www.narongthai.com  

www.narongthai.com เป็นเว็บไซต์เชิงวิชาการ ที่สามารถนำอ้างอิงได้ตามหลักวิชาการ                                                                                                                                                                                                                                                                           
 

 ณรงค์ ชื่นนิรันดร์
https://www.facebook.com/profile.php?id=100010475651732
สร้างลิงค์ของโปรไฟล์ในแบบที่เป็นตัวคุณเอง

 

 

 

 

 

 

 สถิติวันนี้ 2 คน
 สถิติเมื่อวาน 45 คน
 สถิติเดือนนี้
สถิติปีนี้
สถิติทั้งหมด
2528 คน
52315 คน
1744759 คน
เริ่มเมื่อ 2010-01-13

 

 

ชีวิตนักข่าว ตอน...วิทยุปักกิ่ง

16 มิถุนายน 2548

เมื่อประมาณวันที่ 16 มิถุนายน 2548 ผม ได้เดินทางไปดูงานที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งที่ รู้จักกันดีก็คือ จีนแดง นั่นเอง ผมใฝ่ฝันที่อยากจะเดินทางไปจีนมาตั้งแต่เด็ก ๆ และเคยฟังวิทยุกระจายเสียงปักกิ่ง ภาคภาษาไทย ที่สามารถรับฟังได้ในประเทศไทย เป็นรายการที่มีเนื้อหาสาระไปในทาง โฆษณาชวนเชื่อ ในลัทธิคอมมิวนิสต์ การนำเสนอศิลปวัฒนธรรมในพื้นที่อยู่ห่างไกล มาเสนอ โดยเฉพาะการขับร้องเพลงของชนเผ่าต่าง ๆ

เมื่อครั้งที่มีการเลือกหัวหน้าห้อง ตอนนั้นจำได้ว่าผมเรียนอยู่ชั้น ป.6 โรงเรียนบ้านสี่แยกสมเด็จ อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ อาจารย์อโณทัย แสนยานุภาพ บอกว่าใครที่สมัครก็ต้องออกมาหาเสียง ความจริงผมไม่ได้สมัครหรอก แต่ว่าเพื่อนที่อยู่ข้างหลังมันดันให้ผมสมัคร เพราะคงมองเห็นแล้วว่า หน่วยก้านผมดี และก็เคยเป็นหัวหน้าห้องมาแล้ว เพื่อน ๆ ก็คงจะชอบผม ผมจึงได้สมัคร ตอนนั้นผมจำได้ว่า ผู้ที่สมัครยังมีผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ชื่อ ด.ญ.อนงค์ วรรณประภา ตอนนี้ทราบข่าวว่าเป็นครูภาษาฝรั่งเศสสอนอยู่ที่ โรงเรียนมงฟอร์ด จังหวัดเชียงใหม่ เขาก็เป็นคนหนึ่งที่สมัครดัวย และเขาก็ออกไปพูดแสดงวิสัยทัศน์ เหมือนกันแต่ผมจำไม่ได้หรอกว่า เธอพูดว่าอะไร แต่ก็พูดได้ดี เหมือนกัน

พอมีการลงแข่งขัน ก็ต้องบอกว่า เราก็ยอมไม่ได้ เช่นกัน เพราะถือว่า เมื่อมีการแข่งขันก็ยอมแพ้ไม่ได้ ผมเป็นคนพูดคนที่ 2 ผมพยายามที่จะสรรหาคำพูด ที่จะมัดใจเพื่อน ๆ แต่ผมก็คิดไม่นาน ว่าผมจะใช้คำพูดว่าอย่างไร เพราะผมฟังวิทยุปักกิ่งอยู่เป็นประจำ ผมจำได้ว่า ผมพูดคำแรกเพื่อทักทายว่า " สวัสดี สหายและมิตรทั้งหลาย " คำพูดหลัง ๆ จำไม่ได้ พอผมขึ้นต้นคำพูด เท่านั้นแหล่ะครับ อาจารย์ อโณทัย หลบผมทันที และก็แอบไปอยู่ในห้องพักครู คงจะเขินกับคำพูดที่ผมพูด เพราะว่ามันเป็นภาษาสำหรับนักปลุกระดมมวลชน เพราะตอนนั้นลัทธิคอมมิวนิตส์ กำลังมาแรงมาก ซึ่งปีนั้นก็ประมาณ พ.ศ. 2514 แต่ผมก็ชนะด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น ได้เป็นหัวหน้าห้อง ชั้น ป.6

คำทักทายที่ผมนำมาใช้ในวันนั้น เป็นคำทักทายของผู้จัดรายการวิทยุปักกิ่งภาคภาษาไทย ที่ก่อนจะเข้ารายการผู้จัดก็จะทักทายว่า " สวัสดี สหายและมิตรทั้งหลาย " ทำให้ผมประทับใจ ต่อคำพูดนี้ ต่อมา ผมได้ส่งจดหมายไปยังสถานีวิทยุปักกิ่ง และผมจำได้ว่าทางสถานีก็ส่งของที่ระลึก มาให้เป็นการตอบแทนเช่นกัน ผมก็ได้เก็บไว้อย่างดี แต่ตอนนี้ไม่ทราบว่ามันหายไปไหน แต่คิดว่ายังอยู่ที่บ้านที่ภูเก็ตครับ

ความเป็นจริง ก็มาถึง เมื่อเดือนมิถุนายน 2548 ผมได้เดินทางไปดูงานที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เพื่อไปดู สถานีวิทยุกระจายเสียงปักกิ่ง และสถานีโทรทัศน์ CCTV ทั้งสองสถานีเป็นสิ่งที่ผมอยากจะไปชมมาก

ช่วงสายของวันนั้น ผมพร้อมคณะได้เดินทางไปชม สถานีโทรทัศน์ CCTV เจ้าหน้าที่พาเราไปยังห้องรับรองเพื่อเข้าพบผู้บริหาร ผู้บริหารของ CCTV เป็นผู้หญิงครับ อายุ ประมาณ 30 ต้น ๆ ต้องบอกว่า ในที่ทำงานไม่เห็นคนแก่ หัวหงอก แม้นแต่คนเดียว เห็นแต่คนหนุ่มสาว เท่านั้น พวกเราเสียอีก ที่แก่กว่าเขา

เจ้าหน้าที่ ของ CCTV พาเราไปชมห้องส่ง ซึ่งจัดเป็นเวที และก็มี ที่นั่งสำหรับคนดู เป็นลักษณะที่นั่งแบบ อัฒจรรย์ ซึ่งก็ใหญ่พอสมควร ผมได้รับการอธิบายจากเจ้าหน้าที่ว่า CCTV มีคนดูทั่วโลก โดยการส่งผ่านดาวเทียม ทำให้คนจีนที่อยู่ในชนบท ได้รับชมข่าวสารได้แม้นว่าจะอยู่ห่างไกลและ ทุระกันดาร แค่ไหน ตัวเลขที่มีคนชมก็ประมาณ 1,200 ล้านคน ที่เหลืออีก 100 ล้านคน ไม่ได้ดู ซึ่งก็ถือว่า คนจีนดูโทรทัศน์ช่องนี้มาก ชนิดที่เรียกว่าไม่มีคนเชื่อเพราะผมได้นำตัวเลขนี้มาบอกที่ทำงาน เจ้านายของผมยังไม่เชื่อว่าจะมีคนดูมากขนาดนี้ แต่เมื่อมาดูด้านรายการของเขาแล้วก็ต้องบอกว่า คนจีนดูมากอย่างแน่นอน เพราะมีทั้งสารคดี ข่าว รายการที่เกี่ยวกับคนในชนบทของจีน และอื่น ๆ อีกมากมาย

ต่อจากนั้น ผมก็ได้เดินทางไปดูงานที่สถานีวิทยุปักกิ่ง ที่นี่ก็เหมือนกัน ผู้บริหารเป็นผู้หญิงอายุก็ราว ๆ 30 ต้น ๆ เขาให้เราเข้าไปชมบรรยายสรุปก่อน ซึ่งทางจีนเขาจัดไว้ดีมาก มีที่นั่งสำหรับชม วีดิทัศน์อย่างดี และเขาก็ฉายให้เราดูถึงการดำเนินการของสถานีวิทยุปักกิ่ง การนำเสนอของเขาดีมาก ดูดีกระชับรวดเร็ว ได้เนื้อหา เมื่อจบแล้วก็มีการมอบของที่ระลึกซึ่งกันและกัน โดย คุณอัจฉรา หัสบำเรอ รองอธิบดีเป็นผู้มอบ (ตอนนี้ท่านเกษียณอายุไปแล้ว) เมื่อเสร็จแล้ว พวกเราก็ได้ไปชมถนนโฆษณา แต่ก่อนที่จะถึงผมได้เดินผ่านที่ทำงาน เท่าที่สังเกต เอกสารที่รกรุกรังตั้งอยู่บนทำงานเหมือนกับบ้านเรา ไม่มีให้เห็นครับ จะเห็นก็แต่คอมพิวเตอร์ ชนิดจอแบน จอที่เห็นในบ้านเราเหมือนกับ ทีวี ไม่มีให้เห็นครับ การส่งงานก็จะเป็นการส่งงานแบบแผ่นดิสต์ ไม่เห็นเป็นเอกสารที่เป็นกระดาษ ให้เราเห็นรกตา ห้องก็แบ่งเป็นสัดส่วน แบบสมัยใหม่ ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน การที่จะได้ยินการนินทากันเหมือนบ้านเราไม่มีครับ จากนั้นผมก็ เดินไปขึ้นลิฟต์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของถนนโฆษณาที่ว่า บริเวณนี้ ห้ามถ่ายภาพโดยเด็ดขาด และมี รปภ.ที่เข้มแข็ง คอยประกบพวกเราอยู่ตลอดเวลา

จุดแรกที่เราไปดูคือ ห้องเทคนิค ห้องนี้ใหญ่มากครับ มีแต่จอทีวี วงจรปิด ที่สามารถดูการจัดรายการของแต่ละสถานีได้อย่างดี ทำให้ช่างเทคนิค รู้ได้ว่า ในแต่ละห้องเขาจัดรายการอย่างไร ขณะเดียวกัน กล้องตัวนี้ก็จะ เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต ใครที่เข้ามาในเว็บไซต์ก็จะเห็นการจัดรายการด้วย ดีจริง ๆ ถึงแม้นว่าทางจีนจะห้ามไม่ให้ถ่ายรูป แต่ผมก็จำได้ตลอด ว่าเป็นอย่างไร ต่อจากนั้น ผมได้เดินไปชมห้องส่งวิทยุกระจายเสียง มันแปลกมากครับ เพราะมันไม่เหมือนห้องส่งวิทยุบ้านเราที่อยู่ในห้องเล็ก ๆ แคบ ๆ ผนังบุด้วยชานอ้อย ป้องกันเสียงก้อง แต่ที่นี่ ไม่ใช่เช่นนั้นครับ เขาทำเหมือนกับห้องส่งโทรทัศน์ มีการจัดฉาก สวยงาม มีโลโก้ของสถานีวิทยุที่จัดเช่น คำว่า 92.5 Mhz. เหล่านี้เป็นต้น อุปกรณ์ก็ทันสมัย สวยงาม มีการนำสิ่งของมาประดับ การจัดไฟในห้องส่งดีมาก คนที่ยืนอยู่นอกห้องส่งก็สามารถ มองเห็นคนจัดรายการได้ เพราะใช้กระจกหนาขนาด 3-4 หุน กั้น ผมว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะคนที่มาดูงานเหมือนพวกเราก็จะได้เห็น การจัดรายการโดยไม่ต้องรบกวนคนจัดรายการ

ห้องจัดรายการคลื่นอื่น ๆ ก็คล้ายกัน มีการกั้นห้องแบบเดียวกัน บางห้องเราก็เข้าไปดูได้ แต่บางห้องก็เข้าไปดูไม่ได้ แต่ก็ทำให้เราได้ความรู้ในการจัดทำห้องส่งวิทยุแบบใหม่ ที่คนเห็นชัดเจนว่าในห้องส่งทำอะไร แบบไหน และจะทำให้เรา ได้เห็นวิธีทำงานอีกด้วย

สถานที่ ของ สถานีวิทยุปักกิ่ง และสถานีโทรทัศน์ CCTV เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งก็คือ จะมีลูกโลก ตั้งอยู่ในที่ทำงาน ก่อนเข้าไปชมเราจะเห็นลูกโลกตั้งอยู่ ซึ่งผมสันนิษฐานว่า วิสัยทัศน์ของสื่อวิทยุและโทรทัศน์ของจีน จะต้องให้คนทั่วโลกได้รับฟังและรับชม ครอบคลุมทั่วทั้งโลก แล้วสื่อของไทยหล่ะครับ จะไปทางไหนดี ซึ่งเราก็เฝ้าดูสื่อใหม่ ที่เรียกว่าสื่อสาธารณะ TPBS จะให้อะไรกับคนดูชาวไทยบ้าง ก็ต้องคอยชมกันต่อไป


* * * * * * * * * * * *

                                                 

1


คลิ๊กนี้มีความหมาย

ณรงค์ ชื่นนิรันดร์ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จ.ภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต 83000 : Webmaster by Narong Cheunniran : อีเมล์ :narongthai53@gmail.com