พังงา...ณรงค์ ชื่นนิรันดร์ 4 มกราคม 2548 บ้านน้ำเค็ม ยุคเสือขิน
ราวปี พ.ศ.2518-2525 หมู่บ้านน้ำเค็ม มีความเจริญรุ่งเรือง สูงสุด เป็นยุคที่แร่ดีบุกมีราคาถึง กิโลกรัมละ 100 บาท ซึ่งเมื่อเทียบกับก๋วยเตี๋ยวก็ราคาชามละ 7 บาท เท่านั้น ส่วนเบียร์ก็ราคาเพียงขวดละ 10 กว่าบาท เงิน 100 บาทจึงมีค่ามากมายมหาศาล บางคนทำประชดถึงขนาดเอาเบียร์ล้างเท้า เพราะเงินที่หาได้นั้นง่ายดาย กว่าการทำนาเสียอีก
คนที่เข้ามาแสวงโชคหาแร่ดีบุกที่บ้านน้ำเค็ม เดินทางมาจากทั่วทุกสารทิศ ทั้งคนดีและคนร้ายที่เข้ามาตั้งตัวเป็นเจ้าพ่อ หนึ่งในจำนวนนั้นคือ เสือขิน ซึ่งเป็นโจรร้ายที่เข้ามาอยู่ที่บ้านน้ำเค็ม ตั้งตัวเป็นผู้มีอิทธิพล เรียกค่าคุ้มครอง จากคนงานที่เข้ามาทำเหมืองแร่และตั้งตัวเป็นศาลเตี้ย หากไม่พอใจใคร เสือขิน ก็จะสั่งเก็บทันที ในขณะที่บางครั้งสมุนที่เกเรของเสือขิน ก็มักจะแอบอ้างว่าเสือขิน เป็นคนบงการ หรือสั่งให้มาเก็บค่าคุ้มครอง
หลายครั้ง เสือขิน มักจะสร้างสถานการณ์ โดยการปล้นเรือของชาวประมง ไปแอบซ่อนไว้ เมื่อเจ้าของเรือไปแจ้งความกับตำรวจ ส.ภอ.ตะกั่วป่า ตำรวจก็ไม่สามารถที่จะติดตามได้ แต่เสือขิน สามารถที่จะนำเรือประมงนำกลับมาคืนได้ แน่นอนนั่นเป็นแผนของเสือขิน ที่จะเรียกเสียงศรัทธา จากชาวบ้านว่าหากเมื่อ เสือขินยังอยู่ จะไม่มีใครมาทำอะไรได้
ลุงบุญลือ สัตยารักษ์ อายุ 73 ปี คนสนิทเสือขิน ปัจจุบันอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 36 หมู่ 5 ต.บางม่วง อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา เล่าความหลังให้ผมฟังเมื่อ 4 เดือนที่แล้ว ว่า เสือขิน เป็นคนอำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ช่วงที่เสือขินเข้ามาอยู่ตะกั่วป่า ประมาณ ปี 2514-2518 สมัยนั้นประเทศไทย มี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นนายกรัฐมนตรี ยุคนั้นหมู่บ้านน้ำเค็มไร้ขือแป หมู่บ้านเต็มไปด้วยมือปืน ที่นายหัว เหมืองแร่จ้างมาเฝ้าแร่ดีบุก เพื่อป้องกันไม่ให้โจรมาปล้น เพราะแร่ดีบุกส่วนใหญ่ที่ขุดได้มักจะถูกลักลอบลำเลียงโดยทางเรือ ผ่านน่านน้ำทะเลอันดามัน เพื่อนำไปขายต่อที่ประเทศสิงคโปร์
ลุงบุญลือ เล่าถึงความหลัง ราวกับว่าเหตุการณ์ได้ผ่านมาเมื่อวานนี้ว่า แน่นอนเสือหลายตัวย่อมอยู่ในถ้ำเดียวกันไม่ได้ มีอยู่วันหนึ่งที่บ้านบางม่วง อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา มือปืนมีเรื่องข้องใจกัน และไม่มีใครตัดสินได้ จึงตัดสินปัญหาด้วยวิธีการดวนปืนกัน เหมือนกับภาพยนตร์คาวบอย โดยใช้บริเวณหน้าร้านกาแฟ ริมถนนเพชรเกษม ซึ่งเป็นทางหลวงหมายเลข 4 เป็นที่ปะลอง มือปืนต่างหันหลังชนกัน จากนั้นก็เดินจากกันคนละ 10 ก้าว แล้วจึงหันหลังกลับ ใครชักปืนเร็วกว่าก็หมายถึงว่าผู้นั้นย่อมมีลมหายใจ แต่วันนั้น เสือทั้งสอง ก็เจ็บทั้งคู่ ปัจจุบันลุงบุญลือ สัตยานุรักษ์ กำลังนอนรักษาตัวด้วยโรคชรา ที่โรงพยาบาลวชิรภูเก็ต โดยรับรู้เรื่องราวของคลื่นยักษ์พัดถล่มบ้านน้ำเค็ม ผ่านลูกสาว ที่นอนเฝ้าอาการอยู่
ลุงนรินทร์ บุญเกิด อายุ 62 ปี ข้าราชการบำนาญ เทศบาลเมืองตะกั่วป่า เล่าความหลังให้ฟังว่า เหตุการณ์ยิงกัน มีไม่เว้นในแต่ละวัน เพราะมีการล้างแค้นกัน อยู่ตลอดเวลา ทางการโดย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้ส่งตำรวจกองปราบมาตามล่า เสือขิน อย่างไม่ลดละ ทั้งส่งเครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์ หลายลำบินไล่ล่า ยิ่งกว่าในภาพยนตร์
ยุคที่เสือขิน เข้ามาคุมบ้านน้ำเค็มจะอยู่ในระหว่างปี 2514-2518 มือปืนเดินเพ่นพ่าน เต็มเมืองตะกั่วป่า ไปหมด ขัดใจหรือขัดผลประโยชน์กัน ปืนเท่านั้นที่จะเป็นผู้มีอำนาจในการตัดสิน มีอยู่ครั้งหนึ่ง เหตุการณ์ได้เกิดขึ้นที่บริเวณย่านตลาดเก่าตะกั่วป่า โดยคนร้ายได้บุกเข้ากราดยิงผู้คนในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง โดยผู้เสียชีวิต หนึ่งในเหตุการณ์นั้นคือ โก้มุ ซึ่งเป็นน้องชายของนายบรม ตันเถียร ซึ่งโก้มุ เป็นคนที่ไม่มีศัตรู แต่ขาพิการมาแต่กำเนิด พอแกจะลุกออกจากโต๊ะ แกจะใช้มือยันพื้นเก้าอี้ที่นั่ง โจรเข้าใจว่า โก้มุ จะชักปืน โจรก็เลยยิงก่อน แต่โก้มุ ก็ไม่มีปืนสักกระบอก ในที่สุดโก้มุก็ตายฟรี จับใครไม่ได้
ในที่สุดเสือขิน ทนการปราบปรามของตำรวจไม่ไหว ก็เลยหลบหนี ไปอยู่บ้านเกิดที่อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในที่สุดเสือขิน ซึ่งไม่มีใครทราบนามจริง ก็ถูกฆ่าตาย ที่บ้านเกิด ด้วยอายุเพียง 43 ปี
บ้านน้ำเค็ม ก็เงียบไปพักหนึ่ง เมื่อเสือใหญ่อย่าง เสือขิน ตายไป แต่บ้านน้ำเค็มก็ยังมีการแย่งชิงผลประโยชน์ กันเรื่อยมาจนหมดยุครุ่งเรืองของแร่ดีบุก และชาวบ้านน้ำเค็มก็เริ่มปรับตัวไปเป็นชาวประมง และในที่สุดก็เริ่มเข้าสู่ยุคการท่องเที่ยว ที่หลายคนคงได้ยินชื่อร้านอาหารจีนชื่อดังของบ้านเค็ม ที่คนระดับรัฐมนตรีหลายคน และเชื้อพระวงศ์หลายพระองค์ ก็เคยรับสั่งให้ร้านอาหารยิ้มยิ้ม ทำอาหารให้เสวย มาบัดนี้ร้านอาหารยิ้มยิ้ม ก็ถูกคลื่นยักษ์พัดถล่ม ร้านได้รับความเสียหาย และที่สำคัญบุคคลในครอบครัวนี้ได้สูญเสียลูกสาว ด้วย และเราก็ไม่รู้ว่า ต่อไปเราจะได้ทานอาหารที่เลิศรสของร้านอาหารยิ้มยิ้ม อีกหรือไม่
* * * * * * * * * * * |