ยุทธการแผ่นดินมืด น้ำท่วมเมือง เหตุที่ไฟใต้ไม่ดับ ตอนที่ 4 ก่อวินาศกรรม ณรงค์ ชื่นนิรันดร์ ผู้สื่อข่าว 8 ว. หัวหน้ากลุ่มข่าวและรายการภูมิภาค สปข.6
รายงานจากหน่วยข่าวยังแจ้งเตือนให้ทราบว่า ขณะนี้ขบวนการโจรแบ่งแยกดินแดนได้ประกอบระเบิด ซึ่งเป็นระเบิดที่มีน้ำหนักลูกละ 10 กก. เพื่อใช้ในการก่อความไม่สงบจำนวน 12 ลูก ขณะนี้ได้ใช้ไปแล้ว 2 ลูก คือที่ธนาคารทหารไทยและที่หน้าบ่อนไก่บ้านศรีพงัน อ.ตากใบ ยังเหลือระเบิดอีก 13 ลูกที่ยังอยู่ระหว่างการนำไปวางยังสถานที่ต่าง ๆ โดยมีการระบุว่า มีแหล่งที่กลุ่มโจรใช้เป็นพื้นที่ในการประกอบระเบิดอยู่ 3 แห่งด้วยกันคือที่ อ.ธารโต อ.บันนังสตา จ.ยะลา และที่ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส
สำหรับการก่อวินาศกรรมระลอกที่สอง ขบวนการโจรแบ่งแยกดินแดนได้เปลี่ยนวิธีการ จากเคยใช้ระเบิดแสวงเครื่องขนาดเล็ก มาเป็นระเบิดขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักประมาณ 10 กก. แทน เพื่อให้เกิดความสูญเสียอย่างรุนแรง และนอกจากนั้น ยังมีการประกอบคาร์ บอม เพื่อใช้ในการก่อเหตุร้ายขึ้นด้วย หลังจากที่ได้รับรายงานจากข่าวกรอง กองบังคับการตำรวจนราธิวาส ได้มีคำสั่งแจ้งเตือนไปยังตำรวจทุกโรงพักใน จ.นราธิวาส ให้ระมัดระวังป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น ตามที่หน่วยข่าวกรองได้รับรายงานมา
ทางด้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "นายกฯ ทักษิณ คุยกับประชาชน" เมื่อเช้าวันเดียวกันว่า จะเดินทางไปตรวจราชการที่ภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ 23-27 ส.ค.2547 โดยเริ่มจาก จ.เพชรบุรี "การเดินทางไปตรวจราชการครั้งนี้ทั้งหมด 14 จังหวัด จะทำให้ผมตรวจเยี่ยมครบทุกจังหวัดทั่วประเทศในวันศุกร์ 27 ส.ค.2547 นี้"
เมื่อเวลา 07.40 น. วันที่ 26 ส.ค. 2547 ขณะที่ขบวนทัวร์นกขมิ้นของนายกรัฐมนตรีกำลังอยู่ในพื้นที่ จังหวัดสงขลา ก็มีเหคุระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ร.ต.ท. ธรรมนูญ ธรรมวงศ์ ร้อยเวร สภ.อ.สุคิริน จ.นราธิวาส ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุระเบิดที่หน้าตลาดนัดเช้า บ้านมาโมง หมู่ 6 ต.มาโมง อ.สุคิริน จ.นราธิวาส ที่เกิดเหตุอยู่หน้าร้านขายของชำห่างจากที่ว่าการอำเภอ และ สภ.อ.สุคิรินประมาณ 500 เมตร พบผู้บาดเจ็บจำนวนมาก นอนร้องครวญคราง อยู่หน้าร้านขายของชำปลูกติดกัน 4 คูหา เลขที่ 25/14-17 ของนายนิพนธ์ บุญอินทร์ ครูโรงเรียนบ้านมาโมง และหน้าร้านเป็นตลาดสดยามเช้า มีพ่อค้า แม่ค้า ขายของสดของแห้งและมีผู้มาจับจ่ายสินค้าจำนวนมาก ช่วยกันนำคนเจ็บส่ง รพ.สุคิริน และ รพ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส จำนวน 28 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีผู้บาดเจ็บสาหัสจำนวน 2 คน และเสียชีวิตในเวลาต่อมา 1 คน คือนายอรรถชัย บุญอินทร์ จากการสอบสวนทราบว่าคนร้ายได้นำระเบิดเพาเวอร์เจล ประกอบด้วยปุ๋ยยูเรีย และตะปู ลูกปราย เศษเหล็ก และโซ่เลื่อยยนต์ที่ตัดเป็นชิ้น ๆ ทำเป็นสะเก็ดระเบิด จุดระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือ น้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ในถังน้ำมัน รถจักรยานยนต์ ซูซูกิ คริสตัล ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน นำมาจอดไว้ที่หน้าร้านของชำดังกล่าว เป้าหมายของคนร้ายอยู่ที่ ตชด. และนาวิกโยธิน ซึ่งตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ในหมู่ที่ 6 ซึ่งทุกเช้าจะออกมาซื้ออาหารสดที่ตลาดนัดดังกล่าว เมื่อคนร้ายเห็นเจ้าหน้าที่เข้ามาในบริเวณนั้น จึงได้จุดระเบิดขึ้นในทันที จนทำให้มีผู้บาดเจ็บจำนวน 26 คน ส่วน จักรยานยนต์ที่ใช้ประกอบระเบิดขาดเป็น 2 ท่อน กระเด็นไปไกลถึง 10 เมตร สะเก็ดระเบิดได้กระจายข้ามถนนในรัศมี 30 เมตร ทำให้กระจกหน้าต่างประตู ของอาคารร้านค้าในบริเวณนั้น ได้รับความเสียหายทั้งหมด สำหรับผู้บาดเจ็บที่เป็นนาวิกโยธินประกอบด้วย จ.ส.อ.พัฒนา เพชรนุ้ย พลสมศักดิ์ โกมล พลบัญญัติ นุ้ยสุวรรณ พลวิโรจน์ น้อยเต็ม พลสายัณห์ นวลจันทร์ พลอนุสรณ์ ชัยชำนาญ พลบัญญัติ ขวัญเชื่อ และ ตชด.จาก บก.ตชด.ภ.4 อีก 3 นายคือ ด.ต.สมชาย เกิดโพชา จ.ส.ต.จิตติ ชนันขันเกษ ด.ต.ชะลอ พานิชวัฒนา ด.ต.บัญญัติ ลักษณาพันธ์
นักเรียนที่ได้รับบาดเจ็บส่วนใหญ่เป็นเด็กประถมและอนุบาลซึ่งมาซื้ออาหารเช้าเพื่อเตรียมเดินพาเหรดในการแข่งกีฬาสีของโรงเรียน ประจำอำเภอสุคิริน ซึ่งมีรายชื่อดังนี้ ด.ช.ขวัญชัย ลักษณาพันธ์ ด.ช.พงศธร พุทธโชติ ด.ญ.จุติมา แซ่บ้าน ด.ช.วีรยุทธ ยะโก๊ะ ด.ช.ไพซอล เปาะจิ ด.ช.ณัฐชัย สุขชูช่วง ด.ญ.กุลธิดา สอนจร ด.ญ.จุฑามาศ ถาทอง และ ด.ญ.ยูฮารี ดือเลาะ
ครูที่ได้รับบาดเจ็บคือ นายยาการียา มามุ น.ส.ชมภูนุช พูลขาว และ น.ส.ธารารัตน์ ลีนิน ครูอัตราจ้าง ร.ร.นิคมพัฒนา 6 อ.สุคิริน และชาวบ้านที่บาดเจ็บประกอบด้วย นายนิพนธ์ บุญอินทร์ เจ้าของร้าน นางสมบูรณ์ บุญอินทร์ น.ส.บังอร บุญอินทร์ สามพ่อแม่ลูก และ นางสะอาด เพชรมณี
นอกจากนั้น ยังมีรถยนต์ที่ถูกระเบิดได้รับความเสียหาย จำนวน 3 คัน เป็นรถปิกอัพโตโยต้า ไทเกอร์ สีเขียว ทะเบียน บง 8714 นราธิวาส รถโตโยต้า สีบรอนซ์ บง 7531 นราธิวาส และรถปิกอัพอีซูซุ ทะเบียน บง 780 นราธิวาส จักรยานยนต์ ฮอนด้า ทะเบียน กบย 871 นราธิวาส ส่วนอีกสองคันที่เหลือเป็นจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า ที่ถูกระเบิดจนจำสีเดิมไม่ได้ ซึ่งเป็นของประชาชน ที่มาซื้อของในตลาดนัดยามเช้า
เช้าวันที่ 25 สิงหาคม 2547 เวลา 08.30 น.ที่ จ.กระบี่ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกฯ ซึ่งอยู่ในระหว่างทัวร์นกขมิ้นจังหวัดภาคใต้ กล่าวถึงเหตุการณ์ว่า ได้ รับทราบรายงานแล้ว เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายทำงานกันอย่างเต็มที่ เราจับตัวแสบ ๆ ได้หลายคน เมื่อก่อนมีอะไรมักจะจับตัวไม่ได้ เดี๋ยวนี้จับได้เรื่อย ๆ และทำให้รู้เครือข่าย ช่วงนี้ฝ่ายก่อการร้ายพยายาม สร้างให้เห็นว่ายังมีศักยภาพ จะทำอะไรต้องให้รุนแรงขึ้น แต่เราต้องเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่จะทำอะไรรุนแรงไม่ได้เพราะจะถูกกล่าวหาว่าใช้ความรุนแรง ตำรวจสามารถตรวจค้นได้แต่ก็ไม่กล้าเพราะเกรงว่าจะใช้วิธีการไม่เหมาะสม เช่น การใช้สุนัขตรวจค้นหาวัตถุระเบิดแต่ทำไม่ได้เพราะผิดหลักศาสนา ซึ่งความจริงสามารถทำได้เพราะเป็นภาวะภายในกฎอัยการศึก
ขณะนี้ประชาชนเริ่มเข้าใจและให้ความร่วมมือมากขึ้น ต่อข้อถามว่าการระเบิดถือเป็น การท้าทายที่นายกฯลงมาทัวร์ภาคใต้หรือไม่นั้น คิดว่าไม่เกี่ยวกันเหตุรุนแรงมีมาก่อนหน้านี้แล้วอย่าคิดมาก เราทุกคนทำงานกันต่อไปไม่ต้องกลัว จะระเบิดก็ระเบิดไปไม่เห็นกลัว
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง(ถูกปรับออก ครม.ทักษิณ 10 ) ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุระเบิดที่ อ.สุคิริน จ.นราธิวาส ว่า ต้องการเล่นงานเจ้าหน้าที่รัฐที่ไปจ่ายตลาดตอนเช้า คิดว่าจะมีเหตุระเบิดใหญ่ ๆ บ่อยขึ้นเพราะเขาเปลี่ยนแนวทาง คือต้องการทำลายให้สูญเสียกว้างขวางขึ้น แทนที่จะยิงคนได้เพียงคนเดียวและอาจถูกยิงตอบ ก็เปลี่ยนรูปแบบมาใช้ระเบิดแทน สิ่งสำคัญคือต้องการทำลายขวัญและกำลังใจด้วยเสียงระเบิด ลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาล ซึ่งเราก็ต้องเร่งรัดแก้ปัญหากัน
พล.ท.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี แม่ทัพภาค 4 กล่าวถึงเหตุระเบิดที่ตลาดสุคิริน ว่าเท่าที่ตรวจสอบเป็นการใช้รีโมตในการจุดระเบิด ซึ่งได้รายงานให้นายกฯทราบแล้วว่า เหตุการณ์ทั้งหมดเป็นผลงานของครูสอนศาสนา ซึ่งการกวาดล้างพวกนี้ทำกันมาตลอด จะเห็นว่าสถานการณ์ขณะนี้ดีขึ้นมากโดยดูได้จากปฏิกิริยาของชาวบ้านโดยเฉพาะเรื่องการตรวจค้นจับกุมที่ก่อนหน้านี้ชาวบ้านไม่พอใจการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ แต่ตอนนี้แม้แต่การใส่กุญแจมือ ประชาชนก็เริ่มเข้าใจ หลังจากนายกรัฐมนตรีกลับไปกรุงเทพ ฯ ก็ยังมีเหตุระเบิดขึ้น เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 28 ส.ค. 2547 ร.ต.ต.ฐิติกรณ์ วัฒนเจริญพันธ์ ร้อยเวร สภ.อ. เมืองนราธิวาสได้รับแจ้งเกิดเหตุระเบิดขึ้นที่ปั๊มน้ำมันคาลเท็กซ์ ตั้งอยู่เลขที่ 22 ถนนพิชิตบำรุง ต.บางนาค เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส ที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบหลุมที่เกิดจากแรงระเบิดลึกประมาณ 1 เมตร กว้าง 1 เมตรครึ่ง จากการตรวจสอบพบว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบด้วยดินระเบิดเพาเวอร์เจล ผสมปุ๋ยยูเรียหรือแอมโมเนียมไนเตรท และใช้ลูกปราย ตะปู เศษเหล็ก ประกอบเป็นสะเก็ดระเบิด บรรจุในกล่องพลาสติกและลังกระดาษสีน้ำตาลอีกชั้น น้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัม โดยคนร้ายนำระเบิดมาวางไว้ที่กำแพงรั้ว ซึ่งอยู่ติดกับสำนักงานของปั๊มน้ำมัน แรงระเบิดทำให้กำแพงคอนกรีตที่หนา 6 นิ้ว สูง 2 เมตรพังถล่มลงมาทั้งแถบ หัวจ่ายน้ำมัน 4 หัวได้รับความเสียหายเช่นเดียวกับสำนักงานที่กระจก และหลังคาพังทลาย รวมทั้งรถปิกอัพนิสสัน สีเขียว ทะเบียน บง 6483 นราธิวาส และรถบรรทุกหกล้ออีก 1 คันได้รับความเสียหาย นอกจากนั้นตึกแถว ร้านค้า บ้านเรือนประชาชนรวม 10 หลังที่ตั้งอยู่ในรัศมี 40 เมตร ถูกแรงอัดของดินระเบิดและสะเก็ดระเบิดได้รับความเสียหาย กระจกหน้าต่างแตกร้าว กันสาด ประตู กระเบื้องหลังคา แตกเสียหายกระจัด กระจายไปทั่วบริเวณ โชคดีไม่มี ผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองแจ้งว่า การก่อเหตุทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเดือนสิงหาคม มาจากแผน "แผ่นดินมืด น้ำท่วมเมือง" ที่ขบวนการโจรแบ่งแยกดินแดนได้มีการประชุมวางแผนเมื่อวันที่27ก.ค.2547ที่ผ่านมาโดยกำหนดให้เดือนสิงหาคมเป็นเดือนแห่งการก่อวินาศกรรมด้วยระเบิด และเดือนกันยายน 2547 จะปฏิบัติการทางอาวุธ โดยมีกลุ่มผู้ปฏิบัติงานที่เป็นครูสอนศาสนา และสมาชิกขบวนการพูโลบีอาร์เอ็นและมูจาฮีดีนอิสลามปัตตานีโดยได้รับการอุดหนุนทางการเงินจากมูลนิธิแห่งหนึ่งในประเทศอินโดนีเซียซึ่งมีการประกอบระเบิดที่พร้อมใช้จำนวน 15 ลูก จนถึงขณะนี้ได้ทยอยวางระเบิดใน จ.ยะลา และปัตตานี ทั้งที่ระเบิดและที่กู้ได้ทันไปแล้วรวม 12 ลูก จึงยังเหลือระเบิดอีก 3 ลูกที่ยังหาไม่พบ แต่เชื่อว่าเป้าหมายยังอยู่ในพื้นที่ จ.นราธิวาส ซึ่ง พล.ต.ต.กมล โพธิยพ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ติดตามหาระเบิดที่เหลืออย่างเต็มที่ พร้อมทั้งสั่งป้องกันย่านชุมชน ปั๊มน้ำมัน โรงงานบรรจุแก๊สทุกแห่ง ซึ่งเชื่อว่าเป็นเป้าหมายของระเบิดที่ยังเหลืออยู่
//////////////////////////////// |