ชีวิตนักข่าว ตอน...แม่...ผมอยากถ่ายรูป โดยณรงค์ ชื่นนิรันดร์ ผู้สื่อข่าว 8 ว. ส่วนข่าวและรายการภูมิภาค สปข.6 สงขลา 28 ก.ค.2550
ผม มีแววการเป็นนักข่าวมานานแล้ว จำความได้ว่าเวลาจะอาบน้ำ ผมต้องมายืนอยู่หน้าเตาไฟ ส่วนใหญ่จะพูดอยู่คนเดียว เรื่องราวที่พูดก็จะวนเวียน กับโฆษณาขายยา บางครั้ง ก็จะพูดรถแห่ หรือรถโปรขายยา(ภาษาอีสาน) หรือที่เรียกเป็นภาษาไทยกลางว่า รถโฆษณาขายยานั่นเอง เชิญชวนชาวบ้านออกไปดูหนัง ที่จะมีขึ้นเย็น " สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้อง คืนนี้.......นี้..นี้ (ทำเสียงเอ๊กโค่) ที่บริเวณตลาดสดสี่แยก บริษัท บีเอลฮั้ว จำกัด ผู้จำหน่าย ยากาไก่ ซิ..มาสายหนังให่พ่อแม่้พี่น้องซาวสี่แยกสมเด็จได้เบิ่งกัน อย่าลืมบอกต่อ ๆ กันไปเด้อครับ ห้างขายยากาไก่ เป็นยาแก้เด็กน้อยพุงโลก้นปอด เป็นยาสำหรับเด็กน้อย " ผมจะยืนพูดเป็นภาษาอีสาน ทุกครั้งก่อนที่จะเข้าห้องน้ำ เพราะจากห้องครัวก็เป็นห้องน้ำ หรือบางครั้งจนแม่มาบอก ให้อาบน้ำโน่นแหล่ะ ผมจึงจะเข้าห้องน้ำ บางที่ขนาดเข้าห้องน้ำแล้ว ก็ยังยืนพูด จนมีความรู้สึกว่า น้ำเริ่มร้อนจึงจะอาบน้ำ เพราะน้ำในโอ่งมังกรจากราชบุรี มันเย็นอย่าบอกใครเชียว
นั่นเป็นเพียงช่วงชีวิตหนึ่งของผม ตอนนั้น อายุก็ราว ๆ 12-13 ปี ที่อยากรู้อยากเห็น และอยากจะมีอาชีพเป็นนักโฆษณา ก็จำ ๆ จากรถฉายหนังกางแปลง มาฝึกพูด แต่ก็ไม่คิดว่า จะมาทำงานเป็นผู้สื่อข่าว ณ วันนี้ เพราะคิดว่าตัวเองเหมาะที่จะเป็นนายอำเภอ มากกว่า ที่มีความรู้สึกว่า สงสารคนแก่ และคนยากจน และอยากจะให้เขาอยู่ดีมีสุข
มีอยู่ช่วงหนึ่ง ผมจำได้ว่า ผมอายุประมาณ 5 ขวบ แม่ใหญ่ (ยาย) ของผม แกจะไปถ่ายรูป ที่ร้านถ่ายรูปลุงเวิน ผมขอแม่ว่าผมอยากจะไปดูยายถ่ายรูป แม่ก็อนุญาต ให้ผมไปกับยาย ซึ่งผมจำได้ว่า มีเด็กคนอื่นรุ่น ๆ ผม ไปกันหลายคน มันสนุกมาก ที่มีความรู้สึกว่า เหมือนกับแห่ยายผมไปงาน ผมจำไม่ได้ว่ายายผมแต่งตัวสวยหรือไม่ จำได้แต่ว่า ยายแกใส่ผ้าถุง ลาย ที่เขาใส่กันตามหมู่บ้าน ใส่เสื่อคอกลมสีขาว แขนยาว ถ้ามองภาพไม่ออก ยายของผมแกก็เหมือนคนหลวงพระบางนั่นแหล่ะ แต่ทรงผมของยาย เป็นทรงสั้น เหมือนคนแก่โบราณ (ตอนนี้แม่ใหญ่ผมตายไปประมาณ 50 ปีแล้วครับ )
พอพวกเราไปถึงร้านถ่ายรูป ที่อยู่ห่างจากบ้านผมประมาณ 300 เมตร ลุงเวิน ช่างถ่ายภาพชาวแกว ความจริง แกคือ คน ญวน หรือเวียดนาม นั่นเอง แกจึงพูดไทยไม่ค่อยชัด มักพูดภาษาไทยกลับหลัง เช่น แกจะพูดว่า "เจ้าว่าข่อย ฉิ ไป ฉั๋ย " มีความหมายว่า "คุณว่าฉันจะไปไหน" ความจริง แกจะพูดว่า "เจ้าจะไปไสย" "คุณจะไปไหน" แต่พวกเราก็พอจะเข้าใจ ในความหมายที่แกพูด
พวกเราผิดหวังนิด ๆ ที่แกไม่อนุญาตให้เด็ก ๆ อย่างพวกเรา เข้าไปดูในห้องถ่ายรูปไม่ได้ ผมอยากจะดู และอยากจะรู้มากครับว่า เขาทำกันอย่างไร ถึงเอาคนมาใส่กระดาษได้ ความอยากจึงมีความรู้สึกที่อยากเพิ่มมากขึ้น
ต่อมาไม่นาน ความอยาก ถ่ายรูปก็มาเยือนผม มาปวดใจมากครับ ทรมานมาก คือมันอยากถ่ายรูป อยากรู้ว่ามันเป็นยังไง ผมพร่ำบอกแม่หลายครั้ง แม่ก็ไม่พาผมไปถ่ายรูปซักที นานเข้าผมก็ใช้ยุทธวิธีเดียวคือร้องไห้ ครับ เพราะมันทนไม่ไหว ผมรู้สึกว่า หัวใจมันปวด ม๊าก..มาก จะตายให้ได้ ถ้าแม่ไม่พาผมไปถ่ายรูป ผมเห็นทีจะตายครงนั้นจริง ๆ ผมจำได้ว่า ผมพุดกับแม่ตรงกลางบ้าน ผมแหวหน้าบอกแม่ และผมก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วย เห็นต้องฟ้าสีน้ำเงินสดใส แต่ใจผมมันปวดครับ เพราะความอยาก มันไม่ปราณีใคร แม่ก็ทำหน้างึก ๆ เท่านั้น แต่ผมก็ไม่รู้หรอกว่า ทำไมแม่ถึงไม่ได้พาผมไป ถ่ายรูป ซักที จนในที่สุดแม่ก็รับปากผมว่า จะพาไปถ่ายรูป ก่อนจะพาไป แม่ผมได้เตรียมชุดให้ผม รู้สึกว่าแม่จะพาผมไปตัดชุดด้วยแต่ผมจำไม่ได้ว่า ตัดที่ร้านไหน เพราะใจมันอยู่ที่ร้านถ่ายรูป ชุดที่แม่ให้ผมใส่ถ่ายรูป เป็นกางเกงขาสั้น สีดำ มีสายสะพาย พาดจากทางด้านหลัง แล้วก็มาใส่กระดุมข้างหน้า ที่เขาทำอย่างนั้นคงจะเป็นเพราะไม่ให้กางเกงหลุด นั้นเอง ส่วนเสื้อผมจำได้ว่า เป็นเสื้อแขนสั้น สีขาว ที่กระเป๋า จะมีพู่ ผมไม่ชอบมาก ขอให้แม่ตัดออก ซึ่งแม่ก็ตามใจผม แต่กว่าจะตามใจผม แม่แก ก็บนแล้วบ่นอีก แต่ก็แพ้ผม เพราะแม่ตามใจผม ตอนนั้นมีความรู้สึกไม่ชอบ พู่ นี้มาก ๆ ถึงขนาดว่าถ้าให้ใส่ก็จะไม่ถ่ายรูป เลยทีเดียว
ความหล่อของผม แม่ดูแล้ว ไอ้ที่จะไม่ให้ลูกใส่รองเท้า ก็ดูจะไม่หล่อ จำได้ว่าแม่พาผมไปซื้อรองเท้าผ้าใบ ที่ร้านเจ๊ดอกซ้อน ผมจำหน้าแกได้ หน้าเจ๊ดอกซ้อน ขาวเหมือนคนจีน ทั่วไป ดูเหมือนคนมีเงิน ลงมือเลือกรองเท้าผ้าใบให้ผมคู่หนึ่ง โดยแกเลือกสีน้ำตาลให้หนึ่งคู่ เพราะเจ๊ บอกว่า จะได้ใส่ไปโรงเรียนด้วย ถ้าสีอื่นคือสีดำ เป็นของโรงเรียนราษฎร์ ผมจำไม่ได้หรอกว่า ยี่ห้ออะไร ผมกับแม่ ยังใส่สายรองเท้าไม่เป็นเลย แม่ก็มีความพยายามใส่ จนเสร็จ แต่มันก็ไม่สวยครับ ตอนดูในรูปถ่าย
ร้านถ่ายรูปลุงเวิน ก็อยู่ใกล้ ๆ ร้านเจ๊ดอกซ้อน ใจผมสั่นตื่นเต้นครับ เพราะเป็นครั้งแรก ที่จะได้ถ่ายรูป เป็นครั้งแรกในชีวิต แม่บอกกับลุงเวินว่า "พาลูกซาย มาถ่ายรูป มันอยากถ่ายรูป " ลุงเวินถามแม่ว่า "ลูกซาย ซือหยัง หล่ะ" แม่บอกว่า "ซื่อ ณรงค์ " "เอ้า ยืนหม่องหั่น ยืนนิ่ง ๆ เด้อ " ผมก็เดินไปยืนหน้ากล้อง สังเกตทุกอย่างที่อยู่รอบตัว มันเป็นห้องเล็ก ๆ แคบ ๆ มีผ้าสีดำ อยู่ข้างฝา ข้างหลัง ที่สำคัญผมเห็นกล้องตัวเบิ่อเริ่ม มีเลนส์ อยู่ข้างหน้า สักพักแกก็มุดอยู่หลังกล้องมี ผ้า คลุมสีดำ แกมุดอยู่หลังกล้องนานเหมือนกัน สักพัก แกก็โพล่หน้า ออกจากกล้องตัวเขื่อง บอกกับแม่ผมว่า "เดี๋ยวไปถ่ายข้างนอกหลังร้านดีกว่า วิวจะสวยกว่า" แม่ผมก็บอกว่า "ก็แล้วแต่ลุงเวิน หม่องใด๋งาม กะเอาโลด " ลุงเวิน แกก็ลากกล้อง ออกมาทางหลังร้าน ที่แกบอกว่าวิวสวย โอ้ย... มันสวยตรงไหนวะ ข้างหลังบ้านมีแต่ขี้สีก หมายถึง น้ำคลำ เหม็น แถมมีกอเตย อยู่หลังร้านอยู่กอหนึ่ง ลุงเวิน แก เอาไม้ กระดานแผ่นเล็กๆ วางตรงทางน้ำคลำไหลผ่าน บอกผมให้ยืนบนไม้แผ่นนั้น สักพัก แกก็ไปเลื่อนกล้อง อ้อ...อย่าบอกว่าเลื่อนกล้องเลย บอกว่าลากกล้องจะดีกว่า เพราะกล้องมันใหญ่มาก ลุงเวินให้ผมยืนนิ่ง ๆ ส่วนแกก็ สาระวน อยู่หลังกล้อง แกทำอะไรก็ไม่รู้ มันนานมาก ผมเองก็เหนื่อย เพราะยืนเก็กท่าอยู่นานเต็มทน ก็ไม่เห็นแกทำอะไร มีแต่บอกว่าให้ยืนนิ่ง ๆ แถมตรงที่ผมยืนอยู่นั้น มันเหม็นครับ เจ้านาย
สักพัก แกโพล่หน้าจากผ้าสีดำหลังกล้อง พร้อมตระโกนบอกว่า "ล่วงกะเป๋า เด้อ เอาสองมือโลด " "ล้วงกระเป๋าสองมือเลย" ผมเงียบ แต่ผมก็ทำตามลุงเวินที่สั่งผมให้ล้วงกระเป๋า แกบอกว่าจะได้หล่อ ๆ เอ้าล้วงก็ล้วง แต่สีหน้าผมก็มีสีหน้าสงสัย อันนี้มารู้ตอนที่ได้ดูรูปถ่ายแล้ว คิ้วขมวดติดกัน สงสัยครับสงสัย สักครู่ ไม่นาน แกก็โผล่หน้ามาบอกว่า "เออ เสร็จแล้ว " ผมยิ่งงงใหญ่ เสร็จยังไง ไม่เห็นทำอะไร เห็นแต่อยู่หลังกล้องแถมยังคลุมด้วยผ้าสีดำ แกหันมาบอกแม่ผมว่า สัก 1 อาทิตย์ให้มาเอา แม่ผมบอกว่า ใส่กรอบให้ด้วย
หลังจากนั้น ประมาณ 1 อาทิตย์ ผมจำไม่ได้ว่า ใครมาเอารูปให้ แต่ผมก็เห็นตัวเองยืนอยู่ในรูป ยืนอยู่บนแผ่นไม้กระดานแผ่นเดียว เชือกรองเท้า ร้อยไม่ครบรู สองมือของผมล้วงกระเป๋า ทำหน้าสงสัย หัวโต ๆ ตาโต ที่บ้านผมเรียกว่าตาโล่ ใต้รูป ลุงเวิน เขียนว่า ด.ช.ชัยนรงค์ ชื่นนิรันดร์ อายุ 6 ปี ถ่ายเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2506 รูปถูกใส่กรอบสีชมพู ลุงเวิน เขียนชื่อผมผิด ชื่อของผมคือ ณรงค์ เท่านั้น แต่แม่ของผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ความอยากถ่ายรูปมันหมดไปตั้งแต่ยืนอยู่บนน้ำคลำแล้ว เพราะมันเหม็นมากครับ ปัจจุบันรูปสมัยเด็กของผมแขวนอยู่ที่บ้าน ภูเก็ตวิลล่า ดูแล้ว ก็ตลกดี เออ นี่น้า ชีวิตนักข่าว สมัยเด็ก
* * * * * * * * * * * * *
|