จากการปรับแก้ตัวเลข เวลานี้เชื่อว่ามีประชาชนมากกว่า 321,000 รายที่เสียชีวิตจากโควิด-19 ในเม็กซิโก ส่งผลให้พวกเขากลายเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่สูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก เป็นรองเพียงสหรัฐฯ
ประธานาธิบดีอันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางต่อแนวทางรับมือกับวิกฤต โดยฝ่ายค้านกล่าวหาเขาดูเบาความรุนแรงของโรคระบาดใหญ่และโจมตีผู้นำรายนี้ต่อโครงการฉีดวัคซีนที่ล่าช้า
รายงานฉบับแก้ไขที่เผยแพร่โดยกระทรวงสาธารณสุขเม็กซิโก ระบุว่า ในช่วงสิ้นสุดสัปดาห์ที่ 6 ของปี 2564 มีผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 จำนวน 294,287 ราย เพิ่มขึ้นจากตัวเลขยืนยันเดิมซึ่งอยู่ที่ 182,301 ราย
จากนั้นนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ มีรายงานผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 ทั่วเม็กซิโก อีกมากกว่า 26,772 คน ส่งผลให้ผู้เสียชีวิตสะสมเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 321,000 ราย
ตัวเลขดังกล่าวทำให้เม็กซิโกแซงหน้าบราซิล ซึ่งมียอดรวมผู้เสียชีวิตราว 310,000 คน กลายเป็นชาติที่มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 สูงสุดเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้เสียชีวิตสะสม 549,000 ราย แม้เม็กซิโกจะมีประชากรเพียง 126 ล้านคน น้อยกว่าสหรัฐฯ และบราซิลค่อนข้างมาก
พวกผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า จำนวนผู้เสียชีวิตที่แท้จริงในเม็กซิโก อาจสูงกว่านี้มากสืบเนื่องจากขาดแคลนการตรวจเชื้อ นอกจากนี้ยังเชื่อด้วยว่าปัญหาขาดแคลนเตียงคนไข้ห้องไอซียูในหลายๆ รัฐทำให้ผู้คนจำนวนมากกำลังเสียชีวิตอยู่ที่บ้านพัก
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ฮูโก โลเปซ-กาเทลล์ หัวหน้าคณะทำงานตอบสนองวิกฤตโรคระบาดใหญ่ของเม็กซิโก เตือนว่าประเทศของเขาเสี่ยงเผชิญกับการแพร่ระบาดระลอกใหม่ ในขณะที่ประชาชนหลายล้านคนเตรียมฉลองเทศกาลอีสเตอร์
ประธานาธิบดีโลเปซ โอบราดอร์ ซึ่งเคยติดเชื้อโควิด-19 แต่หายป่วยแล้ว ถูกฝ่ายค้านกล่าวหาซ้ำๆ ว่าไม่จริงจังกับวิกฤตมากพอ และบ่อยครั้งที่ถูกพบเห็นไม่สวมหน้ากากป้องกันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในที่สาธารณะ
จนถึงตอนนี้โครงการฉีดวัคซีนของเม็กซิโก เพิ่งฉีดให้ประชาชนไปได้เพียง 6.1 ล้านโดส ขณะที่เจ้าหน้าที่แถลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า วัคซีนโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าจำนวน 1.5 ล้านโดส จากสหรัฐฯ จะเดินทางมาถึงเร็วๆนี้
Reference
(ที่มา : บีบีซี)