ชีวิตนักข่าว...เกิดเหตุร้ายยิงตำรวจเสียชีวิตที่ โรงพักหลังสวน
ณรงค์ ชื่นนิรันดร์
8 เมษายน 2553
เมื่อย้อนไปประมาณ ปี 2540 ได้เกิดเหตุตำรวจยิงกันเองที่โรงพักหลังสวน อ.หลังสวน จ.ชุมพร จะเป็นด้วยเหตุใดก็ยากที่จะคาดเดาได้ คราวนั้นมีผู้เสียชีวิต ถึง 6 นาย ทุกคนล้วนเป็นตำรวจ ทั้งสิ้น ในวันเกิดเหตุผมทำงานอยู่ในพื้นที่จังหวัดชุมพร และได้ติดตามข่าว มาตลอด
และคราวนี้ ผมอยู่หาดใหญ่ก็ได้ทราบข่าวจากทางหน้าหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ว่ามีการเกิดเหตุการณ์ผู้ต้องหา ที่มีเรื่องทะเลาะวิวาทบนรถไฟที่แล่นมาจาก จังหวัดนครศรีธรรมราช และถูกตำรวจรถไฟจับกุมและก็ได้เชิญตัวมาที่โรงพักหลังสวน ตามข่าวคนร้าย เกิดคุ้มคลั่ง เข้าไปแย่งปืนตำรวจและกระหน่ำยิงตำรวจเสียชีวิต พร้อมภรรยา ที่นั่งกินข้าวห่อหน้าโรงพัก หลังสวน จนทั้งคู่เสียชีวิต ส่วนคนร้ายก็ได้บุกขึ้นโรงพักเพื่อที่จะยิงตำรวจ จึงถูกวิสามัญ เสียชีวิตคาที่
วันที่ 8 เม.ย.2553 พ.ต.อ.นรินทร์ บุษยวิทย์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร ได้รับรายงานคดีเหตุอุกฉกรรจ์จาก พ.ต.อ.สุพจน์ บุญชูดวง ผกก.สภ.หลังสวน จ.ชุมพร ว่า ได้รับแจ้งจาก ร.ต.อ.ฉัตรชัย นวลจริง ร้อยเวร สภ.หลังสวน ว่า ขณะปฏิบัติหน้าที่อยู่ในห้องทำงาน ได้เกิดเหตุคนร้ายยิงตำรวจเสียชีวิต และภรรยาบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตที่โรงพยาบาล ส่วนคนร้ายได้ถูกตำรวจวิสามัญเสียชีวิตอยู่บนโรงพัก จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยแพทย์ หน่วยงานเกี่ยวข้อง และหน่วยกู้ภัยสมาคมพุทธประทีปหลังสวน
ที่เกิดเหตุบริเวณโต๊ะนั่งม้าหินอ่อน ซึ่งตั้งด้านหน้าข้างหน้า สภ.หลังสวน มีกล่องข้าวผัดกระเพราไข่เจียว ลักษณะกินไปเกือบครึ่ง และแก้วพลาสติกใส่น้ำตั้งอยู่ 1 แก้ว ส่วนบริเวณพื้นข้างโต๊ะม้าหินอ่อนพบร่างคนตายชีวิตทราบชื่อ ด.ต.สุวิทย์ อินทรีย์ อายุ 51 ปี ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.หลังสวน อยู่ในชุดครึ่งท่อน นุ่งกางเกงขายาวสีกากี ใส่เสื้อยืดแขนสั้นคอกลมสีขาว
มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม.เข้าที่ศีรษะ 1 นัด กระสุนฝังใน และมีผู้บาดเจ็บสาหัสอีก 1 ราย เป็นภรรยาของ ด.ต.สุวิทย์ ถูกนำตัวส่ง รพ.หลังสวน ทราบชื่อ นางวัชราภรณ์ อินทรีย์ อายุ 43 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาดเดียวกันเข้าที่ศีรษะ 1 นัด กระสุนฝังใน แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตคาห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล
ส่วนภายใน สภ.หลังสวน บริเวณด้านหน้า ซึ่งเป็นห้องโถงที่ประชาชนมาติดต่อราชการ และรับแจ้งความเรื่องราวร้องทุกข์ มีคนถูกยิงตายนอนจมกองเลือดทราบชื่อ นายสมชาย อินนุพัฒน์ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21 หมู่ 3 ต.บางศาลา อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช สภาพศพนุ่งกางเกงยีนต์ ใส่เสื้อเชิ้ตคอปกแขนยาวสีขาว ถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาด 9 มม.เข้าที่ชายโครง หน้าอก และศีรษะ รวม 3 นัด
จากการสอบสวนทราบว่า เมื่อเวลา 22.00 น.คืนวันที่ 7 เมษายน 2553 นายสมชาย อินนุพัฒน์ ได้เดินทางโดยสารรถไฟจาก จ.นครศรีธรรมราช เพื่อไปเที่ยวที่ กทม. และระหว่างทางผ่านมาถึงพื้นที่อ.หลังสวนได้ก่อเหตุทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกายผู้อื่น
จนถูกตำรวจรถไฟจับกุมแล้วส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สภ.หลังสวน ดำเนินคดี โดยมีตำรวจไปควบคุมตัวมาจากรถไฟที่เข้าจอดเทียบชานชลาสถานีรถไฟหลังสวน ซึ่งอยู่ห่างจาก สภ.หลังสวนประมาณ300เมตร
โดยมี ร.ต.อ.ฉัตรชัย นวลจริง ร้อยเวร ทำหน้าที่เป็นพนักงานสอบสวน ได้ทำการเปรียบเทียบปรับ นายสมชาย 500 บาท ซึ่งนายสมชายแสดงอาการโวยวายว่า เป็นคนถูกหาเรื่องก่อน และไม่มีเงินเสียค่าปรับ จึงติดต่อประสานให้ญาติที่อยู่พื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช นำเงินมาเสียค่าปรับและรับกลับบ้าน
ระหว่างถูกควบคุมตัวรอเสียค่าปรับ นายสมชาย มีอาการทางประสาท พูดจาวกวน เลื่อนลอยว่า มีคนตามยิง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงให้นายสมชายนั่งรออยู่ในบริเวณสถานีตำรวจเพื่อรอญาติมาเสียค่าปรับและรับตัวกลับ
ปรากฏว่า หลังจากนั้น นายสมชาย ได้เดินลงมาที่ลานด้านหน้าของ สภ.หลังสวน และเห็น ด.ต.สุวิทย์ อินทรีย์ นั่งกินข้าวกล่อง โดยมี นางวัชราภรณ์ อินทรีย์ ภรรยาที่ซื้อมาให้นั่งอยู่ข้าง ๆ นายสมชาย จึงเกิดความเครียดเข้าใจว่า ด.ต.สมชาย จับกุมตนเองมาจากขบวนรถไฟ จึงวิ่งเข้าไปเตะก้านคอด.ต.สมชาย
จนกระเด็นทรุดลงกับพื้นข้างโต๊ะม้าหินอ่อน แล้วชักปืนพกขนาด 9 มม.ออกมาจากเอวของ ด.ต.สมชาย แล้วจ่อหัวลั่นไกยิงจนตายคาที่ แล้วหันไปจิกผมนางวัชราภรณ์ ที่นั่งตกตะลึงอยู่ข้าง ๆแล้วจ่อที่หัว1นัดจนบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตที่โรงพยาบาล
หลังก่อเหตุ นายสมชาย ได้วิ่งขึ้นไปบน สภ.หลังสวน พร้อมกับแกว่งอาวุธปืนไปมาคล้ายคนเสียสติ พร้อมที่จะยิงทุกคนที่ขวางหน้า ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนโรงพักจำนวนหนึ่ง ต่างตกตลึงวิ่งหนีกันหาที่กำบัง พร้อมกับมีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด กระสุนพุ่งเข้าร่างของนายสมชายจนล้มลงขาดใจตายอยู่ในที่เกิดเหตุดังกล่าว
ส่วนสาเหตุจาการสอบสวนเบื้องต้น ตำรวจคาดว่า นายสมชาย คงเกิดจากความเครียด และมีอาการประสาทหลอน ระแวงคิดว่า มีคนคอยตามฆ่า จึงก่อเหตุสะเทือนขวัญดังกล่าวขึ้น.
๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙