www.narongthai.com  

www.narongthai.com เป็นเว็บไซต์เชิงวิชาการ ที่สามารถนำอ้างอิงได้ตามหลักวิชาการ                                                                                                                                                                                                                                                                           
 

 ณรงค์ ชื่นนิรันดร์
https://www.facebook.com/profile.php?id=100010475651732
สร้างลิงค์ของโปรไฟล์ในแบบที่เป็นตัวคุณเอง

 

 

 

 

 

 

 สถิติวันนี้ 4 คน
 สถิติเมื่อวาน 45 คน
 สถิติเดือนนี้
สถิติปีนี้
สถิติทั้งหมด
2530 คน
52317 คน
1744761 คน
เริ่มเมื่อ 2010-01-13

  

26 ก.ย.49
วิเคราะห์ข่าว ใครระเบิดหาดใหญ่ 6 จุด
โดย ณรงค์ ชื่นนิรันดร์ ผู้สื่อข่าว 8 ว.

บทนำ
เหตุการณ์ระเบิดที่ย่านธุรกิจการค้า กลางอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เมื่อคืนวันที่ 16 กันยายน 2549 เป็นเหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมาย ของหน่วยข่าวที่เคยออกมาเตือนว่า ระหว่างวันที่ 16-20 กันยายน 2549 จะมีเหตุการณ์ความรุนแรง ของผู้ก่อความไม่สงบ แต่ก็ไม่ได้บอกว่า เป็นฝ่ายไหน และมีการออกหนังสือเตือน เพื่อให้เฝ้าระวังเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นในห้วงเวลานี้ เช่นกัน แต่ก็ไม่คาดคิดว่าจะเป็นหาดใหญ่ โดยมีการวิเคราะห์ว่า ในวันที่ 16 กันยายน 2549 จะมีเหตุร้ายที่ มัสยิดกลางจังหวัดยะลา ซึ่งเป็นวันที่มีการรวมพลของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบ จะมาร่วมชุมนุม โดยส่วนหนึ่งมาจากประเทศมาเลเซีย จำนวน 500 คน และยังมีแกนนำระดับพื้นที่ ของจังหวัดนราธิวาส ปัตตานี และยะลา ประมาณ 30 คน และมีประชาชนในจังหวัดยะลามาร่วมชุมนุมอีก 3,000 คน คาดการณ์ว่า อาจจะมีการยึดมัสยิดต่อรอง เพื่อประกาศเอกราช เพราะวันที่ 16 กันยายน ตรงกับวันสถาปนาขบวนการมูจาฮีดีนปัตตานี ซึ่งเป็นขบวนการหนึ่งที่ต้องการแบ่งแยกดินแดน แต่เหตุร้ายก็ไม่เกิดขึ้น

ระเบิด 3 จุดแรก กลางย่านการค้าหาดใหญ่
การระเบิดทั้ง 6 จุด เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน คือเวลาประมาณ 21.30 น. ระเบิดลูกแรก ริมถนนธรรมนูญวิถี บริเวณหน้า ดีฟ วันเดอร์ ผับ ซึ่งตั้งอยู่ชั้นใต้ดินห้างโอเดียน ดีพาร์ทเม้นสโตร์ รถยนต์สี่ล้อเล็ก หรือ รถตุ๊ก ๆ ถูกเพลิงไหม้ได้รับความเสียหาย 1 คัน และรถจักรยานยนต์จำนวนหนึ่ง ประมาณ 5 นาที ได้เกิดระเบิดขึ้นอีก ด้านข้างของห้างโอเดียน ด้านถนนเสน่หานุสรณ์ ห่างจากจุดแรกประมาณ 30 เมตร จุดนี้เป็นระเบิดขนาดเล็ก อานุภาพไม่ร้ายแรงนัก ผู้คนเริ่มแตกตื่น และชุลมุน ทุกคนต่างวิ่งหนีเอาตัวรอด บางคนที่อยากรู้อยากเห็นเหตุการณ์ ต่างก็ออกมายืนดูเหตุการณ์ที่หน้าบ้าน และจุดนี้เอง ขณะที่ ชาวบ้านออกมายืนดูเหตุการณ์ ที่หน้าร้านนิวเชอร์รี่ นวดแผนโบราณ ถนนธรรมนูญวิถี ระเบิดลูกที่ 3 ที่ซุกซ่อนอยู่ในรถจักรยานยนต์ ก็เกิดระเบิดขึ้น โดยห่างจากจุดแรกประมาณ 150 เมตร ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที 2 ศพ

จุดเกิดเหตุ เป็นย่านใจกลางธุรกิจกลางเมืองหาดใหญ่ ที่รายล้อมไปด้วยห้างสรรพสินค้า อาทิ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ห้างลีการ์เดนท์ ห้างไดอาน่า โรงแรมอินทรา โรงแรมโนโวเทลเซ็นทรัล สุคนธา โรงแรมลีการ์เดนท์ โรงแรมเดอะรีเจนซี่ ร้านอาหารจีนเซาะฮึ้ง 3 ตลาดสันติสุข ตลาดเอเซีย ตลาดซีกิมหยง และในยามค่ำคืนเวลาประมาณ 21.00 น ด้านถนนเสน่หานุสรณ์ ที่ใกล้จุดเกิดเหตุ ก็จะมีพ่อค้าแม่ค้า นำรถเข็นมาขายอาหารโต้รุ่ง และร้านเล็ก ๆ เหล่านี้ก็จะเป็นที่นิยม ของนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียและชาวไทย ที่แวะมานั่งตากลม หาก๋วยเตี๋ยว ข้าวมันไก่ ขนมหวานประเภทแป๊ะก๊วย รวมมิตร กินก่อนที่จะไปเที่ยวตามผับ และนวดแผนโบราณ ที่มีอยู่อย่างหนาตา ในย่านนี้

ส่วนระเบิดที่เหลืออีก 3 จุด คือ จุดที่ 4 เกิดที่บริเวณหน้าตู้เอทีเอ็มห้างบิ๊กซี หาดใหญ่ ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุไปประมาณ 5 กิโลเมตร จุดที่ 5 เกิดระเบิดที่ ห้างลีการ์เดนท์ ชั้น 4 บริเวณห้องร้องเพลงคาราโอเกะหยอดเหรียญ ห่างจากจุดแรกประมาณ 300 เมตร และจุดที่ 6 ภายในห้องน้ำด้านข้างโรงภาพยนตร์โคลีเซี่ยม ซินีเพล็ค ซึ่งอยู่บนชั้น 7 ของ ห้างสรรพสินค้า ไดอาน่าดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ ห่างจากจุดเกิดเหตุใจกลางเมืองหาดใหญ่ประมาณ 2 กิโลเมตร ทั้ง 3 จุดไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ มีแต่ทรัพย์สินที่ได้รับความเสียหายเล็กน้อย

การวางระเบิด เป็น จุดที่เรียกว่า Soft Target
การวางระเบิดของคนร้าย มุ่งเป้าหมาย ที่เรียกว่า Soft Target หรือ จุดการโจมตีที่อ่อนไหว ส่วนใหญ่จะเป็นการโจมตีต่อพลเรือน ที่บริสุทธิ์ และไม่มีการระวังป้องกันการก่อการร้าย กรณีของการระเบิดที่หาดใหญ่ในคืนวันที่ 16 กันยายน 2549 ก็เช่นกัน บริเวณดังกล่าว เป็นแหล่งท่องเที่ยวในยามค่ำคืน ที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวมาเลเซีย มาท่องเที่ยว โดยส่วนใหญ่จะมาจับจ่ายซื้อข้าวของและรับประทานอาหารเย็น

เป็นที่น่าสังเกตว่า คนร้าย ได้เลือกลงมือที่เป็นย่านบันเทิงของคนจีน คนอีสาน และคนเหนือ ที่มาประกอบกิจการนวดแผนโบราณ แผงลอยขายสินค้าประเภท นาฬิกา แว่นตา และร้านอาหารที่เป็นผับและบาร์ ที่ขายของมึนเมา ประเภทเบียร์ และเหล้า ที่มีการเล่นดนตรี ภายในร้านด้วย การสืบสวนจึงพุ่งเป้าไปที่กลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่ต้องการขยายขอบเขตการก่อการร้าย นอกพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่การก่อเหตุครั้งนี้ ฝ่ายก่อเหตุกลับเงียบงัน ไม่มีการประกาศความรับผิดชอบจากฝ่ายใด ว่าใครเป็นผู้ลงมือปฏิบัติการครั้งนี้ มีแต่การคาดเดาไปต่าง ๆ นานา ว่าเป็นขบวนการแบ่งแยกดินแดนมูจาฮีดีนปัตตานี เพราะเป็นวันที่ตรงกับวันสถาปนาของขบวนการนี้

ฝ่ายทหารและนักวิชาการเชื่อว่า ขบวนการมูจาฮีดีนปัตตานี วางระเบิดหาดใหญ่
ดร.ปณิธาน วัฒนายากร อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกมาระบุว่า การเกิดเหตุการณ์ระเบิดที่อำเภอหาดใหญ่จำนวน 6 จุด มีความเป็นไปได้ว่า เป็นกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดนมูจาฮีดีนปัตตานี เป็นผู้ดำเนินการ เพราะวันที่ 16 กันยายน เป็นวันสถาปนาขบวนการ ซึ่งการก่อเหตุฝ่ายความมั่นคง โดย พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ออกมาเตือนว่าจะมีเหตุร้ายขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง

พล.ท.องค์กร ทองประสม แม่ทัพภาค 4 และผู้อำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ กอ.สสส.จชต.กล่าวถึงเหตุระเบิดใน อ.หาดใหญ่ ว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเชื่อมโยงกับสถานการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขณะนี้ได้ประสานกับ ผบช.ภ.9 แล้ว และได้นำหลักฐานรวมทั้งวัตถุพยานในที่เกิดเหตุมาวิเคราะห์อีกครั้งว่า เชื่อมโยงกับสถานการณ์ทางภาคใต้อย่างไร ซึ่งจากการตรวจสอบทุกจุดพบว่าใช้วิธีการจุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ

ที่ผ่านมาการข่าวได้แจ้งเตือนตลอดว่า ระหว่างวันที่ 16-20 กันยายน 2549 เป็นวันครบรอบการสถาปนาขบวนการมูจาฮีดีนปัตตานี และวันสถาปนารัฐปัตตานี ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แจ้งเตือนภายใน เป็นประจำให้ระมัดระวัง และได้เตรียมการภายใน มีแผนระงับเหตุทุกพื้นที่ แต่ในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ เป็นพื้นที่ที่ฝ่ายปกครองและตำรวจดูแล ทหารเพียงสนับสนุนยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ตามที่ร้องขอมาเท่านั้น และการที่กลุ่มผู้ก่อเหตุไม่สงบลงมือพร้อมกันในหลายจุด ก็เพื่อแสดงศักยภาพว่าสามารถทำได้

สื่อต่างประเทศและนักวิชาการมุสลิมไม่เชื่อว่า กลุ่มก่อการร้ายเป็นกลุ่มลงมือ
ขณะที่นักวิชาการมุสลิมในพื้นที่ ออกมาบอกว่า การเกิดเหตุระเบิดในย่านธุรกิจการค้าที่อำเภอหาดใหญ่ ไม่เชื่อว่าจะเป็นฝีมือของขบวนการมูจาฮีดีนปัตตานี เพราะไม่มีการประกาศความรับผิดชอบ ว่าเป็นคนลงมือทำ มีแต่ฝ่ายรัฐ นักวิชาการ และสื่อมวลชนออกมาคาดการว่า เป็นฝีมือของขบวนการมูจาฮีดีนปัตตานี เพราะเห็นว่าวันที่ 16 กันยายน เป็นวันสถาปนา ซึ่งไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น

ดร.สุกรี หลังปูเต๊ะ คณบดีคณะศิลปศาสตร์ วิทยาลัยอิสลามยะลา มีความเห็นว่า หากทางการให้การยอมรับชาวไทยมุสลิมเท่าเทียมกับชาวไทยที่นับถือศาสนาอื่น การก่อเหตุไม่สงบจะอ่อนกำลังลงและอาจล้มหายไปในที่สุด ตนขอให้รัฐบาลตัดความวิตกกังวลเรื่องความมั่นคงออกไปแล้วหันไปศึกษาทบทวนประวัติศาสตร์เพื่อค้นหาสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา ไม่ควรมองแต่เพียงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นไม่เช่นนั้นความขัดแย้ง จะขยายวงกว้างจนอาจควบคุมไม่ได้

ในขณะที่ สำนักข่าวเอพี ก็ออกมาสอดรับข่าวนี้ว่า การลงมือปฏิบัติการระเบิดหาดใหญ่ จำนวน 6 จุด ต่างจากขบวนการก่อการร้ายในตะวันออกกลาง ที่จะออกมาบอกความรับผิดชอบ ผลการปฏิบัติ โดยจะมีการระบุชื่อของผู้ลงมือ เพื่อแสดงความรับผิดชอบ ต่อเหตุการณ์ ซึ่งมีความแตกต่างกันมาก และเชื่อว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นความขัดแย้งกันภายในประเทศ ที่อาจจะเป็นกลุ่มผลประโยชน์ และอาจจะไม่ใช่ขบวนการแบ่งแยกดินแดนก็เป็นได้

ขณะที่สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน ในบทวิเคราะห์เกี่ยวกับเหตุการณ์ไม่สงบทาง ภาคใต้ของไทยว่า มีหลักฐานน้อยมากที่จะบ่งชี้ว่า ปัญหาภาคใต้ของไทยเกี่ยวโยงกับกลุ่มอัล-เคดา หรือกลุ่มอื่น ๆ เนื่องจากรูปการ ก่อเหตุมีหลายอย่างที่แตกต่างกันไป โดยนายโจนาธาน ลีอองส์ ผู้สื่อข่าวสายความมั่นคงแห่งภูมิภาคเอเชียของรอยเตอร์ ระบุว่า อัล-เคดา มักใช้สื่อประชาสัมพันธ์แนวคิด และเป้าหมายอย่างชัดเจน แต่เป้าหมายของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในภาคใต้ของไทยยังคงไม่ชัดเจน อัล-เคดา อ้างอิงคำสอนในศาสนา แต่กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในไทยไม่เคยโจมตีเป้าหมายตะวันตก หรืออ้างอิงคำสอนของศาสนา และการเคลื่อนไหวในจังหวัดปัตตานีเป็นความพยายามรักษาความเป็นเอกลักษณ์ของชาวมุสลิม ต้องการใช้ภาษามลายูเป็นภาษาราชการ รวมทั้งปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาให้คำนึงถึงประเด็นความอ่อนไหวของชาวมุสลิม

ส่วน น.ส.ฟรานเซสกา ลอว์-เดวีส์ นักวิเคราะห์ของกลุ่มที่ปรึกษาวิกฤติการณ์ระหว่างประเทศ ให้ความเห็นว่า กลุ่มเจมาห์ อิสลามิยาห์ หรือเจไอ พยายามสร้างรัฐอิสลามในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และถูกขัดขวางทุกรูปแบบ ขณะที่กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบทางภาคใต้ของไทย ไม่ได้เคลื่อนไหวเพื่อยกระดับให้เป็นเรื่องสากล แต่อาจแยกออกนอกกรอบได้ในอนาคต ขณะที่นายดานา ดิลลอน นักวิเคราะห์ด้านนโยบายของมูลนิธิมรดกแห่งกรุงวอชิงตัน สหรัฐ กล่าวผ่านสำนักข่าวเอเอฟพีว่า เป้าหมายการโจมตีที่อยู่ในย่านธุรกิจซึ่งมีพลเรือนอยู่หนาแน่น ต่างจากการโจมตีที่ผ่านมา ซึ่งมีเป้าหมาย อยู่ที่ทหารหรือตำรวจ แสดงว่าพวกก่อความไม่สงบเป็นกลุ่มก่อการร้ายที่มุ่งจะเข่นฆ่าผู้คน ถือว่าเป็นอันตรายต่างจากเมื่อก่อน และยังโจมตีชาวต่างชาติด้วย แสดงว่าต้องการขยายการต่อสู้ให้เป็นวงกว้างออกไปอีก
สื่อนอกตีข่าวดังไปทั่วโลก เมื่อวันที่ 17 ก.ย 2549 สำนักข่าวเอพี เอเอฟพี รอยเตอร์ รายงานความคืบหน้าเหตุระเบิดที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา. อ้างคำกล่าวของ ดานา ดิลเลียน นักวิเคราะห์นโยบายจากมูลนิธิคลังสมอง "เฮริเทจ ฟาวเดชั่น" ในกรุงวอชิงตันที่กล่าวว่า การที่กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบได้หันมาโจมตีเป้าหมายทางเศรษฐกิจและพลเรือนนั้น ชี้ให้เห็นว่าผู้ก่อการร้าย ท้ายที่สุดแล้วก็ยังเป็นผู้ก่อการร้าย ที่จะไม่มุ่งเป้าโจมตีเฉพาะทหารกับตำรวจอีกต่อไป
ส่วน ฟรานเชสกา ลาวีเดวีส์ แห่งกลุ่มวิกฤตการณ์ ระหว่างประเทศ วิเคราะห์ว่า กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในไทย ไม่ปรากฏว่าต้องการทำให้เป็นปัญหาระหว่างประเทศ แต่ก็เตือนว่าลักษณะความขัดแย้งกำลังเปลี่ยนไป และในวันหนึ่งอาจละทิ้งข้อจำกัดแคบๆของตัวเองไปก็เป็นได้ รายงานยังระบุอีกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย ซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางไปที่สหรัฐฯเพื่อเข้าร่วมประชุมของสหประชาชาติหรือยูเอ็นได้สั่งการให้ ผบ.ทบ. และ ผบ.ตร.เดินทางลงไปดูแลที่เกิดเหตุแล้ว

ถามว่าจะเชื่อใคร
ทั้งสองฝ่ายคือ นักวิชาการนอกพื้นที่ ทหาร ตำรวจ มองว่าเหตุที่เกิดน่าจะเป็นฝีมือของขบวนการแบ่งแยกดินแดน กลุ่มมูจาฮีดีนปัตตานี ที่เลือกลงมือในวันสถาปนา เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ตัวเองโดยผ่านการประชาสัมพันธ์ โดยสื่อมวลชนของไทยที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือ อีกฝ่ายหนึ่งคือสื่อมวลชนต่างประเทศ นักวิเคราะห์ต่างประเทศ และนักวิชาการในพื้นที่ต่างเชื่อว่า เหตุระเบิดที่อำเภอหาดใหญ่ ไม่ใช่ขบวนการแบ่งแยกดินแดนมูจาฮีดีนปัตตานี เพราะโดยธรรมชาติของผู้ก่อการร้ายจะเปิดเผยตัวตน ว่าเป็นผู้ลงมือ เพื่อแสดงความรับผิดชอบ แต่นี่ไร้วี่แววของผู้ลงมือ

จากการสังเกตของผู้วิเคราะห์เอง มองว่า เหตุการณ์ระเบิดที่หาดใหญ่ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 21.30 น.หลังจากนั้นประมาณ 15 นาที ได้มีผู้รายงานข่าวที่อ้างว่าเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ได้รายงานทางโทรศัพท์ผ่านสถานีโทรทัศน์ไอทีวี ในช่วงข่าว ว่ามีการเกิดเหตุระเบิดขึ้นที่ อำหาดใหญ่ ซึ่งการรายงานมีขึ้นก่อนที่คุณติชิรา พุทธสาระพันธ์ ผู้สื่อข่าวของไอทีวี จะรายงานเสียอีก เป็นที่สังเกตว่า ผู้เห็นเหตุการณ์รู้เบอร์โทรศัพท์ของไอทีวีได้อย่างไร ถ้าไม่มีการเตรียมการมาก่อน ซึ่งเป็นที่น่าเชื่อได้ว่า ผู้ลงมือเลือกเวลาที่จะทำการประชาสัมพันธ์ผลงานในช่วงข่าวไอทีวี ที่มีผู้ชมมากที่สุด และเลือกที่จะรายงานเหตุการณ์ก่อนผู้สื่อข่าว ผู้ลงมือปฏิบัติการในครั้งนี้มีความเป็นไปได้ว่า ไม่น่าจะเป็นขบวนการแบ่งแยกดินแดน แต่มีความเป็นไปได้ว่า ก่อนหน้านี้หลายครั้งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมขบวนการค้ายาเสพติดเครือข่ายขนาดใหญ่ที่มีชาวมาเลเซียร่วมขบวนการ อาจจะมีความโกรธแค้นเจ้าหน้าที่ จึงสร้างความปั่นป่วนก็เป็นได้ แต่ทางการมองว่าการเกิดระเบิดครั้งนี้มีเศษชิ้นส่วนระเบิดแสวงเครื่องที่เหมือนกับการระเบิดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นฝีมือของขบวนการ แต่ก็ไม่จริงเสมอไป พวกขบวนการค้ายาเสพติดก็สามารถที่จะจ้างใครก็ได้ผลิตระเบิดให้เหมือนกับระเบิดที่ใช้ในพื้นที่ 3 จังหวัด แล้วสรุปว่าใครทำ ณ ตรงนี้สรุปไม่ได้ทั้งนั้นเพราะกล้องวงจรปิดในบริเวณที่เกิดก็ไม่มี จับมือใครดมไม่ได้ เพราะไม่มีหลักฐานที่เพียงพอ ส่วนสื่อที่ออกมาระบุว่า นายไฟซอล เป็นผู้ลงมือ ก็เชื่อไม่ได้เช่นกัน
นักท่องเที่ยว80%กลับทันที

นายสมชาติ พิมพ์ธนะพูนพร นายกสมาคมโรงแรมหาดใหญ่-สงขลา ให้ความเห็นว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวทันที ขณะเกิดเหตุมีนักท่องเที่ยวเข้าพักโรงแรมต่าง ๆ ประมาณร้อยละ 80 ของห้องพักทั้งหมด หลังเกิดเหตุนักท่องเที่ยวได้ทยอยเดินทางกลับกันตั้งแต่เช้าวันรุ่งขึ้น(17 ก.ย.49) เนื่องจากไม่มั่นใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในภาพรวมเชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 3 เดือน โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลกินเจ และฮารีรายอ ในช่วงปลายเดือนตุลาคม2549 นี้คาดว่าจะส่งผลให้สูญเสียเม็ดเงิน จากภาคการท่องเที่ยวหลายร้อยล้านบาท

นางพรศิริ มโนหาญ รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มีความเห็นว่า จากเหตุระเบิดที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างประเทศนั้น นับว่าสร้างความเสียหายและกระทบด้านการท่องเที่ยวมาก แต่ยังไม่สามารถประเมินเป็นตัวเลขได้ เนื่องจากหาดใหญ่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่มีนักท่องเที่ยวมาเลเซีย ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวตลาดหลักที่เดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทยมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ปีละกว่า 1.3 ล้านคน ขณะนี้จากการตรวจสอบข้อมูลล่าสุด นักท่องเที่ยวมาเลเซียทยอยเดินทางกลับกันหมดแล้ว

พ.ต.ท.(หญิง)อัสมา เส็นดากัน รองผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองสะเดา กองตรวจคนเข้าเมือง 3 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความเห็นว่า ทันทีที่เกิดเหตุการณ์ลอบวางระเบิดกลางเมืองหาดใหญ่ บรรดานักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย รีบเดินทางกลับประเทศในคืนวันเดียวกันทันที แต่ละคนพยายามมาถึงชายแดนให้ทันเวลาปิดด่านในเวลา 23.30 น. เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวที่เพิ่งเดินทางเข้ามาถึงด่านสะเดา ซึ่งส่วนใหญ่มากันเป็นครอบครัว ก็ตัดสินใจเดินทางกลับเช่นกัน เช่นเดียวกับช่วงเช้าวันที่ 17 กันยายน 2549 บรรดานักท่องเที่ยวมาเลเซียต่างเดินทางกลับกันเป็นจำนวนมาก

ตำรวจเร่งสืบสวน
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 17 กันยายน 2549 ที่ห้องประชุมชั้น 2 สำนักงานตำรวจภูธร ภาค 9 พล.ต.ต.ธานี ทวิชศรี รอง ผบช.ภ.9 หัวหน้าทีมสืบสวนสอบสวนเหตุลอบวางระเบิดถล่มเมืองหาดใหญ่ เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย พล.ต.ต.วีรยุทธ สิทธิมาลิก รอง ผบช.ภ.9 พล.ต.ต.ปัญญา เทียนศาสตร์ รอง ผบช.ภ.9 พล.ต.ต.ไพฑูรย์ พัฒนโสภณ ผบก.ภ.จ.สงขลา พ.ต.อ.วีรสิทธิ์ เพ็ชรคล้าย รอง ผบก. เจ้าหน้าที่วิทยาการเขต 41 สงขลา และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน เน้นการติดตามหาข่าว ติดตามคนร้าย รวมทั้งตรวจสอบด้วยว่าคนร้ายที่ก่อเหตุครั้งนี้ อาจเป็นกลุ่มเดียวกับนายไฟซอล หะยีสะมาแอ มือระเบิดที่เคยก่อเหตุวางระเบิด 3 จุดในพื้นที่ จ.สงขลา เมื่อเดือนเมษายนปีก่อนหรือไม่
หลังการประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง พล.ต.ต.ธานี ทวิชศรี รอง ผบก.ภ.9 ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า คนร้ายลอบวางระเบิด ไว้รวม 6 จุด บางจุดเป็นเพียงต้องการก่อกวน เช่น ที่ห้าง บิ๊กซี แต่จุดที่มุ่งเป้าประสงค์ต่อชีวิตและทรัพย์สิน คือ บริเวณในศูนย์การค้าโอเดียน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 72 คน ผู้บาดเจ็บบางส่วนก็กลับบ้าน ได้แล้ว ที่เหลือบางส่วนก็รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลไม่มากนัก ระเบิดที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นระเบิดแบบแสวงเครื่อง ใช้ดินระเบิดแรงขับต่ำ จุดชนวนโดยการตั้งเวลา ด้วยนาฬิกา ดิจิตอลแล้วนำไปซุกไว้ในตัวถังรถจักรยานยนต์ 3 คัน ขณะนี้ได้ประสานไปยังห้างต่างๆเพื่อขอภาพวีดิโอวงจรปิด มาประกอบเพิ่มเติม เนื่องจากภาพวงจรปิดที่ได้มาจากเทศบาลนครหาดใหญ่มีคุณภาพต่ำ มั่นใจว่าหากได้หลักฐานจากกล้องวงจรปิดที่ชัดเจน จะนำไปสู่การจับกุมคนร้ายได้

นาทีวิกฤต
นายปราโมทย์ กวานสุวรรณ อายุ 28 ปี พนักงานร้านนิวเชอรี่ นวดแผนโบราณ เล่านาทีชีวิตว่า ขณะทำงานอยู่ในร้านได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น 2 ครั้งหน้าร้านบราวน์ ซูก้า จึงวิ่งออกมาดูเหตุการณ์พร้อมกับแม่คือนางจิราภรณ์ กวานสุวรรณ อายุ 50 ปี และหมอนวดอีกหลายคน ปรากฏว่าขณะที่ยืนดูอยู่หน้าร้านห่างจากจุดเกิดเหตุระเบิดราว 200 เมตร จู่ๆก็เกิดระเบิดลูกที่ 3 ดังขึ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว โดยทิ้งระยะห่างจาก 2 ลูกแรกราว 1 นาที ระเบิดเกิดจากรถ จยย.คันหนึ่งที่จอดอยู่ใกล้ร้านนิวเชอรี่ ทำให้ตนถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่ขาซ้ายเป็นแผลฉกรรจ์ ส่วนแม่และบรรดาหมอนวดถูกระเบิดล้มระเนระนาดจมกองเลือดต่อหน้าต่อตา จึงรีบวิ่งไปดูแม่ที่โดนสะเก็ดระเบิดเข้าที่คอเลือดพุ่งกระฉูด ตนรีบถอดเสื้อไปปิดบาดแผลและตกใจทำอะไรไม่ถูกอีกเลย ขณะนั้นเห็น น.ส.จรณินทร์ หมอนวด ในร้านนอนตายคาที่แล้ว
นางสาวดารุณี ศรีนวล อายุ 20 ปี พนักงานเสิร์ฟร้านดีฟ วัลเดอร์ อยู่ริมถนนธรรมนูญวิถี ซึ่งถูกสะเก็ดระเบิดได้รับบาดเจ็บที่บริเวณศีรษะแตก และยังนอนพักรักษาตัวที่ รพ.หาดใหญ่ ห้อง 544 เล่าเหตุการณ์นาทีระเบิดว่า ขณะเกิดเหตุนั่งรอลูกค้าอยู่หน้าร้านกับเพื่อนๆพนักงานเสิร์ฟด้วยกัน และขณะนั่งคุยกันอยู่นั้นได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นตูม 1 ครั้ง ควันฟุ้งขาวไปหมด สะเก็ดระเบิดมาถูกศีรษะอย่างแรงจนแตกเลือดอาบ พร้อมกับเห็นเพื่อนๆที่นั่งคุยด้วยกันถูกสะเก็ดล้มจมกองเลือดไปต่อหน้าต่อตาอีก 2 คน จากนั้นตนก็ได้ยินระเบิดดังขึ้นมาอีก 2 ลูกจนตกใจมากทำอะไรไม่ถูกได้ยินเสียงหวีดร้องขอความช่วยเหลือระงมไปทั่วบริเวณ จากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่มาช่วยนำร่างตนและเพื่อนส่ง รพ.หาดใหญ่ แพทย์ช่วยเหลือจนอาการปลอดภัยพ้นขีดอันตรายดังกล่าว ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่น่ากลัวมากไม่ เคยเจอมาก่อนเลย หากหายแล้วก็ยังไม่แน่ใจจะกลับไปทำงานที่เดิมอีกหรือไม่

ทรงเสด็จหาดใหญ่
เมื่อเวลา 18.05 น.วันที่ 17 ก.ย.49 สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ไปยัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อทอดพระเนตรสถานที่เกิดเหตุลอบวางระเบิดในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ บริเวณห้างสรรพสินค้าโอเดียน ถนนธรรมนูญวิถี พร้อมกับทรงเยี่ยมราษฎรและผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน(16ก.ย.49)ที่ผ่านมา ซึ่งพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ โดยเสด็จในการนี้ด้วย เมื่อทั้งสองพระองค์เสด็จฯมาถึงจุดเกิดเหตุระเบิดจุดแรกบริเวณหน้าห้างโอเดียน ทอดพระเนตรสถานที่เกิดเหตุด้วยความสนพระทัย ตรัสถึงรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องที่เฝ้าฯถวายรายงานเป็นระยะ จากนั้นเสด็จ ฯ ไปทอดพระเนตรจุดเกิดเหตุจุดที่ 2 ที่ด้านข้างห้างโอเดียน และจุดที่ 3 ที่หน้าร้านบราวน์ ซูก้า และร้านนิวเชอรี่
ทรงให้กำลังใจชาวหาดใหญ่ ระหว่างที่ทั้งสองพระองค์เสด็จฯทอดพระเนตรสถานที่เกิดเหตุและทรงเยี่ยมให้กำลังใจแก่ประชาชน รวมทั้งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาเฝ้ารับเสด็จ ได้มีพระปฏิสันถารกับภรรยาของนายธวัช เลาหตานนท์ ที่เสียชีวิตจากเหตุระเบิด โดยตรัสว่า "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงห่วงใยในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะนำรายละเอียดทั้งหลายนี้ไปถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทั้งสองพระองค์ทรงเป็นห่วงพวกเรามาก และทรงเสียใจที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นมา มันเป็นแผนของฝ่ายตรงกันข้ามที่เขาอยากให้พวกเราตกใจกลัว เมื่อเกิดการสูญเสีย เราต้องทำให้ดีที่สุด เราต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา ระวังตัว ทั้งสองพระองค์จะทรงหาวิธีช่วยเหลือ ขณะนี้ท่านยังรักษาพระเนตร ไม่เช่นนั้นท่านจะเสด็จฯมาด้วยพระองค์เองแล้ว ถ้าหากท่านแข็งแรงอยู่ ทุกคนต้องมีกำลังใจ หากทุกคนไม่มีกำลังใจก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ร้ายกาจ น่าตกใจมาก แต่ เราต้องเข้มแข็งไว้ก่อนในตอนนี้ ผู้ใหญ่เขาก็ช่วยดูแล สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถท่านสั่งมาให้มาช่วยดูแล ขอให้มีกำลังใจ และเป็นหูเป็นตา"


เสด็จเยี่ยมอาการคนเจ็บ จากนั้นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงมีพระปฏิสันถารกับเพื่อนของนาย เจสซี ลี แดเนียล ครูสอนภาษาชาวแคนาดา ที่เสียชีวิตในที่เกิดเหตุเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจด้วย ทั้งสองพระองค์เสด็จฯต่อไปยัง รพ.ราษฎร์ยินดี ทรงเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บที่ถูกนำตัวไปรักษาที่ รพ.แห่งนี้ โดยพระราชทานถุงของขวัญและมีพระราชปฏิสันถารเพื่อพระราชทานขวัญและกำลังใจ โดยทรงกล่าวกับผู้ป่วยว่า "รักษาตัวให้ดีๆ" สำหรับโรงพยาบาลแห่งนี้เป็น 1 ในโรงพยาบาลที่มีผู้บาดเจ็บถูกส่งมารักษาตัวจำนวน 25 ราย ส่วนใหญ่เป็นแผลช้ำ แผลฉีกขาด และโดนสะเก็ดระเบิด บางรายสามารถกลับบ้านได้แล้ว ขณะนี้เหลือผู้พักรักษาตัวอยู่ 13 ราย เป็นคนไข้หนักที่อยู่ห้องไอซียู 3 ราย ส่วนอีก 10 รายมีแผลฉีกขาด กระดูกหัก และแผลถลอก จากนั้นเสด็จฯไปยัง รพ.สงขลานครินทร์ ตามลำดับ ทรงเยี่ยมอาการผู้บาดเจ็บที่พักรักษาตัวอยู่

ตรัสชมแพทย์-พยาบาล
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พร้อมพระวรชายา เสด็จเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บที่เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (ม.อ.) โดยทรงเยี่ยมอาการผู้บาดเจ็บทุกเตียง และตรัสกับคนเจ็บว่า "ให้มั่นใจว่าทุกคนจะหาย เพราะโรงพยาบาลสงขลานครินทร์เป็นโรงพยาบาลที่ดี มีคุณภาพ คณะแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ดีมาก ทุกคนทำงานเสียสละอย่างเต็มที่ สิ่งสำคัญคือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นห่วงทุกคน" พร้อมกันนี้ทรงมอบถุงของขวัญพระราชทานแก่ผู้ป่วยทุกคน สร้างความปลาบปลื้มแก่ผู้ป่วยและบุคลากรของโรงพยาบาลเป็นอย่างยิ่ง ในส่วนของผู้บาดเจ็บที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลแห่งอื่นๆ ได้รับสั่งให้ผู้แทนพระองค์นำถุงยังชีพและถุงของขวัญพระราชทานไปมอบให้อย่างทั่วถึงเช่นกัน
พระราชทานเงินช่วยเหลือ รศ.นพ.สุเมธ พีรวุฒิ ผอ.รพ.สงขลานครินทร์ กล่าวว่า ในขณะที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และพระวรชายา เสด็จฯมายังโรงพยาบาลนั้น ก่อนจะเสด็จฯกลับ ทรงมอบเงินให้กับทางโรงพยาบาลจำนวน 250,000 บาท พร้อมตรัสชมเชยคณะแพทย์และบุคลากรของโรงพยาบาลว่า โรงพยาบาลแห่งนี้ดีมีคุณภาพ แพทย์ทุกคนเก่ง ทำงานด้วยความเสียสละ และตรัสว่าพระองค์ทรงเป็นโรคภูมิแพ้อยู่ประจำ หากพระองค์เสด็จฯแปรพระราชฐานมาประทับที่พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ แล้วทรงมีพระอาการภูมิแพ้ จะให้ตนไปถวายการรักษา หรือหากทรงมีพระอาการภูมิแพ้ที่จังหวัดอื่น ก็จะติดต่อให้ไปรักษาเช่นกัน ทำให้คณะแพทย์และบุคลากรของโรงพยาบาลทุกคนมีความปลื้มปิติในพระกรุณาธิคุณ และพร้อมจะทำงานถวายพระองค์ท่านอย่างดีที่สุด

รายชื่อเหยื่อระเบิด
ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า และศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจภาค 9 ได้สรุปสถานการณ์ลอบวางระเบิดในอำเภอหาดใหญ่ว่า มีทั้งสิ้น 6 จุด ประกอบด้วย ศูนย์การค้าบิ๊กซี ถนนลพบุรีราเมศวร์ ตำบลคลองแห อำเภอหาดใหญ่ 1 จุด, ศูนย์การค้าโอเดียน 2 จุด, 3. ศูนย์การค้าไดอาน่า 1 จุด, ศูนย์การค้าลีการ์เดนท์พลาซ่า 1 จุด หน้าร้านนิวเชอร์รี่ นวดแผนโบราณ 1 จุด

สำหรับรายชื่อผู้ได้รับบาดเจ็บ ที่ รพ.หาดใหญ่ มี น.ส.ณัฎฎาภรณ์ แสงทรัพย์ นางแสงจันทร์ วรรณะ นางธิราวรรณ วิญญสิงขร น.ส.สุชาดา ศรีโร น.ส.หาลิมะ บันตะหลี นางจิราภรณ์ กวานสุวรรณ น.ส.นุชนารถ ถิรเชวง น.ส.วิลาวัลย์ บิลหัด น.ส.ดารุณี ศรีนวล น.ส.อภิญญา อุ้ยยะพันธ์ น.ส.อรชร จันทมุณี น.ส.กิตติวรรณ โรจนวานิชกิจ นางสุดารัตน์ แซ่โค้ว มร.โนเบิร์ต อีนามูเคิล เดอมานูเกิล,
รพ.สงขลานครินทร์ มีนางธัญญลักษณ์ ภักดี น.ส.เพ็ญพร ไชยหมาน มร.ชงหมง เกียน น.ส.รัตติกาล พลายแก้ว มร.ลก มุน หลุง น.ส.สร้อยทอง แซ่พ่าน มิสลอค ดุย หลาน ชาวมาเลเซีย นายภาณุพันธ์ คล้ายสังข์ นายเสริมวุฒิ จันทรังษี นางธัมพร พัฒนชนม์ น.ส.วนิดา กิตติรัตนสมบัติ นางนก อินทร์แก้ว มร.โจเซฟ เวนเดอลิน นายหวู่ตอลู่ นายจรรยา พิมมะโน นางกีรติ คงทอง มร.รามา ชานาน ชาวอินเดีย นางเชย วัฒน์กาญจน์ น.ส.นารีรัตน์ เนตรทรายทอง มร.นังคุนวี ชาวสิงคโปร์ นางพรหม วงศ์ใหญ่ น.ส.ชวาลา สินจ้าง นายอาลมะ แสนมี นายสักการียา เหมมัน น.ส.เกตุกนก หัสตานนท์

รพ.ราษฎร์ยินดี มี น.ส.ฐานิตา สระทองเคน น.ส.เกสร นวลวิลัย นายโศภณ แก้วกัลยา นายเจษฎาพงษ์ จินดานุ น.ส.อะซามะ แซ่มี นางลีเกียว แซ่ลิม น.ส.จันทร์ศรี เหล่าภิเดช ด.ช.สหัสชัย แซ่เอี้ยว นายปราโมทย์ กวานสุวรรณ Mr.Rovando Jcsus Corpincabo น.ส.สมพร พิมพาศรี นายธนกิจ สิงหเสนีย์ น.ส.ศศิภา อิทธิพลานุคุปต์ นางพยอม เบาบุตร Mr.Gavin Broad Mr.Thomas Biddle นางวิไล จองโชติศิริกุล น.ส.หทัยรัตน์ ลิมวิวัฒนา นายชานนท์ หวานนวล นายสุจินต์ เบาบุตร นายพีรพัฒน์ เขมะภาตะพันธ์ นายสุขธชัย มะสะอะ, รพ.ศศรินทร์ มี Mr.Chong Ka Chvn ชาวมาเลเซีย Ms.Sycoh Soo Wai ชาวมาเลเซีย Mr.Tony Kung Boosan ชาวมาเลเซีย น.ส.รัชนีวรรณ ศรีโอภาส, รพ.มิตรภาพสามัคคี มี น.ส.หัทยา นิลพุฒซา, รพ.กรุงเทพหาดใหญ่ มี น.ส.อูมี ลองคลาย

ผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต5ศพ
ส่วนผู้เสียชีวิตมี 5 ราย ซึ่งเสียชีวิตในที่เกิดเหตุบริเวณหน้าร้านบราวน์ ซูก้า และร้านมังกี้ผับ ใกล้ห้างโอเดียน ประกอบด้วย นายเจสซี ลี แดเนียล อายุ 29 ปี ชาวแคนาดา ทำงานเป็นครูสอนภาษาที่ รร.พลวิทยาอ.หาดใหญ่ ถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่เบ้าตาซ้ายจนดวงตาหลุดทะลักออกมา และสมองได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง น.ส.จรณินทร์ สีพรหม อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 262 หมู่ 3 ต.สันกลาง อ.พาน จ.เชียงราย ทำงานเป็นหมอนวดแผนโบราณร้านนิวเชอรี่ ถูกสะเก็ดระเบิดตัดขั้วหัวใจ น.ส.นุชาภา เสหนีย์ อายุ 40 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดตามลำตัวพรุนทั้งร่าง และนายธวัช เลาหตานนท์ อายุ 50 ปี อาชีพขี่รถ จยย.รับจ้าง ถูกสะเก็ดระเบิดที่ศีรษะและตามร่างกายหลายแห่ง ญาติรับศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดคลองเรียน อ.หาดใหญ่

บทสรุป
เหตุระเบิดในย่านธุรกิจของอำเภอหาดใหญ่ เมื่อค่ำวันที่ 16 ก.ย.49 เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 5 คน 1 ในจำนวนนี้เป็นชาวแคนาดา ที่เป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่โรงเรียนพล และยังมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บอีก 72 คน ส่งผลให้เศรษฐกิจในหาดใหญ่ทรุดลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียกลับประเทศในทันที โดยผ่านด่านสะเดาที่อยู่ห่างจากอำเภอหาดใหญ่ประมาณ 40 กิโลเมตร แต่ขวัญกำลังใจก็กลับมา เมื่อสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร พร้อมด้วยพระเจ้า วรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ เสด็จหาดใหญ่ในค่ำวันรุ่งขึ้น สร้างความปลาบปลื้ม ปิติยินดีของชาวหาดใหญ่ทุกคน ส่วนการตามตัวหาคนร้ายเป็นไปด้วยความยากลำบาก และยังมืดมนว่าใครเป็นคนลงมือ



* * * * * * * * * * * * * * *

                    1
คลิ๊กนี้มีความหมาย

ณรงค์ ชื่นนิรันดร์ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จ.ภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต 83000 : Webmaster by Narong Cheunniran : อีเมล์ :narongthai53@gmail.com