นักรบแห่งดินแดนทะเลใต้
19 กันยายน 2548

หน่วยการข่าวทหาร ระบุว่า ขบวนการก่อความไม่สงบใน 3จังหวัดภาคใต้ของไทย เป็นส่วนหนึ่งของขบวนการที่เรียกตัวเองว่า "SWV" South Warriors of Valaya หรือ กลุ่มนักรบแห่งดินแดนทะเลใต้ ที่มีเครือข่าย และเคลื่อนไหว อยู่ในมาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ อัฟกานิสถาน และภาคใต้ของไทย โดยมีแกนนำกลุ่ม เป็นชาวอินโดนีเซีย ที่ส่วนใหญ่เป็น "บาบอ" ครูใหญ่ของ รร.ปอเนาะ และครูสอนศาสนา (uztaz)ซึ่งมีเป้าหมาย ที่การสร้าง "สหพันธ์มลายู" หรือ รัฐอิสลามในหลายประเทศในภูมิภาคนี้

"เอส ซาวี" คือการเรียกขานกลุ่มของตัวเอง เป็นภาษา "รูมี" ของกลุ่ม SWV ที่มี นาย มูเด ชาวอินโดนีเซีย เป็น ประธาน และ นาย สะแปอิง บาซอ ครูใหญ่ (บาบอ) รร.ธรรมวิทยามูลนิธิ จ.ยะลา ที่หลบหนีหมายจับอยู่เป็นรองประธาน

โดยจะเรียก Malaya ว่า Valaya และมีความพยายามจัดตั้งเป็นองค์กร โดยมีโครงสร้างในการบริหาร ที่เรียกว่า "สภา อูลามา" Ulama ที่มีคณะกรรมการ Ulama ในการบริหาร
โดย ขบวนการ SWV นี้ มีคอนเนคชั่นกับ ขบวนการ BRN ด้วย โดยหวังการแบ่งแยกดินแดน "รัฐปัตตานี"ออกไปจากประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมเป็นสหพันธ์มลายาหรือมลายู

"กลุ่มนี้ มี บาบอ (ครูใหญ่) ของ 50 โรงเรียนปอเนาะ ใน 3 จังหวัดภาคใต้ของไทย ร่วมเป็นสมาชิก และมีครูสอนศาสนารร.ปอเนาะร่วมขบวนการ"หน่วยการข่าวทหารระบุ

หน่วยการข่าว กล่าวว่า ทุกหน่วยในภาคใต้ ได้รับการคำสั่งให้ alert เนื่องจาก คาดการณ์ว่าจะมีการก่อเหตุครั้งใหญ่ ของขบวนการ ในช่วงปลายเดือน กันยายน-ต้นเดือน ตุลาคม 2548 ก่อนที่จะเริ่มต้น ฤดูกาล ถือศีลอด หรือ เดือนรอมฎอน ของ ชาวมุสลิม โดยจะมีการนำ เรื่อง 131 คนไทยที่ อพยพไปมาเลเซียมาเป็นประเด็นในการปลุกระดม ชาวบ้านในพื้นที่ และสร้างเงื่อนไข "ที่สำคัญ เป็นช่วงการสับเปลี่ยนกำลังทหาร ในช่วงปฏิบัติงานครบ 1 ปี ก็จะหมุนเวียนกลับหน่วยปกติ แล้วให้หน่วยใหม่ จาก ภาคกลาง ภาคอีสาน มาทำงานแทน อีกด้วย" พลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน ผช.ผบ.ทบ. และว่าที่ ผบ.ทบ.มุสลิม หลัง 1 ต.ค. 48 นี้ กล่าวว่า จะไม่มีช่องว่างในการสับเปลี่ยนกำลังทหาร ใน 3 จังหวัดภาคใต้ ในปลายเดือน ก.ย.48 นี้ เนื่องจาก ได้มีการให้หน่วยใหม่ มาเตรียมรับมอบงานต่อ ก่อนหน้านี้แล้ว ที่สำคัญ ได้ให้ ทหารที่มาจากภาคกลางและภาคอีสาน ที่จะลงมาภาคใต้ ได้ศึกษาเรื่องวิถีชีวิต ประเพณีของวัฒนธรรมของชาวมุสลิม ล่วงหน้าเป็นเวลา 2 เดือนแล้ว จะได้เข้าใจและทำงานให้ถูกต้อง และให้คิดเสมอว่า ชาวมุสลิมทุกคนก็เป็นคนไทย พลเอก สนธิ กล่าวว่า เมื่อรับตำแหน่ง ผบ.ทบ. แล้ว จะต้องเน้นการแก้ปัญหาเรื่องภาคใต้ เป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุด และทำอย่างเต็มที่ เพื่อให้คลี่คลายโดยเร็ว และคาดว่าจะได้รับความร่วมมืออย่างดีจากชาวมุสลิม ในฐานะที่เป็นมุสลิมเหมือนกัน

ขณะเดียวกัน นายทหารที่ทำงานการข่าวในภาคใต้ ยศพันเอก คนหนึ่ง ที่ใช้ชื่อนามแฝงว่า "ราม รัฐธำรง" ได้เขียนหนังสือ แฉปัญหาความรุนแรงในภาคใต้ ชื่อ "ข้าฯจะรักษามรดกของพระองค์ท่าน ไว้ด้วยชีวิต" ที่จะออกวางตลาดใน เดือนตุลาคม2548 นี้ โดยได้รวบรวมประสบการณ์ในการทำงาน ตั้งแต่เหตุการณ์ปล้นปืนกองพันพัฒนาที่ 4 อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ตั้งแต่ 4 ม.ค. 2547 เรื่อยมา โดยเขียนสะท้อนปัญหา ทั้งในแง่ปัญหาของฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐ ทหาร-ตำรวจ และตชด. เอง

และการเปิดเผยเครือข่าย ขบวนการโยงใย ของขบวนการก่อความไม่สงบ วิธีการทำงาน และประสบการณ์ในพื้นที่จริง "ผมเปิดเผยชื่อจริง ในการเขียนไม่ได้ เพราะผมยังเป็นทหาร จะมีแรงกดดันมาก และอาจส่งผลกระทบต่อ เจ้าหน้าที่รัฐบางคนบางฝ่าย จึงใช้ นามแฝง เพื่อที่จะสะท้อนปัญหาให้ประชาชนรับรู้ในทุกแง่มุม"รามรัฐธำรงกล่าว