมาณ 10 นาที ทำให้เจ้าหน้าที่ตชด.ได้รับบาดเจ็บ3
ลอบวางระเบิดพ.ต.อ.สมเพียร
อ.บันนังสตา จ.ยะลา วันที่ 18 ก.พ.53เวลา 09.30 น.ขณะที่ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผกก.สภ.บันนังสตา พร้อมลูกน้องรวม 3 นาย ขับรถยนต์ประจำตำแหน่ง โตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ 4 ประตู สีน้ำตาล แผ่นป้ายทะเบียน กข. 9302 ยะลา มุ่งหน้าจะไปยังบริเวณจุดที่เกิดเหตุคนร้ายซุ่มยิง ชุด มว.ฉก.4423 เมื่อขับมาถึงบ้านยีลาปัน หมู่ที่ 11 ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา จ.ยะลา บนถนนสาย 410 ยะลา เบตง คนร้ายได้กดชนวนระเบิดน้ำหนัก 15 กิโลกรัม ที่ซุกอยู่ในรถจักรยานยนต์ ที่จอดอยู่ริมถนน จนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แต่โชคดีรถยนต์ได้ขับผ่านไปก่อน จึงทำให้ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ มีเพียงแต่กระจกรถยนต์ด้านหลังและด้านข้างแตกเป็นรูได้รับความเสียหายเล็กน้อย
จากการตรวจสอบของชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD - ARMY) กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา พบซากรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้าเวฟ 100 ซีซี สีบรอนซ์-ดำ หมายเลขทะเบียน กคว. 383 เบตง สภาพขาดสองท่อน ไม่สามารถใช้งานได้ ห่างกันเพียงเล็กน้อย ยังพบเศษชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ และ เศษเหล็กสะเก็ดระเบิดตกอยู่เป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานจังหวัดยะลา ได้นำชิ้นส่วนทั้งหมดไปตรวจสอบเพื่อหาข้อมูลหลักฐานต่อไปและเชื่อว่าจะลอบสังหารพ.ต.อ.สมเพียรเอกสมญา
ยิงบัณฑิตอาสาตาย1
อ.ธารโต จ.ยะลา วันที่18 ก.พ.53 พ.ต.อ.เฉลิมเกียรติ อัมรากระสินธ์ ผกก.สภ.ธารโต จ.ยะลา ได้รับแจ้งจากนายยะโก๊ะ อาหามะ อายุ 40 ปี ว่า พบศพลูกชายนอนเสียชีวิตอยู่ในสวนยาง ห่างจากบ้านประมาณ 1 กม. ที่บ้านเจาะซิโป๊ะ หมู่ที่ 8 ต.บ้านแหร หลังได้รับแจ้งรีบนำกำลังออกไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยกำลังทหารฉก.16ตำรวจและฝ่ายปกครองจำนวนหนึ่ง
ที่เกิดเหตุพบศพนายอับดุลรามัน อาหามะ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 230/2 หมู่ที่ 8 นอนเสียชีวิตในชุดกรีดยาง ถูกยิงที่ศีรษะด้วยอาวุธปืนยังไม่ทราบชนิด เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 8 ชม. เจ้าหน้าที่ได้นำศพลงมาจากสวนยางเพื่อให้แพทย์ รพ.ธารโต ได้ตรวจชันสูตรหาร่อยรอยของกระสุนปืนในเวลาต่อมา
จากการสอบสวนนายยะโก๊ะ ผู้เป็นพ่อบอกว่า ลูกชายทำงานเป็นบัณฑิตอาสาประจำตำบลบ้านแหร ทำงานอยู่ที่ทำการปลัดอำเภอ ผู้เป็นหัวหน้าประจำตำบลบ้านแหร ก่อนจะไปทำงาน ลูกชายได้ไปกรีดยางในสวนตัวเองก่อนเป็นประจำทุกวันเพื่อหารายได้เสริม และจะกลับมาทำงานในเวลา 08.30 น. วันนี้ลูกชายไปกรีดยางแล้วหายไป แต่ทางบ้านเข้าใจว่าคงจะไปทำงานแล้ว เมื่อสอบถามที่ทำงานทราบว่าลูกชายไม่ได้ไปทำงานจึงได้ชวนเพื่อนบ้านออกค้นหาจนมาพบ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าเป็นการก่อเหตุเพื่อสร้างสถานการณ์ เนื่องจากผู้ตายทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐมาโดยตลอด
ยิงRKKตาย1
อ.ทุ่งยางแดงจ.ปัตตานีวันที่ 18 ก.พ.53 เวลา 19.30 น.พล.ต.ต สุชาติ พีระสวัสดิ์ หัวหน้าชุดสืบสวน สปก.ตร.ส่วนหน้า พล.ต.ต.พิเชษฐ์ ปิติเศรษฐพันธ์ ผบก.ภ.จ.ปัตตานี พ.ต.อ.รณศิลป์ ภู่สาระ รอง ผบก.งานสืบสวน สปก.ส่วนหน้า พ.ต.ท.คณิต กลิ่นศรีสุข สว.งานสืบสวน ได้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง พร้อมกองกำลังทหารพราน นำโดย พ.อ.ปกรณ์ จันทรโชตะ ผู้บังคับหน่วยทหารพรานที่ 44 เข้าปิดล้อมบ้านเลขที่ 26/3 หมู่ 4 บ.มะนังยง ต.ปากู อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี หลังสืบทราบมีกลุ่มโจรใต้ระดับแกนนำเข้าหลบซ่อนตัวในพื้นที่ อ.ทุ่งยางแดง เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าปิดล้อมได้มีบุคคลวิ่งหลบหนีออกจากบ้านหลังดังกล่าว 1 คน จึงกระจายกำลังไล่ติดตามและสามารถควบคุมตัวได้
จากการสอบสวนทราบชื่อ นายมะยูฮา มูดอ อายุ 31 ปี มีหมายจับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา จำนวน 3 คดี จึงรีบนำตัวไปควบคุมที่ สภ.ทุ่งยางแดง จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ใช้โทรโข่งประกาศให้ผู้ที่อยู่ภายในบ้านออกมาแสดงตัว แต่คนร้ายได้ใช้อาวุธปืนอาก้า กราดยิงใส่เจ้าหน้าที่ จึงได้สนธิกำลังชุดคอมมานโดเข้าจู่โจม ใช้เวลาปะทะประมาณ 10 นาที หลังเสียงปืนสงบเจ้าหน้าที่เข้าเคียล์พื้นที่ พบศพคนร้ายนอนตายจมกองเลือดภายในห้องนอนในบ้านหลังดังกล่าวและพบอาวุธปืนอาก้า1กระบอก
ภายหลังทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นายฮูไซฟะห์ หะยีสาเมาะ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55 ม.5 ต.เตราะบอน อ.สายบุรี สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าลำตัว สืบสวนทราบว่าผู้ตายเป็นแกนนำ อาร์ เค เค ระดับสั่งการเครือข่ายชะเมาสามต้น มีหมายจับ ป.วิอาญา 21 หมาย ก่อเหตุในพื้นที่ อ.กะพ้อ อ.สายบุรี อ.ไม้แก่น อ.ทุ่งยางแดงจ.ปัตตานีและอ.บาเจาะจ.นราธิวาส
หลังเกิดเหตุ พล.ต.ท.พีระ พุ่มพิเชฎฐ์ ผบช.ศชต.ได้เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมชมเชยการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายและกำชับให้เฝ้าระวังเหตุ เพราะเชื่อว่ากลุ่มก่อความไม่สงบอาจจะออกมาก่อเหตุร้ายเพื่อตอบโต้เจ้าหน้าที่ของรัฐ เนื่องจากผู้เสียชีวิตถือเป็นแกนนำระดับสูงและมีอิทธิพลกับกลุ่มแนวร่วมในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
คนร้ายลอบวางระเบิดและจับกุมRKKได้1
อ.เมืองจ.ยะลา วันที่19 ก.พ.53ร.ต.ท.กิตติภูมิ ตาบุตรวงศ์ รอง สวป.สภ.เมืองยะลา ปฏิบัติหน้าที่เวรป้องกันและปราบปราม รับแจ้งจากอู่น้อยเซอร์วิส ซึ่งเป็นอู่พ่นสีรถยนต์ตั้งอยู่เลขที่ 129 ถนนสิโรรส ว่า พบวัตถุต้องสงสัยอยู่ใต้ท้องรถปิกอัพของลูกค้าที่นำมารับบริการ จึงได้รายงานให้ พ.ต.อ.ปิยะวัฒน์เฉลิมศรีผกก.สภ.เมืองยะลาทราบ
ต่อมาได้พร้อมพวกรุดไปที่เกิดเหตุพบกล่องเหล็กขนาด 5x2x4 นิ้ว ใช้แรงแม่เหล็กดูดติดอยู่ที่บริเวณคัตซีส์ใต้ท้องรถปิกอัพยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไมตี้เอ็กซ์ สีน้ำเงินไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จึงประสานให้ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD-ARMY) ภูธรจังหวัดยะลา ไปตรวจสอบ ปรากฏว่ามีวัตถุระเบิดอยู่ในกล่องดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ปิดกั้นการจราจรบริเวณใกล้เคียงประมาณ 100 เมตร เพื่อให้พ้นรัศมีอันตราย หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้จึงได้ใช้ปืนแรงดันน้ำยิงทำลายจนสามารถเก็บกู้ได้สำเร็จ ตรวจสอบต่อมาพบว่าภายในเป็นระเบิดซีโฟร์น้ำหนักราว 3.5 ปอนด์ ต่อวงจรกับระบบวิทยุสื่อสาร จึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า รถปิกอัพคันดังกล่าวเป็นของนายบุญช่วย แซ่จือ บ้านอยู่ถนนอุตสาหกรรม เขตเทศบาลนครยะลา โดยนายบุญช่วยเพิ่งซื้อมาจากนายมะยาซี สะอะเซ็ง กำนัน ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา แล้วส่งเข้าอู่เคาะซ่อมแซมพ่นสีใหม่ แล้วเตรียมส่งคืน บังเอิญพนักงานตรวจพบวัตถุระเบิดดังกล่าวติดอยู่ใต้ท้องรถจึงได้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเก็บกู้
เจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่า ก่อนหน้านี้มีกลุ่มคนร้ายทำทีเข้าไปติดต่อขอพ่นสีรถยนต์แล้วแอบนำระเบิดที่เตรียมไว้ไปติดให้ท้องรถ โดยมีเป้าหมายเพื่อก่อความไม่สงบ เนื่องจากในช่วงตอนสายวันที่ 19 ก.พ.วันเดียวกันกับ นายถาวร เสนเนียม รมช.กระทรวงมหาดไทย มีราชการกำหนดเดินทางไปเป็นประธาน เปิดโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนระดับหมู่บ้านหรือพนม ที่อาคารศรีนิบง ภายในศูนย์เยาวชนเทศบาลนครยะลา ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับอู่พ่นสีดังกล่าว แต่โชคดีที่สามารถเก็บกู้ได้สำเร็จก่อน
มีรายงานว่า กลางดึกวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2553 พ.ต.อ.ภูมิเพ็ชร พิพัฒน์เพ็ชรภูมิ รอง ผบก.ภ.จ.ยะลา ซึ่งสืบทราบว่า กลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุลอบวางระเบิดบริเวณศาลาแปดเหลี่ยมถนนเลียบแม่น้ำปัตตานี และอีกหลายจุดในเขตเทศบาลนครยะลา ทำให้เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเสียชีวิต 2 นาย เหตุเกิดเมื่อตอนสายวันที่ 19 ธ.ค.2552 ที่ผ่านมา คือ นายซูไฮมี อาแว อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35/4 หมู่ที่ 1 ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เป็นแกนนำอาร์เคเค ระดับปฏิบัติการจึงได้แจ้งให้ พ.ต.อ.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผกก.สภ.เมืองยะลา ขอหมายจับแล้วออกติดตามจับกุม ต่อมาพบนายซูไฮมีได้เดินป้วนเปี้ยนอยู่ในย่านศูนย์ราชการใกล้ศาลากลางจังหวัดยะลา เขตเทศบาลนครยะลา จึงได้เข้าควบคุมตัวนำไปสอบสวน
เบื้องต้น นายซูไฮมี ให้การรับสารภาพเฉพาะการลอบวางระเบิด บริเวณที่พักสายตรวจจราจร และกอไม้ประดับภายในบริเวณวงเวียน หน้า รพ.ศูนย์ยะลา 2 จุด ส่วนอีก 2 จุด คือ ที่ศาลาแปดเหลี่ยมและสามแยกถนนเลียบแม่น้ำ ต.สะเตง เป็นฝีมือของอาร์เคเค อีกกลุ่ม จึงได้ส่งตัวไปยังศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อสอบขยายผลต่อไป
ปะทะRKK
อ.บันนังสตา จ.ยะลา วันที่19 ก.พ.53 เวลา 16.00 น. พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผกก.สภ.บันนังสตา ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 สภ.บันนังสตา ว่าเกิดเหตุคนร้ายซุ่มยิงเจ้าหน้าที่ทหารพราน ฉก.ทพ.1111 กรมทหารพรานที่ 41 จนเกิดการปะทะกันขึ้นที่บริเวณ บ้านบือยอ หมู่ที่ 4 ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา หลังได้รับแจ้งจึงรีบเดินทางเข้าไปยังจุดที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย จ.อ.ปรเมศร์ จันทร์แสง ปลัดป้องกัน อ.บันนังสตา กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฉก.15 อ.บันนังสตา ทหารพราน 41 และฝ่ายปกครองอีกจำนวนหนึ่ง
ที่เกิดเหตุบริเวณดังกล่าว เป็นสวนยางพาราท้ายหมู่บ้าน เจ้าหน้าที่พบเพียงแต่รอยเลือดของกลุ่มคนร้าย ส่วนเจ้าหน้าที่ทหารพราน ฉก.ทพ.1111 กรมทหารพรานที่ 41 ทั้งหมดปลอดภัย
จากสอบสวนทราบว่า พ.อ.คมกฤษ รัตนฉายา ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจทหารพราน ที่ 41ได้รับแจ้งจากสายข่าวในพื้นที่ว่า กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ กลับเข้ามาวางแผนเพื่อก่อเหตุร้าย มาหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่บ้านบือยอ จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทหารพราน ฉก.ทพ.1111เข้าไปตรวจค้น
ระหว่างที่กำลังเข้าตรวจค้นกลุ่มคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนสงครามอาก้า และ เอ็ม 16 ยิงเข้าใส่จำนวนหลายชุด จนเกิดการปะทะกันขึ้นนานประมาณ 20 นาที หลังเสียงปืนสงบลงเจ้าหน้าที่ทหารพรานพบรอยเลือดหยดไหลเป็นทาง คาดว่ากลุ่มคนร้ายไม่ต่ำกว่า 3 คน ถูกเจ้าหน้าที่ยิงจนได้รับบาดเจ็บแล้วหลบหนีขึ้นเขาไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ทหารพรานได้สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.15อ.บันนังสตา ตำรวจ และ ฝ่ายปกครอง ไล่ติดตามแล้ว
ยิงอส.ตาย1
อ.หนองจิก จ.ปัตตานี วันที่19 ก.พ.53เวลา 17.30 น. พ.ต.ท.วีรชาติ คูหามุข รอง ผกก.สส.สภ.หนองจิก จ.ปัตตานี นำกำลังเข้าไปตรวจสอบเหตุยิงกันบนถนนภายในหมู่บ้านโคกคอแห้ง ม.4 ต.ปุโละปูโยไปถึงพบผู้เสียชีวิตนอนตายจมกองเลือดใกล้กับรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า
ทราบชื่อ นายธีรยุทธ ช่วยประสม อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20/2 ม.9 ต.ปุโละปูโย สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกสั้นไม่ทราบขนาดเข้าศีรษะและลำตัว 2 นัด สอบสวนทราบว่าผู้ตายเป็นบัณฑิตอาสา ประจำอยู่ที่ อบต.ปุโละปูโย ก่อนเกิดเหตุขณะขี่รถ จยย.ออกมาจากที่ทำงานและกำลังเดินทางกลับบ้านพัก ระหว่างทางถูกคนร้ายตามประกบยิงจนเสียชีวิต สาเหตุเชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์
จยย.บอมส์เจ็บ3
เทศบาลยะลา วันที่19 ก.พ.53 เวลา 19.42 น. ได้เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ปะทะกับกลุ่มคนร้ายบริเวณป้อมเมืองทอง ใกล้สะพานข้ามทางรถไฟ บนถนนสายผังเมือง 4 ในเขตเทศบาลนครยะลา จากนั้นเวลา 19.50 น. เกิดเหตุ จยย.บอมบ์เสียดังสนั่นหวั่นไหวทั่วเมืองยะลา โดยกลุ่มคนร้ายนำรถจักรยานยนต์ที่ซุกซ่อนระเบิดไปจอดไว้หน้าแผงขายหนังสือริมฟุตบาท บริเวณปากซอย 24 ถนนผังเมือง 4 เขตเทศบาลนครยะลาเบื้องต้นทราบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ3ราย
มีรายงานเพิ่มเติมว่า วันที่19 ก.พ. 53เวลา 20.00 น. พ.ต.อ.ปิยวัฒน์ เฉลิมศรี ผกก.สภ.เมืองยะลา ได้รับแจ้งมีเหตุระเบิด บริเวณหน้าร้านขายของชำและหนังสือพิมพ์ชื่อ นานากิ๊ฟช๊อฟ ปากซอย 24 ถนนผังเมือง 4 ข้างบ้านของมารดานายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ อดีต รมต.เกษตรและสหกรณ์ หลังได้รับแจ้ง รีบนำกำลังไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.ภูมิเพชร พิพัฒน์เพชรภูมิ รอง ผบก. พ.ท.ยุทธนาม เพชรม่วง ผบ.ฉก.11 ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด และกำลังตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง จำนวนหนึ่ง
ในที่เกิดเหตุซึ่งเป็นข้างบ้านของ จนท.ต้องขอสนับสนุนรถส่องสว่างจากเทศบาลนครยะลา เนื่องจากที่เกิดเหตุ มืด การตรวจสอบเป็นไปอย่างลำบาก ประกอบกับ จนท.เกรงจะเป็นกลลวงของคนร้ายอาจวางระเบิดอีกซ้ำ จึงต้องทำงานอย่างระมัดระวังเป็นพิเศษ จนท.ตรวจพบซากรถ จยย.ยี่ห้อ ฮอนด้าเวฟ 100 ทะเบียน กบว. 892 ยะลา สีน้ำเงินบรอนซ์ ห่างกันมีเศษชิ้นส่วนของวิทยุสื่อสาร แบตเตอรี่ ขนาด 9 โวลล์สีแดง เศษชิ้นส่วนของรถ จยย. ที่ได้รับความเสียหายจำนวน 3 คัน กระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ
ส่วนคนเจ็บถูกนำส่ง รพ.ศูนย์ยะลา จำนวน 3 คน มีแผลบาดเจ็บที่บริเวณขาขวา 2 คน ทราบชื่อคือ
1.น.ส.รัตนา อมรรัตนทวีป อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51/1 ถนนธนวิถี ต.สะเตง อ.เมืองยะลา
2.นายสันชาย วันเพชร อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 76/2 หมู่ที่ 6 ต.สะเตงนอก อ.เมืองยะลา
3.นายสุรพล ล้ำลิขิตการ อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9 ซ.เย็นจิตร ต.สะเตง อ.เมืองยะลา บาดเจ็บบริเวณหัวไหล่ซ้าย
จากการตรวจสอบทราบว่า คนร้ายได้นำระเบิดชนิดแสวงเครื่อง น้ำหนักประมาณ 5 ก.ก. ซุกซ่อนในรถ จยย. คันดังกล่าว ซึ่ง จนท.ตรวจสอบทราบว่าเป็นรถของนางรำไพ ยิ้มแย้ม อยู่บ้านเลขที่ 194/1 ถนนเมืองรามัน อ.รามัน ซึ่งได้แจ้งหายเมื่อ 20 วันก่อน โดยได้นำไปจอดที่ริมฟุตบาทหน้าร้านที่เกิดเหตุ เมื่อสบโอกาสได้กดระเบิดขึ้นจนเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บดังกล่าว
ก่อนเกิดเหตุเล็กน้อย จนท.ตำรวจ สภ.เมืองยะลา ได้รับแจ้ง จากจุดตรวจเมืองทองว่า มีเหตุกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธปืน เอ็ม 16 ยิงเข้าใส่ จุดตรวจ จำนวน 56 นัด แล้วหลบหนีไป จากการตรวจสอบพบว่า คนร้ายขับขี่ รถ จยย. 2 คัน จำนวน 4 คน แต่งกายเลียนชุดดาวะห์ หลังหลบหนีได้วางวัตถุต้องสงสัยไว้ใต้สะพานเพื่อสกัดการติดตามของ จนท. โดยในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืน เอ็ม 16 จำนวน 11 ปลอก ส่วนวัตถุต้องสงสัย จนท.ได้ทำการเคลียร์เรียบร้อยแล้ว
ยิงบัณฑิตอาสาตายอีก1
อ.หนองจิก จ.ปัตตานี วันที่19 ก.พ.53เวลา 17.30 น. พ.ต.ท.วีรชาติ คูหามุข รอง ผกก.สส.สภ.หนองจิก จ.ปัตตานี นำกำลังเข้าไปตรวจสอบเหตุยิงกันบนถนนภายในหมู่บ้านโคกคอแห้ง ม.4 ต.ปุโละปูโยไปถึงพบผู้เสียชีวิตนอนตายจมกองเลือดใกล้กับรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า
ตรวจสอบทราบชื่อ นายธีรยุทธ ช่วยประสม อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20/2 ม.9 ต.ปุโละปูโย สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกสั้นไม่ทราบขนาดเข้าศีรษะและลำตัว 2 นัด สอบสวนทราบว่าผู้ตายเป็นบัณฑิตอาสา ประจำอยู่ที่ อบต.ปุโละปูโย ก่อนเกิดเหตุขณะขี่รถ จยย.ออกมาจากที่ทำงานและกำลังเดินทางกลับบ้านพัก ระหว่างทางถูกคนร้ายตามประกบยิงจนเสียชีวิต สาเหตุเชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์
ยึดของกลางได้56รายการ
อ.บันนังสตา จ.ยะลา วันที่20 ก.พ.53 เวลา 11.00 น. ที่หน่วยเฉพาะกิจยะลา ที่ 15 บ้านยีลาปัน ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา เจ้าหน้าที่จากสำนักนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ได้เดินทางเข้าเก็บข้อมูล หลักฐาน ลายนิ้วมือ และ ดีเอ็นเอ จากของกลางที่เจ้าหน้าที่ทหารสามารถตรวจยึดได้ หลังจากเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 19 ก.พ.53 เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจยะลา ที่ 15 อ.บันนังสตา สนธิกำลังกับ ฉก.ทพ.1111 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 ได้เข้าปิดล้อมพื้นที่รอยต่อระหว่างหมู่บ้านบือยอ หมู่ที่ 4 ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา และ ได้เกิดการปะทะกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ 10 กว่านาที ซึ่งเจ้าหน้าที่ทหารคาดว่า กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบจะได้รับบาดเจ็บ สาหัสไม่ต่ำ3คนแต่สามารถหลบหนีขึ้นเขาไปได้
หลังจากเสียงปืนสงบลงแล้ว เจ้าหน้าที่ทหารพรานสามารถตรวจยึดของกลางได้จำนวนหลายรายการ คือเครื่องมือที่ใช้ในการสื่อสาร ที่ดัดแปลงใช้เป็นตัวจุดระเบิด จำนวนหลายเครื่อง, แบตเตอรี่, อุปกรณ์ประกอบระเบิด, สายไฟ, เครื่องยาเวชภัณฑ์, เสื้อผ้าลายพรางแบบเจ้าหน้าที่ทหารรวม56รายการ
โดยกลุ่มที่ปะทะกับคนร้ายเจ้าหน้าที่ทหารพรานคาดว่าเป็นกลุ่มของนาย นายนูรุดดิน จากะลากี และ นายซายูตี อาลีมามะ ซึ่งเป็นแกนนำก่อเหตุร้ายที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ อ.บันนังสตา พื้นที่บางส่วนของ อ.ธารโต และ อ.ยะหา จ.ยะลา ซึ่งขณะปะทะกันนั้น กลุ่มคนร้ายชุดดังกล่าวมีอาวุธปืนสงครามอาก้า และ เอ็ม 16 และยังแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ทหาร สะพายเป้สนาม เจ้าหน้าที่ทหารที่ซุ่มอยู่ในป่าได้เรียกให้หยุด เพื่อขอเข้าทำการตรวจค้น แต่กลุ่มคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนสงครามยิงเข้าใส่ใส่เจ้าหน้าที่ทหารทันทีจำนวนหลายชุดจนเกิดการยิงปะทะกัน
เบื้องต้นเชื่อว่า นายนูรุดดินและนายซายูตีถูกเจ้าหน้าที่ทหารยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่สามารถหลบหนีขึ้นเขาไปได้ เนื่องจากกลุ่มคนร้ายมีความชำนาญในพื้นที่เป็นพิเศษ หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ทหาร หน่วยเฉพาะกิจที่ 15 อ.บันนังสตา เจ้าหน้าที่ทหารพรานที่ 41 กำลังตำรวจ และ ฝ่ายปกครองได้สนธิกำลัง ออกติดตามกลุ่มคนร้ายกลุ่มนี้อย่างต่อเนื่องแล้ว คาดว่าจะพบตัวในเร็วๆ นี้
ลอบยิงผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเจ็บ
อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส วันที่21 ก.พ.53 พ.ต.ท.มานพ วิวรรธนโรจน์ สว.ป.สภ.ยี่งอ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงผู้ช่วยผู้ใหญ่ ขณะปั่นรถจักรยานบนถนนเพชรเกษม สายนราธิวาส - ปัตตานี ช่วงบริเวณเยื้องร้านน้ำชาบ้านบาโง ม.2 ต.ละหาร จึงพร้อมด้วยพนักงานสอบสวน และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่งรุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
พบนายมูฮาหมัดโซเฟียโนร์ ตาเย๊ะ อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 113 ม.3 ต.ยี่งอ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านลูโบะตะแซ ม.3 ต.ยี่งอ ยืนหน้าตาแตกตื่นด้วยความตกใจรอเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ที่เกิดเหตุ ท่ามกลางชาวบ้านจำนวนหนึ่ง โดยไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด และจากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนพกสั้น ขนาด 9 ม.ม. ของคนร้ายตกอยู่บนถนน จำนวน 3 ปลอกจึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนนายมูฮาหมัดโซเฟีย ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุได้ปั่นรถจักรยานออกจากบ้านเพื่อออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน เมื่อถึงที่เกิดเหตุได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้รถยนต์กระบะยี่ห้อฟอร์ด แบบ 4 ประตู สีดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียนเป็นพาหนะ แล้วคนร้ายที่นั่งกระบะหลังได้ใช้อาวุธปืนพกสั้น ขนาด 9 ม.ม. ยิงใส่ตนจำนวน 2 - 3 นัดซ้อน แต่กระสุนปืนพลาดเป้าตนตกใจรถจักรยานจึงเสียหลักล้มคว่ำแล้วคนร้ายจึงได้ขับรถยนต์หลบหนีไป
ลอบวางระเบิดทหารเจ็บ2นาย
อ.โคกโพธิ์จ.ปัตตานี วันที่ 22 ก.พ.53 เวลา 10.00 น. พ.ต.อ.กฤษฎา แก้วจันดี ผกก.สภ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งมีเหตุระเบิดบริเวณปากทางเข้าตลาดนัดบ้านป่าไร่ ม.2 บ้านช้างไห้ออก ต.ควนโนรี จึงรีบนำกำลัง ตำรวจ ทหาร ไปที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พล.ต.ต.พิเชษฐ์ ปิติเศรษฐพันธ์ ผบก. ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดและเจ้าหน้าที่กองวิทยาการ
ที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ ดีแมคซ์สีแดง ทะเบียน บต 7729 ปัตตานี สภาพถูกสะเก็ดระเบิดมีรูพรุนหลายแห่ง ใกล้กันพบหลุมระเบิดกว้าง 30 ซม. มีสะเก็ด และชิ้นส่วนระเบิดกระจายไปทั่วบริเวณ นอกจากนี้ มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 2 นายถูกนำส่ง รพ.โคกโพธิ์ ทราบชื่อ ส.อ.สมหมาย หอมหวน อายุ 27 ปี และ ส.อ.ชูชวัฒน์ มาศสี อายุ 28 ปี ทั้งสองสังกัด ร้อย ร.15334 ฉก.ปัตตานี24ถูกสะเก็ดระเบิดที่ลำตัวได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
ก่อนเกิดเหตุขณะที่กำลังเจ้าหน้าที่ทหาร จำนวน 10 นาย ใช้รถยนต์กระบะ 1 คัน และรถจักรยานยนต์ 3 คันขับมาจอดบริเวณจุดเกิดเหตุ เพื่อรักษาความปลอดภัยประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อของในตลาด ปรากฏว่าเมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงยังไม่ทันที่กระจายกำลังดูแลความปลอดภัย คนร้ายไม่ทราบจำนวนซุ่มอยู่บริเวณที่เกิดเหตุ ได้กดชนวนระเบิดแสวงเครื่อง จุดชนวนด้วนโทรศัพท์มือถือ น้ำหนักประมาณ5กิโลกรัมวางไว้ริมถนน
แรงระเบิดทำให้เกิดเสียงดังสนั่น ประชาชนต่างตกใจวิ่งหนีไปคนละทิศละทาง ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ หลังเกิดเหตุจ้าหน้าที่ได้ปิดล้อมตรวจค้นบริเวณที่เกิดเหตุทันที เชื่อเป็นฝีมือแนวร่วมในพื้นที่ต้องการทำร้ายเจ้าหน้าที่เพื่อสร้างสถานการณ์
โจรแต่งกายคล้ายทหารยิงตร.ตาย2
อ.ระแงะจ.นราธิวาส วันที่22 ก.พ.53เวลา 14.40 น. ร.ต.อ.ศรเพชร ตันติอมรชัยกุล ร้อยเวร สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย ขณะทำหน้าที่ รปภ.อยู่บริเวณห้างทองไทยย่งเต็ง ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 49 ถ.เทศบาล 10 เขตเทศบาลตันหยงมัส อ.ระแงะ จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.อภิรัฐ สังข์ขาว รอง ผบก.ตร.ภ.จ.นราธิวาส พ.ต.ท.เนติธร วัตตธรรม สารวัตรกองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส นายศุภวริศ เพชรกาฬ นายอำเภอระแงะและกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครองจำนวนหนึ่ง
ที่เกิดเหตุ พบเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นายคือ จ.ส.ต.สมเกียรติ แก้วเกื้อ ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม สภ.ระแงะ และ ด.ต.สมพงษ์ นิลน้อย ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม สภ.ระแงะ นอนจมกองเลือดอยู่บริเวณม้านั่งหินอ่อนข้างห้างทองไทยย่งเต็ง โดยมีบาดแผลถูกกระสุนปืนเอ็ม.16และอาก้าของคนร้ายพรุนไปทั้งร่าง เจ้าหน้าที่จึงได้รีบนำตัวตำรวจทั้ง2นายส่งรักษาโรงพยาบาลระแงะอย่างเร่งด่วน
แต่เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 2 นาย มีอาการสาหัส โดยเฉพาะ จ.ส.ต.สมเกียรติ แก้วเกื้อ ได้เสียชีวิตขณะถูกนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลระแงะ โดยถูกกระสุนปืนของคนร้ายที่บริเวณหน้าท้อง หัวไหล่และหน้าอก ส่วน ด.ต.สมพงษ์ นิลน้อย ก็ได้เสียชีวิตลงขณะถูกนำตัวส่งรักษาโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ในเวลาต่อมาโดยถูกกระสุนที่บริเวณศีรษะ หน้าอกทะลุปอดเช่นกัน ส่วนในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืนสงคราม อาก้าและเอ็ม16 ของคนร้ายตกอยู่ที่บริเวณถนนข้างห้างทองไทยย่งเต็ง จำนวนกว่า20ปลอกจึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนนายนิรันดร์ ลิขิตตาพงศ์ เจ้าของห้างทองไทยย่งเต็ง ทราบว่า ขณะที่ ด.ต.สมพงษ์ และ จ.ส.ต.สมเกียรติ กำลังปฏิบัติหน้าที่ รปภ.ห้างทองของตน ด้วยการนั่งม้าหินอ่อนข้างห้างทองฯอยู่นั้นได้มีคนร้าย 4 คน ขี่และนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ 2 คัน ลักษณะคนร้ายที่ขี่จักรยานยนต์ซ้อนท้ายคันแรกแต่งกายชุดฮีญาบคล้ายผู้หญิงมุสลิม
ส่วนคันที่ 2 แต่งกายชุดลายพราง โดยคนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายถืออาวุธปืน เอ็ม16 และ อาก้าคนละกระบอก ออกมายิงใส่ ด.ต.สมพงษ์ และ จ.ส.ต.สมเกียรติกว่า 20 นัดซ้อน แล้วคนร้ายได้รีบหลบหนีไป ท่ามกลางสายตาประชาชนเป็นจำนวนมากที่กำลังยืนจับจ่ายสินค้าร้านชำฝั่งตรง
ระเบิดริมถนน410บันนังสตา
อ.บันนังสตา วันที่23 ก.พ.เ53วลา 07.45 น.พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผกก.สภ.บันนังสตา ได้รับแจ้งจากวิทยุทหารว่า มีเหตุระเบิด ที่บริเวณริมถนนสาย 410 บ้านตาเนาะปูเต๊ะ หมู่ที่ 4 ห่างจากโรงเรียนบ้านตาเนาะปูเต๊ะ ประมาณ 800 เมตร ต.ตาเนาะปูเต๊ะ หลังได้รับแจ้ง ได้ประสานขอรับการสนับสนุนจาก ตำรวจชุดเก็บกู้ระเบิด EOD ศรศึก ศรชัย ตร.ภจว.ยะลา ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน และฉก.อโณทัย EOD ARMY รีบเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุริยา ไชยโยธา รอง ผบก. จ.อ.ปรเมศร์ จันทรแสง ปลัดป้องกัน อ.บันนังสตา และกำลัง ทหาร ฉก.15 กำลังตำรวจ ฝ่ายปกครองจำนวนหนึ่ง
ที่เกิดเหตุริมถนน พบเสาปูนหลักโค้งริมถนน หักครึ่งท่อน ที่โคนเสามีหลุมระเบิดขนาดเล็ก บนถนนมีเศษดิน เศษเหล็กกระจัดกระรายไปทั่วบริเวณ พบปลอกกระสุนเอ็ม 16 ตกเกลื่อนถนนจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ต้องเข้าไปและใช้ปืนแรงดันน้ำยิงทำลายเสาปูนที่เหลือเพื่อป้องกันระเบิดซ้ำสอง ส่วนคนเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาลบันนังสตา และส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา ในเวลาต่อมา ทราบชื่อ ส.อ.นเรศ มหาชัย อายุ 28 ปี สังกัด ร้อย ร.7012 ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้ายและขวา ซี่โครงซ้ายมีอาการแน่นหน้าอกจากแรงอัดของระเบิดอาการสาหัส
จากการสอบสวนทราบว่า ทหารชุดดังกล่าว ออกลาดตระเวนเดินเท้า เพื่อรักษาความปลอดภัยเส้นทาง ก่อนครูจะเดินทางเข้าพื้นที่ โดยมี จ.ส.อ.สมคิด ศรีจัย เป็น หน.ชุด นำกำลัง จำนวน 6 นาย ออกจากฐานปฏิบัติการ ซึ่งอยู่ภายในโรงเรียนบ้านตาเนาะปูเต๊ะ ลาดตระเวนตามเส้นทางสาย 410 เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ บริเวณระหว่างตรงหลักกิโลเมตรที่ 29 30 คนร้ายซึ่งซุ่มอยู่ในป่าละเมาะข้างทาง ได้กดระเบิดระเบิดชนิดแสวงเครื่อง ที่หล่อใส่ ท่อพีวีซีในเสาปูนหลักโค้ง ด้วยแบตเตอรี่ จนเกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว พร้อมกับยิงเข้าใส่ เจ้าหน้าที่จนเกิดการปะทะกันขึ้นประมาณ 5 นาที คนร้ายได้ล่าถอยขึ้นเขาไป หลังเสียงปืนสงบ เจ้าหน้าที่ทหาร ได้ช่วยกันนำผู้บาดเจ็บส่ง โรงพยาบาลในเวลาต่อมา
จากการตรวจสอบอย่างละเอียด พบว่า คนร้ายได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการวางระเบิด โดยได้หล่อระเบิดฝังไว้ในเสาปูนหลักโค้ง ในท่อพีวีซี น้ำหนักประมาณ ประมาณ 15 ก.ก. มาวางทดแทนเสาปูนหลักโค้งของจริง เพื่ออำพรางสายตาของ เจ้าหน้าที่ ที่เดินตรวจเส้นทาง เบื้องต้น เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าเป็นการก่อเหตุเพื่อสร้างสถานการณ์ และเปลี่ยนยุทธวิธีรบแบบกองโจร หาวิธีการกระทำต่อเจ้าหน้าที่ให้เกิดความหลากหลายเพื่อให้เจ้าหน้าที่มีความสับสนและเกิดความเกรงกลัวในระหว่างปฏิบัติหน้าที่
ลอบวางระเบิดทหาร
อ.รามันจ.ยะลาวันที่23 ก.พ.53 ร.ต.ท.พงษ์พันธ์ คำวุ่น ร้อย สภ.โกตาบารู อ.รามัน จ.ยะลา ได้รับแจ้งมีเหตุซุ่มยิงและระเบิด เจ้าหน้าที่ทหาร ชุดคุ้มครองครูบนถนนสายโกตาบารู บือมัง บ้านเฆาะ หมู่ที่ 1 ต.โกตาบารู หลังได้รับแจ้ง เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองเดินทางไปยังที่เกิดเหตุจำนวนหนึ่ง
ที่เกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์สีน้ำเงินคาดเทา ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ของทางราชการพลิกคว่ำตกอยู่ข้างทาง บนถนนมีรอยเลือด เศษดิน เศษเหล็ก และชิ้นส่วนระเบิดแตกกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ ข้างถนนมีร่องรอยคราบเขม่าระเบิดติดที่พงหญ้าเป็นบริเวณกว้าง ส่วนคนเจ็บถูกนำส่ง โรงพยาบาลศูนย์ยะลา ทราบชื่อ จ.ส.อ.สุวรรณ สุวรรณสิงห์ อายุ 32 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณใบหน้าและเบ้าตา อาการสาหัส และพลทหารมะซอลี ยูโซ๊ะ อายุ 22 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณลำตัว อาการไม่สาหัส ทั้งสองนาย สังกัด ร้อย ร.15224 ฉก.12 อ.รามัน ซึ่งตั้งฐานปฏิบัติการภายในวัดวชิรปราการ ต.โกตาบารู ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ1กม.
จาการสอบสวนทราบว่า กำลังทหารทั้งหมด จำนวน 23 นาย นั่งรถยนต์กระบะเชฟโรเลต สีบรอนซ์ทอง จำนวน 10 นาย ตามหลังด้วยรถจักรยานยนต์ 3 คัน จำนวน 6 นาย และเดินเท้าอีก จำนวน 7 นาย รวมทั้งสิ้น 23 นาย เมื่อชุดรถจักรยานยนต์ เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ คนร้ายที่แอบซุ่มอยู่ในป่าบนเนินเขา ได้กดระเบิดขึ้น พร้อมกับยิงเข้าใส่ เจ้าหน้าที่ทหาร จนเกิดการปะทะกันขึ้นประมาณ 10 นาทีคนร้ายอาศัยความชำนาญพื้นที่หลบหนีขึ้นเขาไป
จากการสอบสวนอย่างละเอียดพบว่า คนร้ายได้นำระเบิดชนิดแสวงเครื่อง น้ำหนักประมาณ 3 กก. วางไว้ในพงหญ้ารกริมถนน แล้วลากสายไฟยาวเข้าป่ายางข้างถนน แล้วกดชนวนระเบิดด้วยแบตเตอรี่ เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าเป็นการก่อเหตุเพื่อมุ่งร้ายต่อเจ้าหน้าที่หาร
และในเวลาไล่เลี่ยกันขณะที่ พ.ต.อ.นรินทร์ บูสะมัญ ผกก.สภ.รามัน กำลังเดินทางจะเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ด้วยรถยนต์กระบะ กันกระสุน ยี่ห้ออีซูซุ ดีแม็กซ์ 4 ประตู สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ตราโล่ 93095 ของ สตช. โดยมี ส.ต.ท.สายหยุด จักบุญ พลขับ และ ส.ต.ท.ศุภศักดิ์ จันทร์แก้ว เมื่อมาถึง บริเวณบนถนนสายรามัน ยะลา บ้านบือยอง หมู่ที่ 3 ต.กายูบอเกาะ อ.รามัน คนร้ายได้กดระเบิดชนิดแสวงเครื่อง น้ำหนักประมาณ 15 20 กก.ซุกซ่อนฝังระเบิดใต้ผิวถนน ด้วยแบตเตอรี่ จนเกิดระเบิดเสียงดังสนั่นพื้นที่ แต่โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ มีอาการแค่หูอื้อเท่านั้น
ระเบิดเจ้าหน้าที่ปลอดภัย
อ.กรงปินังจ.ยะลาวันที่24 ก.พ.53 ศูนย์วิทยุ สภ.กรงปินัง อ.กรงปินัง จ.ยะลา ได้รับแจ้งจาก ร.ต.ท.สุทธิชัย คำมี ร้อยเวร สภ.กรงปินัง ว่าเกิดเหตุระเบิดขึ้นที่บริเวณบนถนนเส้นทางในหมู่บ้าน หมู่ที่ 3 บ้านสลาแด ต.ห้วยกระทิง อ.กรงปินัง จ.ยะลา ซึ่งเป็นเส้นทางระหว่างบ้านสลาแด-บ้านตะโละสโต ต.ห้วยกระทิง อ.กรงปินัง จ.ยะลา หลังได้รับแจ้งจึงรีบเดินทางไปยังบริเวณที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กรงปินัง เจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.13 อ.กรงปินัง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD-ARMY) ชุดศรศึก-ศรชัย เจ้าหน้าที่ทหารเก็บกู้วัตถุระเบิด ชุดอโนทัย และ ฝ่ายปกครองอีกจำนวนหนึ่ง
ที่เกิดเหตุบริเวณดังกล่าวสองข้างทางเป็นป่าสวนผลไม้ และสวนยางพารา เจ้าหน้าที่ พบหลุมระเบิดขนาดเล็ก ที่คนร้ายขุดเจาะใต้ถนนเพื่อฝังระเบิด แต่เนื่องจากระเบิดทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ เจ้าหน้าที่ต้องใช้ชะแลงเปิดหน้าหลุมระเบิด แล้วทำการตรวจสอบ ข้างในหลุมระเบิดพบเศษถังแก๊สปิ๊คนิกขนาด 10 กิโลกรัม กระจายบนพื้นถนน ห่างกันข้างทางประมาณ 150 เมตร เจ้าหน้าที่ยังพบสายไฟลากเข้าไปในสวนผลไม้
จากการเข้าตรวจสอบ พบวัตถุระเบิดชนิดแสวงเครื่องที่คนร้ายได้ทำขึ้นมาเอง วางไว้อีก 1 ลูก น้ำหนักประมาณ 2 กิโลกรัม ขนาดกว้าง 3 ซ.ม ยาว 7 ซ.ม หุ้มด้วยกระบอกเหล็ก พันด้วยเทปกาวสีดำ จุดชนวนด้วย วงจรแผงอิเล็กทรอนิกส์ ถ่าน 9 โวลท์ ซึ่งเชื่อว่าเป็นฝีมือคนร้ายที่ลวงเจ้าหน้าที่ เพื่อระเบิดซ้ำโชคดีสามารถเก็บกู้ไว้ได้
จากการสอบสวนทราบว่า มีคนร้ายไม่ทราบกลุ่ม และจำนวนใช้ระเบิดชนิดแสวงเครื่องบรรจุในถังแก๊สปิ๊กนิกน้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ถ่าน 9โวลท์ นำมาฝั่งไว้ใต้ถนน เมื่อรถหุ้มเกราะ REVA ของเจ้าหน้าที่ทหาร ร้อย ร.4032 ฉก.13 กรงปินัง ตั้งฐานปฏิบัติการที่บ้านสลาแด อ.กรงปินัง มี ร.อ.สมภพ ใจบุญ หัวหน้าชุด ร.ป.ภ.ครู และลาดตระเวนเส้นทาง พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ 15 นายขับผ่านเพื่อมุ่งเข้าตรวจสอบเหตุ คนร้ายลอบวางเพลิงที่ร้านน้ำชาชาวบ้าน ที่บ้านตะโละสโต หมู่ที่ 6 ต.สาเอะ อ.กรงปินัง เมื่อช่วงคืนวันที่23ก.พ.53เมื่อรถ REVA มาถึงบริเวณที่เกิดเหตุคนร้ายได้กดชนวนระเบิดขึ้น แต่ระเบิดทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ จึงทำให้ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บและรถไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด
ปะทะโจรตาย1
อ.ยะหาจ.ยะลาวันที่24 ก.พ.53 ร.ท.ไพรัตน์ สุรัตน์ ผบ.ร้อย ทพ.4703 กรมทหารพรานที่ 47 ได้รับแจ้งจาก ชาวบ้านที่ออกหาของป่าว่า พบกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบจำนวนหลายคน พร้อมอาวุธ ปืนสงคราม ในป่าหลังหมู่บ้านห่างจากถนนประมาณ 2 กิโลเมตร บริเวณหมู่ที่ 5 บ.จาเราะซีโป๊ะ ต.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา หลังได้รับแจ้งเจ้าหน้าที่ทหารพราน จึงได้ประสานกับกำลังทหาร ฉก.14 อ.ยะหา และ เจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (นปพ.) สภ.ปะแต จำนวน กว่า 50 นาย เข้าทำการปิดล้อมในพื้นที่ดังกล่าว
ขณะที่ เจ้าหน้าที่ ทั้ง 3 ฝ่าย กำลังเดินเท้าจากถนนในหมู่บ้านเข้าไปยังจุดที่รับแจ้ง กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ เห็นเจ้าหน้าที่ก่อน จึงได้ใช้อาวุธปืนสงครามอาก้า และ เอ็ม 16 ยิงเข้าใส่โดยทันที จนทำให้เกิดมีการปะทะกันขึ้น นานกว่า 20 นาที หลังเสียงปืนสงบลง เจ้าหน้าที่เข้าเคลียร์พื้นที่ พบ อส.ทพ.พัทยา แปงคำใส อายุ 20 ปี สังกัด ร้อย.ทพ.4703 กรมทหารพรานที่ 47 ประจำฐานปฏิบัติการในพื้นที่ ต.ปะแต อ.ยะหา ถูกยิงเข้าที่บริเวณลำคอด้านขวา เพื่อนทหารได้รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลาในเวลาต่อมา
ผ่านไปเกือบประมาณ 30 นาที เจ้าหน้าที่พบศพ นายอับดุลเลาะ ยาวางอ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 42 หมูที่ 3 ต.กระเสาะ อ.มายอ จ.ปัตตานี ถูกยิงนอนเสียชีวิตจมกองเลือด จำนวน 1 ศพ
ห่างกันเล็กน้อยพบอาวุธปืนสงครามเอ็ม 203 จำนวน 1 กระบอก เจ้าหน้าที่ชุดนิติวิทยาศาสตร์จึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน เพื่อหาข้อมูลต่อไป หลังจากเกิดเหตุ พ.อ.อุทิศ อนันตนานนท์ ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 47ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทหารพรานกระจายกำลังปิดล้อมไล่ล่ากลุ่มคนร้ายในพื้นที่ใกล้เคียง
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าเป็นกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่เข้ามาหลบซ่อนตัวในพื้นที่ ดังกล่าว เพื่อเตรียมการก่อเหตุร้ายในพื้นที่ อ.ยะหา อ.กรงปินัง และ อำเภอใกล้เคียง
ระเบิดชุดคุ้มครองครูเจ็บ2
อ.เมืองยะลาเช้าวันที่26 ก.พ.53 ร.ต.ท.วิรกิจ แก้วนวลจริง ได้รับแจ้งเกิดเหตุระเบิดที่บริเวณปากทางเข้าวัดถ้ำศิลป์ หมู่ที่ 2 ต.หน้าถ้ำ อ.เมือง จ.ยะลา มีเจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บจำนวน 2 นาย หลังได้รับแจ้งจึงรีบเดินทางไปยังบริเวณที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผกก.สภ.เมืองยะลา กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฉก.11 อ.เมืองยะลา ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ศรศึก-ศรชัย (EOD-ARMY) ภ.จว.ยะลา เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน 10 จังหวัดยะลา และฝ่ายปกครองอีกจำนวนหนึ่ง
ที่เกิดเหตุบริเวณดังกล่าวใต้ต้นไม้ใหญ่ ใกล้กับสามแยกทางเข้าโรงเรียนบ้านถ้ำศิลป์ ประมาณ 10 เมตร เจ้าหน้าที่ตำรวจพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อคาวาซากิ คาเซ่ สีขาว-ดำ ของทางราชการ หมายเลขทะเบียน กบบ-ปัตตานี 924 ล้มอยู่บนถนน จำนวน 1 คัน สภาพรถเสียหายไม่สามารถใช้งานได้ ห่างกันเล็กน้อย ริมถนนใต้ต้นไม้ เจ้าหน้าที่พบหลุมระเบิด ขนาดกว้าง ลึก 50 ซม. เศษสะเก็ดระเบิด ถ่านไฟ 9 โวลต์ สายไฟ เศษโทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย
ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บเจ้าหน้าที่ทหารได้นำตัวส่ง โรงพยาบาลศูนย์ยะลาแล้ว ทราบชื่อ คือ ส.อ.สมจิตร ชุมจันทร์ อายุ 49 ปี ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และพลทหารสะมะแอ มะตาเฮ อายุ 22 ปี ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณขาและลำตัวอาการสาหัส ซึ่งทั้ง 2 นายเป็นเจ้าหน้าที่ทหารสังกัด ร้อย ร. 5032 ฉก.11 อ.เมือง จ.ยะลา ประจำฐานปฏิบัติการวัดหน้าถ้ำต.หน้าถ้ำอ.เมืองจ.ยะลา
จากการสอบสวนทราบว่า คนร้ายไม่ทราบกลุ่ม และจำนวนได้นำระเบิดชนิดแสวงเครื่องน้ำหนักประมาณ 5 กก.บรรจุไว้ในกล่องเหล็กจุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือนำมาวางไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่ จ.ส.อ.ณรงค์ จินดาวงศ์ หัวหน้าชุดได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ทหารจำนวน 8 นาย พร้อมรถจักรยานยนต์ 4 คัน ลาดตระเวนออกจากฐานปฏิบัติการ เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยครู และเส้นทางโดย 2 คันแรก ได้ขับรถลาดตระเวนมาจนถึงทางสามแยกทางเข้าโรงเรียนบ้านถ้ำศิลป์ คนร้ายที่รออยู่ได้กดชนวนระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ทำให้มีเจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บ2นาย
๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙