วิเคราะห์เหตุการณ์เดือนธันวาคม 49 มุ่งเป้าฆ่าครู เผาโรงเรียน ณรงค์ ชื่นนิรันดร์ ผู้สื่อข่าว 8 ว. 31 ธ.ค.49
บทนำ เดือนธันวาคม 2549 เป็นเดือนที่กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบก่อเหตุการณ์เข่นฆ่าครู ผู้บริสุทธิ์ เผาโรงเรียน สถานีอนามัย บ้านเรือนชาวไทยพุทธ ถี่ที่สุดและดำเนินการติดต่อกันตลอดทั้งเดือนไม่เว้นแต่ละวัน บางครั้งมีการกระทำที่โหดเหี้ยมทั้งการยิงครูแล้วเผากลางถนน การฆ่าคนชรา และเด็กเล็กผู้บริสุทธิ์ ทั้งหมดมีเป้าหมายที่แสดงเป็นสัญลักษณ์ โดยกลุ่มก่อการร้ายไม่ต้องการ การเรียนการสอนที่มีระบบการศึกษาจากรัฐบาลไทย และขับไล่ผู้บริสุทธิ์ที่เป็นชาวไทยพุทธให้ออกจากพื้นที่ โดยกลุ่มก่อการร้ายใช้ช่องว่างของศาสนามาเป็นตัวนำในการชักจูงคนในพื้นที่ ให้มีความคล้อยตาม และอาศัยความเป็นพี่น้องเดียวกัน ในการปลุกปั่น
ขบวนการRKK เยาวชนผู้ก่อการรุนแรง ขบวนการRKK เป็นขบวนการที่เกิดขึ้นมาใหม่ที่มีเป้าหมายในการแบ่งแยกดินแดน ซึ่งเป็นขบวนการก่อเหตุการณ์ล่าสุด ที่ใช้ยุทธวิธี ที่มีความรุนแรง โดยมีวิธีการปลูกฝังเยาวชนที่เป็นมุสลิมให้มีความเกลียดชังและไม่ยอมรับ ความเป็นสยามหรือความเป็นไทย ขบวนการนี้มียุทธวิธีในการที่จะแบ่งแยกคนไทยพุทธและคนไทยมุสลิมออกจากกัน ซึ่งเป็นการลอกเลียนแบบยุทธวิธีของ พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.ที่นำเอายุทธวิธีแยกปลาออกจากน้ำมาใช้โดยการแยกโจรออกจากชาวบ้าน ซึ่งลัทธิคอมมิวนิสต์เป็นเจ้าตำรับ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผล เพราะการทำงานของรัฐบาลอยู่ภายใต้กฎหมาย ที่จะต้องกระทำอย่างนุ่มนวลและระมัดระวัง ต่อการนำไปสู่การเสียมวลชน และเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน ในพื้นที่ ที่ไม่ค่อยไว้วางใจทางการเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว
เผาโรงเรียน เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านการศึกษา แนวคิดของกลุ่มก่อการร้าย มีเป้าหมายที่จะเผาโรงเรียน ที่มีการสอนในระบบการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ เป็นหลัก เพื่อเป็นสัญลักษณ์ที่จะบอกว่า กลุ่มก่อการร้ายไม่ต้องการระบบการศึกษาที่ทางการรัฐบาลไทยกำลังดำเนินการอยู่ โดยวิธีการเผาโรงเรียน บางจุดได้เปลี่ยนการลอบเผาจากกลางคืนเป็นกลางวัน แสดงให้เห็นว่า กลุ่มก่อการร้ายมีความเหิมเกริมที่จะกระทำอย่างไม่มีความเกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง เวลาที่คนร้ายลงมือเผาโรงเรียนและสถานที่ราชการ ยุทธวิธีของการเผาโรงเรียน คนร้ายจะมีการเลือกเวลาที่ปลอดจากผู้คน เช่นเวลาก่อนรุ่งสางซึ่งจะเป็นเวลาประมาณ 03.00 นาฬิกา เป็นเวลาที่คนส่วนใหญ่กำลังหลับสนิท เวลาอีกช่วงหนึ่งคือช่วงหัวรุ่ง ช่วงเที่ยง ช่วงหัวค่ำ ซึ่งเป็นเวลาที่คนส่วนใหญ่ในพื้นที่ ออกไปละหมาด
โจรมุ่งเป้าครูผู้หญิง กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ มุ่งเป้าครูที่เป็นผู้หญิง เพราะเป็นเป้าหมายที่อ่อนไหว (SOFT TARGET) ง่ายต่อการลอบสังหารและการหลบหนี โดยผลของการกระทำมีเป้าหมายเพื่อให้ก่อเกิดความกลัว และไม่ต้องการให้ครูอยากมาสอน ซึ่งเป็นความต้องการสูงสุดของกลุ่ม ที่ไม่ต้องการรับการเรียนการสอนที่มิใช่เป็นวิถีของกลุ่มที่ต้องการวิถีชีวิตที่สุดโต่ง ไม่ยอมรับการศึกษาและอารยะธรรมจากคนอื่น นอกจากกลุ่มของตนเอง
ใช้ผู้หญิงเป็นแกนนำชุมนุมเรียกร้อง กลุ่มผู้ก่อการร้าย ใช้กลยุทธ์ผู้หญิงและเด็ก ชุมนุมเรียกร้องไม่ให้ตำรวจจับกลุ่มผู้ต้องหา หรือต้องการให้ตำรวจปล่อยผู้ต้องหา และเป็นการสร้างภาพว่าเจ้าหน้าที่รังแกผู้ที่อ่อนแอกว่า ซึ่งการชุมนุมในแต่ละครั้งจะมีผู้ชายปลอมตัวเป็นผู้หญิงปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมเสมอ เพื่อชี้นำการชุมนุม ขณะเดียวกันผู้หญิงที่มาชุมนุมจะเป็นผู้ที่มาจากถิ่นอื่น มิได้เป็นญาติพี่น้องของผู้ที่ถูกจับ ซึ่งเป็นคำยืนยันของญาติผู้ต้องหาที่ถูกทางการจับตัว
ยิงผู้บริสุทธิ์ กลุ่มโจรก่อการร้าย ยังพุ่งเป้าในการลอบยิง ชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุ อยู่ตามลำพัง และเป็นผู้นับถือศาสนาพุทธ ด้วยกลุ่มโจรพยายามที่จะสร้างสถานการณ์ให้นำไปสู่ความขัดแย้งทางศาสนาระหว่างศาสนาพุทธกับศาสนาอิสลาม ซึ่งการกระทำอันโหดร้ายก็มิได้เห็นดีเห็นงามจากผู้นำศาสนาทั้งสอง ต่างก็ออกมาประณาม การกระทำที่เหี้ยมโหดผิดมนุษย์
ยังมีชาวบ้านให้ ตชด.อยู่ในพื้นที่ ภาพของชาวบ้านที่ออกมาเรียกร้องไม่ให้เจ้าหน้าที่ถอนกำลังออกนอกพื้นที่ เกิดขึ้นน้อยมาก แต่ก็ยังพอมีให้เห็นโดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ วันที่ 9 ธ.ค.49 เวลา 08.30 น.ที่อำเภอรามันจังหวัดยะลา นายมะสุกรี เจะแว แกนนำผู้ชุมนุมซึ่งพิการทางร่างกาย เล่าว่า ตชด.ชุดนี้เป็นชุดที่ดีที่สุด เสียสละ ช่วยเหลือชาวบ้านมาโดยตลอด เจ็บป่วยดึกดื่นแค่ไหน ก็ไปช่วยเสมอ ไม่เคยสร้างปัญหาชาวบ้านเลยรักและผูกพันมาก ไม่อยากให้ออกนอกพื้นที่ อยากจะให้อยู่ด้วยกันนาน ๆ เพื่อความสงบสุขของชาวบ้าน ที่ผ่านมาในพื้นที่ ต.เกะรอ อ.รามัน จ.ยะลา ไม่เคยเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ดีแต่หากตชด.ชุดนี้ออกไปชาวบ้านคงลำบากนั่นเป็นคำบอกเล่าของชายร่างพิการที่เป็นชาวไทยมุสลิมที่ไม่เคยรังเกียจเจ้าหน้าที่ที่ให้การช่วยเหลือตลอด
บทสรุป การลงมือของคนร้ายในเดือนส่งท้ายปีเก่า ธันวาคม 2549 นับว่าเป็นเดือนที่มีความรุนแรง ที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นทุกวันไม่มีเว้น ทั้งการยิงผู้บริสุทธิ์ ยิงครู เผาโรงเรียน เผาสถานีอนามัย เผาบ้านชาวไทยพุทธ ลอบยิงทหาร ตำรวจ อส. อบต. ชรบ. ระเบิดรถยนต์ทหาร ระเบิดร้านค้า การแก้ปัญหายังคงเดินหน้าต่อไป ซึ่งเราก็อยากจะเห็นว่าเหตุการณ์จะลงเอยกันอย่างไร
* * * * * * * * * * * * * * * * * * *
|