เผาวัดพรหมประสิทธิ์
16 ตุลาคม 2548

เวลา 01.00 น. วันที่ 16 ต.ค.48 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี รับแจ้งเหตุจากชาวบ้านมีคนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบวางเพลิงกุฏิและโบสถ์ภายในวัดพรหมประสิทธิ์ ม.2 บ้านเกาะ ต.บ้านนอก เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุและจากการเคลียร์พื้นที่อย่างละเอียดเจ้าหน้าที่พบศพลูกวัดเสียชีวิต 2 ราย อยู่ในสภาพไหม้เกรียมเป็นตอตะโกในกุฏิไม้ยกพื้นสูงซึ่งถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหลัง

ทราบชื่อภายหลังคือ นายหารณรงค์ คำอ่อง อายุ 17 ปี เป็นคน ม.1 ต.บ้านนอก อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี และ นายสถาพร สุวรรณรัตน์อายุ 15 ปีอยู่บ้านเลขที่ 36 ม. 2 ต.บ้านนอก อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี นอกจากนี้ยังพบรถจักรยานยนต์ 2 คัน ซึ่งจอดอยู่ใต้ถุนกุฏิถูกไฟไหม้ได้รับความเสียหายทั้งหมด

ห่างกันเพียง 60 เมตร ภายในกุฏิแถว 4 ห้องติดกันซึ่งถูกไฟไหม้เสียหายบางส่วน เจ้าหน้าที่พบศพพระสงฆ์ 1 รูป มรณภาพ สภาพมีร่องรอยถูกไฟไหม้บริเวณลำตัวบางส่วน บริเวณศีรษะและลำคอถูกตีด้วยของแข็งและฟันด้วยของมีคมรวม 3 แผล ทราบชื่อต่อมาคือ พระพิสุทธิ์แก้ว ปัญจเพชร อายุ 80 ปี ชื่อเดิมคือ นายปัญจะ เพชรแก้ว เป็นคน ต.บ้านดอน อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี

นอกจากนี้คนร้ายยังได้เข้าไปทำลายข้าวของและรูปปั้นต่างๆ ภายในโบสถ์ซึ่งอยู่ตรงประตูทางเข้า-ออกของวัดได้รับความเสียหายทั้งหมด

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุชาวบ้านในบริเวณใกล้เคียงได้ยิงเสียงปืนดังขึ้นภายในวัด จึงออกมาดูและพบว่าเพลิงกำลังลุกไหม้กุฏิและวิหารอย่างหนัก จึงระดมชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงช่วยกันดับไฟ แต่ก็ไม่สามารถดับไฟได้เนื่องจากไฟได้ลุกไหม้เป็นบริเวณกว้างประกอบกับอาคารเป็นเนื้อไม้ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี อีกทั้งพื้นที่อยู่ห่างไกลจากเขตเทศบาลทำให้รถดับเพลิงไม่สามารถเข้ามาทำการสกัดไฟได้ทัน

เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าคนร้ายที่ก่อเหตุครั้งนี้มีจำนวนไม่ต่ำกว่า 7 คน และใช้โอกาสขณะที่พระสงฆ์และพระลูกวัดกำลังนอนหลับเข้าไปทำร้ายจนเสียชีวิตและราดน้ำมันจุดไฟเผาทั่วบริเวณกุฏิก่อนที่จะใช้อาวุธปืนกราดยิงซ้ำอีกครั้ง ส่วนศพของพระสงฆ์และพระลูกวัดทั้ง 3 รูป ถูกนำส่งไปชันสูตรที่โรงพยาบาลปะนาเระแล้วหลังจากที่เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวนได้ใช้มีดสปาต้าฟันศีรษะของหลวงแก้ว อายุ 70 ปี พระภิกษุสงฆ์ที่ประจำอยู่วัดพรหมประสิทธิ์หมู่ 2 ต.บ้านนอก อ.ปานาเระ จ.ปัตตานี มรณภาพ และได้ลอบวางเพลิงกุฏิภายในวัดพรหมประสิทธิ์ เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา จำนวน 2 หลังนั้น ตลอดทั้งคืนเจ้าหน้าที่ก็ได้มีการสนธิกำลังระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร อาสาสมัครและชรบ.ในพื้นที่กว่า 200 นาย ร่วมติดตามค้นหาตัวคนร้ายในพื้นที่ หมู่ 2 ต.บ้านนอก ที่มีลักษณะเป็นป่ายางและทุ่งหญ้า จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่พบผู้ต้องสงสัยแต่อย่างใด แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่เชื่อว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้น่าจะเป็นการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ ทั้งคนร้ายน่าจะยังหลบซ่อนในพื้นที่ด้วย โดยในช่วงเช้าของวันนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการปิดล้อมพื้นที่หมู่ 2 ต.บ้านนอก อ.ปานาเระ จ.ปัตตานี เพื่อทำการหาตัวคนร้ายอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งจะเข้าตรวจค้นบ้านผู้ต้องสงสัยที่อยู่ในพื้นที่ อ.ปานาเระ จ.ปัตตานีอีกด้วย

ส่วนศพของหลวงแก้วได้ตั้งบำเพ็ญกุศลตามหลักศาสนาอยู่ที่วัดพรหมประสิทธิ์ หมู่ 2 ต.บ้านนอก อ.ปานาเระ ที่เป็นที่เกิดเหตุเมื่อคืนนี้ เพื่อรอญาติโยมมาร่วมพิธีดังกล่าว นอกจากนี้ ภายในกุฏิที่ถูกเผาวอดทั้ง 2 หลัง ยังพบศพของนายหาญณรงค์ คำอ่อน อายุ 15 ป ีและนายสมพร สุวรรณรัตน์ อายุ 17 ปี ซึ่งเป็นเด็กวัดที่นอนภายในกุฏิดังกล่าว โดยศพมีสภาพไหม้เกรียม และคาดว่าน่าจะถูกยิงก่อนจะถูกเผา เนื่องจากเจ้าหน้าที่พบกระสุนปืนจำนวน 3 ปลอก ในที่เกิดเหตุด้วย

เหตุร้ายรายวันอีกราย เกิดเมื่อวันที่ 15 ต.ค.48 เวลา 23.30 น. ศูนย์วิทยุ 191สภ.อ.บันนังสตา อ.เมือง จ.ยะลา ได้รับแจ้งว่ามีผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บที่หน้าบ้านเลขที่130 หมู่ 3 ต.ตาเนาะปูเต๊ะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา มีพลเมืองดีนำส่งโรงพยาบาลบันนังสตา จ.ยะลา จึงได้แจ้งร.ตท.อนันต์ ฤทธิธรรม ร้อยเวร สภ.อ.บันนังสตาพร้อม พ.ต.ท.นิยม รื่นเริง รอง ผกก.สภ.อ.บันนังสตา นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที

เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุที่หน้าบ้านดังกล่าวเจ้าหน้าที่พบรอยเลือดที่บริเวณข้างประตูรถยนต์ทราบว่าผู้ได้รับบาดเจ็บนำตัวส่งโรงพยาบาลบันนังสตาคือนายมะหะมะ ยูเร๊ะ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 130หมู่ 3 ต.ตาเนาะปูเต๊ะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 11 มม. เข้าที่ลำตัวจำนวนหลายนัดเสียชีวิตที่โรงพยาบาล ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนขนาด 11มม.ตกอยู่จำนวนหนึ่ง จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานจากการสอบสวนทราบว่าในขณะที่นายมะหะมะซึ่งเป็นชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านหมู่3ต.ตาเนาะปูเต๊ะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา กำลังเปิดประตูรถยนต์ส่วนตัวเพื่อเดินทางไปรักษาความปลอดภัยที่โรงเรียนบ้านรานอ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนขี่รถจักรยานยนต์มาจอดแล้วใช้อาวุธปืนยิงใส่จำนวนหลายนัดจนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต

จากนั้นคนร้ายก็อาศัยความมืดหลบหนีไป เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าน่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มแนวร่วมในพื้นที่ที่ต้องการสร้างสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังกลับจากการเยือนต่างประเทศครั้งนี้จะเดินหน้าแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างเต็มที่ และได้หารือกับ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ยุติธรรม ถึงแนวทางการแก้ไขปัญหา ซึ่งหากมีเวลาพอจะลงไปในพื้นที่อีกครั้งเพื่อรับฟังปัญหา

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังยืนยันข่าวที่ระบุว่า ประเทศมาเลเซียมีความเป็นห่วงสถานการณ์ในภาคใต้ของไทย เป็นการนำเสนอข่าวบิดเบือนข้อเท็จจริงให้เกิดสีสัน ดังนั้นอยากให้สื่อช่วยนำเสนอข่าวให้ตรงกับความจริงด้วย