ชีวิตนักข่าว....ตอน ฆ่าตัวตายเพราะติดเอดส์ ณรงค์ ชื่นนิรันดร์ นักประชาสัมพันธ์ 8 24 พฤศจิกายน 2550
ชีวิตผู้สื่อข่าวของผม มีเรื่องราวมาเล่าให้ฟังมากมายจนแทบนับไม่ไหว เช่นเรื่องต่อไปนี้ ผมจำได้ว่ามีข่าวโรคเอดส์ ตั้งแต่ปี 2527 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ใครที่เป็นโรคนี้แล้วข่าวบอกว่า ไม่มียารักษาให้หายขาดได้ หมายความว่าเป็นแล้วตายลูกเดียว โรคเอดส์ระบาดลุกลามเร็วมาก ไม่นานประมาณปี 2530 ผมก็ได้ยินข่าวว่า โรคเอดส์เข้ามาแพร่ระบาดในประเทศไทย ไม่มียารักษาเช่นกัน ประเทศไทยก็เริ่มตื่นตัว ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้เข้าใจโรคเอดส์ สามารถป้องกันได้โดยไม่ร่วมเพศ ชนิดที่เรียกว่า ไม่รู้ว่าลูกเมียใคร หรือไม่สำส่อนทางเพศนั่นเอง ผมเป็นนักข่าวตระเวนไปไหนหลายที่ก็พบว่า บางคนไม่รู้เรื่องโรคเอดส์ ก็ยังเที่ยวผู้หญิงแล้วนำมาติดลูกเมีย จนติดเอดส์ก็มี
ประมาณปี 2541 ผมได้ไปเยี่ยมเจ้าอาวาสวัดสามัคคีธรรม อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา เพราะทราบว่ามีการเปิดบ้านพักผู้ติดเชื้อเอดส์ ให้มาพักฟื้น ที่นี่ เจ้าอาวาสท่านนี้ เป็นคนหนุ่มหัวก้าวหน้า ท่านเล่าประวัติของท่านว่า ท่านเป็นคนอำเภอคุระบุรี นี่แหล่ะ จากนั้นก็ไปเรียนวิศวกรรมศาสตร์ ที่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ หาดใหญ่ แต่เรียนไม่จบถูกรีไทร์ กลางคัน จากนั้นก็เลยบวช จนได้เป็นเจ้าอาวาส
"อาตมา มองว่า ผู้ที่ติดโรคเอดส์ ญาติไม่รับเลี้ยงเพราะรังเกียจ และเข้าใจว่าโรคนี้เป็นแล้วติดต่อกันได้ ก็เลยไล่ออกจากบ้าน คนพวกนี้ไม่มีบ้านอยู่ อาตมาก็เลยมีความคิดว่า น่าจะสร้างที่พักให้แก่คนเหล่านี้ " เจ้าอาวาส เล่าถึงที่มาให้ฟังถึงการสร้างที่พัก
"อาตาม พยายามทำความเข้าใจให้คนในละแวกนี้ได้เข้าใจ ซึ่งก็เข้าใจ คนที่ติดเอดส์ บางครั้งก็ลงมาทานอาหารร่วมกับชาวบ้าน และชาวบ้านก็ไม่ได้รังเกียจอะไร " เจ้าอาวาส พูดพลาง ก็ชี้มือไปที่ผู้ที่ติดเอดส์ทีนั่งทานข้าวอยู่กับชาวบ้าน
ผมบอกว่า " อาจารย์ผมอยากจะดู บ้านพักผู้ติดเอดส์เขาอยู่กันอย่างไร" "เดี๋ยวอาตมา จะให้ลุงเขาพาคุณไปเพราะตั้งอยู่ด้านหลังวัด นี่เอง"
ผมไม่รอช้าครับ เรียกคนขับรถ ให้พาไปด้านหลังวัดทันที ที่เห็นเป็นเรือนไม้สร้างขึ้นมาใหม่ มีอยู่ 5 ห้อง สร้างได้ประมาณ 2-3 เดือน มีพิธีเปิด ใหญ่โต ที่ทราบมา มีรองผู้ว่าพังงามาเปิด ใครที่มาเยี่ยมคนป่วยจะต้องลงสมุดเยี่ยม และจะมีแม่บ้านคอยดูแล
ผมลงจากรถยนต์ เดินตรงขึ้นไปบนเรือนพัก ที่ทำเป็นห้อง ๆ แต่ละห้องมีประตูปิดมิดชิด แม่บ้านบอกว่า มีผู้มาพักฟื้น อยู่ 3 ห้อง ผมได้พบกับ สามีภรรยา คู่หนึ่ง ที่มาพักฟื้นที่นี่ คนที่เป็นสามีเป็นคนติดเอดส์ครับ ผมถามว่าเป็นคนที่ไหน ทำไมจึงติดโรคนี้
ผู้ชายคนนี้เล่าว่า "ผมเป็นคนอีสานครับ เฮ็ดงานอยู่แพปลาระนอง ผมบ่เคยเที่ยวแม่หญิงเลย สงสัยคือกัน เป็นหยังข่อยจึงติดเอดส์" ชายหนุ่มเล่าเป็นภาษาอีสาน ซึ่งผมก็ฟังออก พอจะแปลได้ว่า ไม่รู้ไปติดเอดส์มาจากไหนไม่ได้ไปเที่ยวผู้หญิงเลย
ผมก็ถามต่ออีกว่า " ลองนึกดี ๆ ซิ ไปติดมาจากไหน "
เขาพยายามนึก และบอกผมเป็นสำเนียงอีสานอีกว่า " ตอนลงเรือประมง หาปลาในทะเลอันดามัน อยู่หลายเดือนบ่มีอีหยังเฮ็ด หมู่ในเรือเขากะสักลายให้ ว่าซิได้เป็นหมู่เดียวกัน กะเลยสัก คิดว่าติดจากอันนี่หล่ะ" "พอขึ้นบก อยู่2 เดือน ท่อนั่น รู้สึกว่า เมื่อย บ่มีแฮง จนเฒ่าแก่ให้ไปหาหมอ หมอกะบอกว่า ข่อยเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพ่อง "
หนุ่มอีสานรายนี้ติดเอดส์ แน่นอน สาเหตุที่เขาเล่าให้ผมฟังเป็นสำเนียงอีสาน บอกว่า เขาเป็นคนอีสานมาขายแรงงานเป็นลูกเรือประมง ที่จังหวัดระนอง แล้วออกไปหาปลาในทะเล รอนแรมในทะเลอยู่หลายเดือน ไม่รู้จะทำอะไร เพื่อนที่เป็นลูกเรือประมง ก็เลยสักลายให้ เลือดที่ติดมากับเข็มของคนอื่น เป็นพาหะ ของเชื้อเอดส์ จึงไหลเข้าสู่ร่างกาย ของชายอีสานคนนี้ โดยที่เขาไม่รู้ตัว แม้นแต่น้อยว่า มัจจุราช วิ่งเข้าไปกระชากชีวิตของเขาแล้ว
การติดเชื้อเอดส์ ไม่ใช่เกิดจากการร่วมเพศเท่านั้น การสักลายก็เป็นช่องทางอย่างหนึ่งที่ทำให้ติดเอดส์ได้เช่นกัน อย่าลองนะครับ และอีกอย่างหนึ่งที่อยากจะบอกคือ นักเรียนวัยรุ่น ที่กำลังจะเรียนจบ บางรายมีการตั้งวงกรีดเลือด เพื่อใช้เลือดดื่มน้ำสาบาน อันนี้ก็ติดเอดส์ได้เหมือนกัน เพราะใช้มีดเล่มเดียวกัน กรีดลงที่แขน เลือดที่มีเชื้อเอดส์ ก็จะไหลเข้ากระแสโลหิต ติดเอดส์กันถ้วนหน้า ครับ ฉะนั้นแม้นจะรักกันแค่ไหนก็อย่าทำเลยนะครับ
เมื่อการสนทนาจบลง ผมได้ลงในสมุดเยี่ยม ว่าได้มาเยี่ยมและให้กำลังใจ เสร็จแล้วผมก็ขึ้นรถยนต์กลับ ไปทำงาน ที่สวท.ตะกั่วป่า (สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยตะกั่วป่า) ที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 60 กิโลเมตร ขณะนั่งรถกลับที่ทำงาน ผมคิดต่าง ๆ นานา ถ้าเราเป็นโรคนี้หละจะทำอย่างไร ถ้าเราเป็นคนจัดให้คนป่วยมาอยู่รวมกันเราจะทำอย่างไรให้ชาวบ้านเขายอมรับ เพราะชุมชนอยู่ใกล้ที่พักฟื้นมาก เรือนพักรับรอง ที่ว่า ตั้งอยู่ใกล้เมรุเผาศพมาก ห่างแค่50เมตรเห็นจะได้ ตายแล้วเผาเลย คนป่วยจะมีกำลังใจแค่ไหน แต่ละห้อง ต่างคนต่างอยู่ คงไม่มีการสันทนาการพบปะพูดคุยกัน ผมสาบานว่า ผมจะไม่เที่ยวสำส่อน อย่างแน่นอน ซึ่งก็ปฏิบัติมาได้โดยตลอด ความคิดเตลิดเปิดเปิง และคิดว่า ผมจะต้องกลับมาเยี่ยมผู้ติดเอดส์ให้ได้
ไม่นาน ผมก็มีโอกาส กลับมาเยี่ยมสถานพักฟื้นคนติดเชื้อเอดส์ แห่งนี้อีกครั้ง มาคราวนี้ผมตรงรี่ไปที่พักทันที เพราะมีเวลาน้อย ผมเดินขึ้น ไปบนบ้านพัก ทันทีที่ผมสัมผัส กับความเงียบงัน พลันมีเสียงวิทยุเล็ดลอดออกมา จากห้องพักห้องที่สอง ผมจำได้อย่างแม่นยำว่า เป็นเสียงจัดรายการจากสถานี สวท.ตะกั่วป่า ผู้ป่วย คงใช้วิทยุเป็นเพื่อน ในยามเหงา ที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดายเพียงคนเดียว ผมได้พบกับแม่บ้านคนใหม่
เธอเล่าให้ผมฟังว่า "เธอเพิ่งมาอยู่ ไม่นาน ไปรักษาที่ระนองก็ไม่หาย กลับบ้านที่ภูเก็ตก็ไม่ได้ ญาติไม่ต้องรับกลัวจะติดเอดส์ ด้วย "
แม่บ้านบอกผมราวกับว่าเป็นญาติของผู้ป่วยก่อนที่เธอจะเล่าต่ออีกว่า "เด็กผู้หญิงคนนี้ อายุยังอยู่ในวัยรุ่น หน้าตาดี เธอชอบเที่ยว พ่อแม่ห้ามก็ไม่ฟัง มีแฟนหลายคน เปลี่ยนหน้าอยู่เรื่อย ๆ จนเธอติดเอดส์โดยไม่รู้ตัว เมื่อร่างกายเริ่มซูบผอม ทานอาหารไม่ได้ เธอจึงไปหาหมอ จึงทำให้เธอรู้ว่าเธอเป็นโรคเอดส์ พ่อแม่ก็รังเกียจหนักเข้าไปอีก เพราะห้ามก็ไม่ฟัง คงจะสมน้ำหน้าเธอ "
ผมคิดอยู่ในใจอยากจะพบหน้าเธอ เพื่อมาเยี่ยม แต่ก็ช่างเถอะ เพราะผมไม่อยากรบกวนอะไร อย่างน้อยเธอก็ฟังวิทยุของเรา ผมลงนามในสมุดเยี่ยม ขอให้หายจากการเจ็บปวด ทั้ง ๆที่ผมก็รู้อยู่แก่ใจว่า เป็นเอดส์ไม่หายแน่ แต่ก็ให้กำลังใจครับ
ผมกลับสถานี ผมนึกถึงเธอตลอดทางทั้ง ๆที่ ไม่เคยรู้จักกัน เมื่อมาถึงสถานี ผมก็เข้าไปจัดรายการและคิดว่าจะพูดถึงเธอผ่านวิทยุ ว่าผมได้มาเยี่ยม แต่ไม่อยากรบกวนเธอ จึงได้ฝาก ความคิดถึงผ่านวิทยุ และจะเป็นเพื่อนในยามเหงา ตลอดไป ผมก็คิดตลอดเวลาเหมือนกันว่า เสียงของผมคงถึงเธอ อย่างแน่นอน
2 เดือนต่อมา ผมกลับไปที่นั่นอีก และจะไปเยี่ยมเธออีกครั้ง แต่ได้รับคำบอกเล่าจากแม่บ้านว่า เธอได้ผูกคอตายแล้ว ผมตกใจมาก เธอคงเหงา และคงอยากเกิดใหม่ ไม่อยากเป็นอย่างนี้อีก และอยากจะให้เวลาหมุนกลับ อยากจะทำตามพ่อแม่ที่พร่ำบอก ไม่เที่ยวเตร่ อยากเป็นคนดีของพ่อแม่ เธอคงไม่อยากเป็นแบบนี้ ตายดีกว่า เธอจึงใช้ผ้าปูเตียงผูกติดกับมือจับของประตูห้อง และผูกคอของเธอ จนสิ้นใจ เธอจากโลกนี้ไปแล้วด้วยอายุอันน้อยนิด ที่ยังอ่อนด้อยต่อโลก ที่มีแต่เล่ห์เหลี่ยม ล่อลวง จนหลงผิด ไปตามกระแสวัตถุนิยม ที่ถาโถมกระหน่ำ ยากนักที่ชีวิตเล็ก ๆ จะผ่านทะเลอันบ้าครั่งผ่านไปได้อย่างง่ายดาย เธอต้องจบชีวิตลง ด้วยมายา ของกิเลส ตันหาราคะ ที่ได้ลิ้มลองเพียงครั้งแรกก็ติดใจ จนหัวใจเธอแตกสลาย ยากที่พ่อแม่จะเหนี่ยวรั้งอยู่ มันคงสายเกินไปที่เธอจะแก้ไข ถ้าชาติหน้ามีจริงเธอคงบอกว่า ขอแก้ตัว
โรคเอดส์ บางคนก็พูดเชิงสนุกว่า "เป็นเอดส์ ดีกว่า อด" คำ ๆ นี้ ทำให้คนเป็นเอดส์ตายมากต่อมากแล้ว บางคนก็คิดว่า "ครั้งเดียวน่า ไม่ติดหรอก" อันนี้ก็ติดมานักต่อนักครับ ที่แน่น ๆ ถ้าไม่อยากให้เป็นเอดส์ อย่าเที่ยวผู้หญิงที่ไม่ใช่ภรรยา ของเรา ครับ รับรองว่าไม่ติดแน่ แต่ทุกวันนี้ ภรรยาของเรา ก็ชักไม่แน่ใจครับ ฮา......ตัวใครตัวมัน ครับ
* * * * ** * * * * * * * * * ** * * * *
|