ชีวิตนักข่าว ตอน...นักข่าวไปมัสยิดกลางยะลา
โดยณรงค์ ชื่นนิรันดร์
16 ก.ย.2549
ในหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์รายวัน มีข่าวการลอบยิง ลอบวางระเบิด ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีทุกวัน ราวกับพวกเราอยู่ในสภาวะสงคราม ที่มีการลอบทำร้ายผู้บริสุทธิ์ ทหาร ตำรวจ ตลอดเวลา นักข่าวอย่างผมก็ต้องเฝ้าติดตาม ทุกข่าวที่เกิดขึ้นในพื้นที่ เพื่อประเมินสถานการณ์ ในการวางแผนการประชาสัมพันธ์ จะเรียกว่า สงครามข้อมูลข่าวสาร ก็คงจะพูดได้ เพราะฝ่ายโจรก่อการร้าย ได้ใช้ยุทธวิธี ตอบโต้ข่าวสารที่เป็นไร้รูปแบบ
วันที่ 15 กันยายน 2549 ผมได้รับมอบหมาย ให้จัดแถลงข่าว โครงการสันติ ซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องทำ ตั้งแต่การเชิญ สื่อมวลชน ในจังหวัดสงขลา มาร่วมรับฟังการแถลงข่าว รวมทั้งการถ่ายทอดเสียง ทาง on Line ผ่านทางอินเตอร์เน็ท ขณะเดียวกัน ผมก็ได้ทำหน้าที่ เป็นพิธีกร ในการกล่าวนำการแถลงข่าว โดยผู้ที่ร่วมแถลงข่าว ประกอบด้วย พล.อ.ไวพจน์ ศรีนวล ผู้บัญชาการศูนย์รักษาความปลอดภัย หรือที่เรียกว่า ศรภ. นอกจากนั้นยังมี นายประกิจ ประจนปัจนึก ซึ่งเป็นรองเลขาธิการสภาความมั่นคง (สมช.) ในขณะนั้น ต่อมาก็ได้เป็น เลขาธิการ สมช. ภายหลังที่มีการปฏิวัติ โดยการแถลงข่าวในวันนั้น เราใช้ โรงแรมโนโวเทลเซ็นทรัลสุคนธา หาดใหญ่ ชั้น 8 เป็นสถานที่ แถลงข่าว
สื่อมวลชน มากันมากประมาณ 30 คน ในจำนวนนี้ มีนักข่าว จากช่อง 3 มาเลเซียมาร่วมทำข่าวด้วย เพราะเขาสนใจในประเด็นที่มีข่าวว่า จะมีการเข้ามามอบตัวของผู้ก่อความไม่สงบในวันพรุ่งนี้ (16 ก.ย.49) การแถลงข่าวเริ่มเวลา 17.00 น. จนถึงเวลา 18.00 น. จึงยุติการแถลงข่าว โดยสารสำคัญ ประกอบด้วย การรวมพลังของชาวมุสลิม ที่จะมีการประกอบพิธี ที่มัสยิดกลางยะลา และมีข่าวว่าจะมีแกนนำคนสำคัญมารายงานตัวด้วย
รุ่งขึ้น วันที่ 16 กันยายน 2549 ผมพร้อมด้วย คุณไพฑูรย์ ศรีรอด ผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์เขต 6 คุณอำพล บุญจันทร์ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11 จ.สงขลา ได้เดินทางไปจังหวัดยะลา เพื่ออำนวยการในการถ่ายทอดสดทาง วิทยุกระจายเสียง และโทรทัศน์ ที่อยู่ในสังกัด กรมประชาสัมพันธ์ การไปครั้งนี้ ต้องบอกว่ากลัวครับ เพราะหากคนร้ายที่ปะปนมากับชาวบ้าน มีการจับตัวประกัน แล้วก็ยึดมัสยิด จากนั้นก็ใช้สื่อ ที่มาทำข่าวและถ่ายทอด ประกาศเจตนารมณ์ ของโจรก่อการร้าย ก็จะทำได้ง่าย เพราะเคยมีกรณียึดมัสยิดกรือเซะที่ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2547 มาแล้ว อีกทั้งสื่อมวลชนที่มาทำข่าวในวันนั้น ยังมีสื่อต่างประเทศ ที่ผมเห็น ก็คือ CNN , AFP , AP, ดูเอาเองเถอะ ถ้าเป็นไปตามแผนของโจรตามที่เราคาดการณ์ไว้ อะไรจะเกิดขึ้น คนทั่วโลกจะต้องรู้หมด และวันนั้นเราอาจจะต้องเสียดินแดนก็เป็นได้ แต่ที่เราคิดทั้งหมด ก็ไม่เกิดขึ้น
การทำงานของพวกเราในวันนั้น ทุกคนที่อยู่บนมัสยิด ต้องแต่งกายให้เข้ากับขนบธรรมเนียนประเพณีของชาวไทยมุสลิม แน่นอนผู้หญิงต้องแต่งกายที่มิดชิด ใส่ผ้าคลุมผม ที่ว่าผ้าฮิญาบ ผู้ชายอย่างผมก็ต้องใส่ผ้าบาเต๊ะ ที่มีลวดลายออกไปทางอินโดนีเซีย อ้อ...เสื้อตัวนี้ผมซื้อที่หาดใหญ่ แถว ๆ ถนนนิพัทธิ์สงเคราะห์ 2 เป็นเสื้อที่ผลิตในประเทศอินโดนีเซีย ตอนนี้ร้านนี้ปิดกิจการไปแล้วไม่รู้ไปขายที่ไหน
วันนั้น โทรทัศน์ช่อง 11 และ วิทยุแห่งประเทศไทย จ.ยะลา ก็ได้ร่วมกันถ่ายทอด ผมได้เห็นการทำงาน ที่น้อง ๆ ทุกคนมีความตั้งใจที่จะทำงานอย่างเต็มที่ ท่านเขต เองก็อำนวยการ ให้งานถ่ายทอดเป็นไปอย่างเรียบร้อย ดูท่านจะชุลมุนสั่งการ คนโน้นคนนี้ คนที่มาร่วมงานบนมัสยิดดูแน่นไปหมด แทบจะไม่มีที่นั่ง ผมกับท่านเขตก็ต้องลงกับพื้น พอผมหันหลังมา ก็พบกับท่าน พล.ท.พลางกูร กล้าหาญ เจ้ากรมกิจการพลเรือน และเสธ.แหลม อ้อ..ชื่อจริงคือ พ.อ.สมควร แสงภัทรเนตร โฆษก กองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุข หรือ กอ.สสส.จชต. ทั้งสองท่าน อยู่ในชุดพลเรือน ก็นั่งอยู่กับพื้นข้างหลังผม เออ..ผมยกมือไหว้แทบไม่ทัน ที่มีผู้ใหญ่ระดับนายพล มานั่งอยู่ใกล้ ๆ
ความจริงผู้ที่จะมาเป็นประธานในวันนี้ ก็คือ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.ซึ่งเป็นชาวไทยมุสลิม ที่ได้ขึ้นเป็นผู้นำทางทหารที่เป็นชาวมุสลิม คนแรกของไทย แต่ท่านก็ไม่ได้เดินทางมาเป็นประธาน แต่ได้ให้ พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ รองผบ.ทบ. มาเป็นประธานแทน ทำให้ผมคิดไปต่าง ๆ นานา ว่า เอะ...ทำไม่ท่านไม่มาทั้ง ๆที่ท่านก็เป็นชาวมุสลิม ที่น่าจะโดนใจผู้ร่วมงานมากที่สุด และก็เป็นงานที่มีชาวมุสลิมมาร่วมงาน ที่เป็นงานใหญ่ ในระดับแกนนำมาร่วมพิธี
การดำเนินงาน ในวันนั้น ต้องบอกว่า สื่อได้มีความคาดหวัง ว่า จะได้พบกับแกนนำผู้ก่อความไม่สงบ และแกนนำขบวนการแบ่งแยกดินแดน แต่เท่าที่ผมสังเกต นักข่าวที่เข้าไปสัมภาษณ์ ผู้มาร่วมงาน กลับไม่มีใครออกมาบอกว่าตนคือแกนนำ เพียงแต่บอกว่าได้เดินทางมาจากต่างจังหวัดเช่น นราธิวาส และปัตตานี เท่านั้น ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเยาวชน ซึ่งการแต่งกายก็ใส่เสื่อที่เป็นแบบง่าย ๆ ไม่ได้ใส่ชุดขาวเหมือนกับผู้ที่มาร่วมงานคนอื่น ๆ ที่อยู่ในจังหวัดยะลา เอาหละ...การรวมพลัง ตามโครงการรักสันติ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่ชาวบ้าน และผู้นำศาสนาออกมารวมพลัง ประกาศเจตนารมณ์ว่า เราจะอยู่อย่างสันติ
แต่การประกอบพิธีในวันนั้น มีกระแสข่าวตลอดเวลาว่า จะมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยไม่มีใครคาดคิดว่า จะมีเหตุการณ์รุนแรงที่อื่น หลังเสร็จพิธี ผมและผู้บังคับบัญชา ก็ได้เดินทางไปยังค่ายสิรินธร อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ซึ่งก็อยู่ใกล้ ๆ กับ อ.เมืองยะลา เพื่อไปรับประทานอาหาร กับ พ.อ.อัคร ทิพโรจน์ โฆษกกองทัพบก หลังรับประทานอาหารเสร็จ ก็ได้มีโอกาสพบกับ พล.ท.องค์กร ทองประสม แม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งท่านก็มารับประทานอาหารในห้องอาหารนั้นด้วย แต่ก็เป็นที่น่าสังเกตว่า แม่ทัพภาคที่ 4 ก็ไม่ได้ไปร่วมพิธีที่มัสยิดแต่อย่างใด ทำให้เรามีความสงสัยว่าทำไมท่านไม่ไป
หลังรับประทานอาหารเสร็จช่วงบ่ายวันที่ 16 กันยายน 2549 พวกเราก็เดินทางกลับ หาดใหญ่ ท่ามกลางความสงสัยว่า ทำไม พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน , พล.ท.องค์กร ทองประสม แม่ทัพภาคที่ 4 จึงไม่ได้เดินทางไปร่วมงาน ที่เห็นก็มีแต่ พล.ท.ไวพจน์ ศรีนวล ผบ.ศรภ. พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ รอง ผบ.ทบ. นายบุญยสิทธิ์ สุวรรณรัตน์ ผวจ.ยะลา นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผวจ.ปัตตานี และกองทัพสื่อมวลชน ทั้งไทย และต่างประเทศ ที่มากันเต็มมัสยิด
เมื่อถึงบ้านพักที่ หาดใหญ่ ผมก็เข้านอนแต่หัวค่ำ ประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง เพราะเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางไป จังหวัดยะลา เมื่อตอนกลางวัน แต่ก็ต้องตื่นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง เมื่อลูกชายคนเดียวของผม ที่อยู่ชั้น ม.4 โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัยเข้ามาบอกผมในห้องนอนว่า เพื่อนโทรมาบอกว่า มีเหตุระเบิดหลายจุด ในหาดใหญ่ จากนั้น คุณประเสริฐ ศรีระสันต์ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย อ.ทุ่งสง ก็ได้โทรศัพท์มาบอกเช่นกัน ว่าบริเวณ ตรงข้ามหน้าร้านอาหารเซาะฮึ้ง 3 ถนนธรรมนูญวิถี ซึ่งเป็นที่ตั้งผับ ดีฟ วันเดอร์ เกิดเหตุระเบิด ทำให้รถตุ๊ก ตุ๊ก ถูกเพลิงไหม้ เสียหายทั้งคัน ผมเหลือบดูนาฬิกา เหตุเกิดเวลาประมาณ 3 ทุ่ม 15 นาที ซึ่งเป็นช่วงที่ จะมีการออกข่าว ภาคค่ำของ ไอทีวี พอดี ทันทีที่ผมทราบเรื่อง ได้รายงานทางโทรศัพท์ให้ท่านเขต ไพฑูรย์ ได้รับทราบเหตุการณ์ในเบื้องต้นทันที เพื่อให้ท่านได้เป็นผู้ตัดสินใจว่า จะทำการประชาสัมพันธ์ในภาวะวิกฤตอย่างไร ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก
ข่าวที่ออกมาช่วงแรก ๆ เป็นที่น่าสังเกตว่า ช่วงเกิดเหตุเป็นช่วงที่ข่าว Hot News กำลังจะออกอากาศ ในเวลา 21.00 น. หลังเกิดเหตุไม่นานก็มีผู้เห็นเหตุการณ์ได้โทรศัพท์ ไปรายงานข่าวในรายการ จากนั้นจึงเป็นเสียงของผู้สื่อข่าวรายงานคือ คุณติชิรา พุทธสาระพันธ์ ทำให้เรามีความสงสัยว่า ทำไมผู้เห็นเหตุการณ์จึงมีเบอร์โทรศัพท์ ที่จะใช้ติดต่อเพื่อใช้ในรายงานข่าวได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเหมือนกับว่า กลุ่มก่อการได้มีการตระเตรียมการที่จะรายงานข่าวไว้เป็นการล่วงหน้า ไว้ก่อนแล้ว เพราะขนาดตัวผมเอง ก็ยังไม่มีหมายเลขโทรศัพท์ ของไอทีวี อยู่ในมือเลย อันนี้เป็นที่น่าสังเกต ว่า กลุ่มโจร ได้มีการเตรียมการไว้พร้อมแล้วที่ จะเผยแพร่ข่าวโดยใช้สื่อมวลชนเป็นเครื่องมือ ที่มีพยายามที่จะแข่งขันกันเอง
การระเบิดครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 หลังจากเมื่อ เดือนเมษายน 2548 ได้มีการระเบิดมาแล้วครั้งหนึ่ง จนทำให้เศรษฐกิจการท่องเที่ยวของอำเภอหาดใหญ่ ต้องตกต่ำลงอย่างน่าใจหาย พอมาเกิดเหตุระเบิดอีกครั้งหนึ่ง แน่นอน เศรษฐกิจของหาดใหญ่ยิ่งตกต่ำลงไปอีก
หลังจากเกิดเหตุระเบิด ไป 3 วัน เวลาประมาณ 21.00 น. วันที่ 19 กันยายน 2549 ที่กรุงเทพ ได้มีการก่อการปฏิวัติรัฐประหาร โดยมี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. เป็นหัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองทรงมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ในขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยังอยู่ที่ประเทศอังกฤษ
ทำให้ความสงสัยของผมที่คิดว่า ทำไม พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. ไม่ได้มาร่วมงานตามโครงการรักสันติ อาจจะเป็นไปได้ว่า จะมีการเตรียมการปฏิวัติ จึงไม่มาร่วมงาน ผมจึงหายสงสัย อย่างสิ้นเชิง และก็ไม่ได้คิดว่าใครเป็นคนวางระเบิดที่หาดใหญ่ ส่วนใครจะคิดว่าใครเป็นคนวางระเบิด ก็แล้วจะพิจารณา นะครับ
///////////////////////////
|