|
ชีวิตนักข่าว....มวลชน กับ จ่าเพียร
ณรงค์ ชื่นนิรันดร์
17 มีนาคม 2553
ที่มา : หนังสือเลือด เนื้อ เพื่อแผ่นดิน จ่าเพียร ตำนานนักรบ นักสู้...แห่งเทือกเขาบูโด
พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นพื้นที่มีความร้อนแรง ของความขัดแย้ง ทางความคิดความเชื่อ มาอย่างยาวนาน การที่จะให้ประชาชนในพื้นที่ยอมรับการปกครอง และร่วมมือกันพัฒนาชาติจึงมีความจำเป็นที่จะต้องสร้างมวลชน ให้มีความเข้าใจ ต่อการบริหารประเทศ ที่จะให้ความเสมอภาค ต่อการเป็นผู้ถูกปกครอง จ่าเพียร หรือในตำแหน่งสุดท้าย คือ พล.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา เป็นผู้ที่มีแนวทางในการสร้างมวลชน ในพื้นที่ มาอย่างยาวนาน และพร้อมที่จะให้ความร่วมมือ ซึ่งพวกเราน่าจะเรียนรู้ เพื่อจะได้นำมาปฏิบัติ ให้เกิดสันติสุข ต่อประชาชนในพื้นที่ และต่อไปนี้ จะเป็นเรื่องมวลชนที่จ่าเพียร ได้สร้างไว้ ผมจึงขอนำบทความ มาให้ท่านได้อ่าน ดังต่อไปนี้
มวลชน
กับ จ่าเพียร
ตำนานนักรบ นักสู้...แห่งเทือกเขาบูโด
สถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นสงครามประชาชน เป็นสงครามแย่งขิงประชาชน ใครได้พวกมาก คนนั้นย่อมชนะสงคราม เป็นคำพูดของจ่าเพียรที่ปลุกเร้าข้าราชการตำรวจผู้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงานและพี่น้องประชาชน จ่าเพียรได้ให้ความสำคัญต่อมวลชนในการสนับสนุนการปฏิบัติงานในหน้าที่ โดยคิดเสมอว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนเกิดความเชื่อถือศรัทธาในตัวบุคคล เพราะความเชื่อถือศรัทธาเป็นส่วนสำคัญยิ่ง ที่จะทำให้ข้าราชการตำรวจอยู่ในพื้นที่อย่างปลอดภัย ได้รับความร่วมมือในการปฏิบัติงาน ตามหน้าที่ให้บรรลุความสำเร็จ จึงกำหนดแนวทางให้ข้าราชการตำรวจทุกคนปฏิบัติงานด้วยความจริงใจ ให้ความเสมอภาคและเป็นธรรม เอาธุระและปัญหาความทุกข์ร้อนของประชาชน เพื่อให้ประชาชนเชื่อถือ เมื่อประชาชนมีความเชื่อถือ ก็พร้อมที่จะเป็นแหล่งข่าวช่วยเหลือตำรวจและทำให้ชาวบ้านคนอื่น ๆ เชื่อถือตำรวจไปด้วย ถ้าตำรวจทุกคนมีคนเชื่อถือมาก ๆ ก็จะทำให้ตำรวจได้รับความรัก ความเชื่อถือ ศรัทธา และความร่วมมือจากประชาชน
จุดเด่นของจ่าเพียร ในงานป้องกันและปราบปรามในพื้นที่บันนังสตา คือ ความจริงใจต่อทุกข์ร้อนของประชาชน รู้จักใช้ศรัทธามวลชน คือ ศึกษาอารมณ์รัก อารมณ์โกรธ อารมณ์เกลียด เข้าใจปัญหาและความต้องการของประชาชน เช่นเมื่อฝ่ายตรงกันข้าม สร้างเงื่อนไขโดยการใช้มาตรการข่มขู่ และวิธีการรุนแรงกับชาวบ้าน จ่าเพียรก็จะเข้าพบ พูดจา ปรับทุกข์ ผูกมิตร ปักหลักชีกชวน ชี้ให้เห็นปัญหา สร้างอารมณ์ให้เกิดความโกรธ ความเกลียด ความแค้น แล้วหยิบยื่นข้อเสนอให้อยากแค้น อยากต่อสู้ จนมวลชนจำนวนไม่น้อยที่ตัดสินใจร่วมต่อสู้ในรูปแบบกองกำลังประชาชน พร้อมปฏิบัติงานเคียงบ่าเคียงไหล่โดยจัดหาอาวุธด้วยตนเอง นำมาสู่การปฏิบัติ
จ่าเพียร ปฏิบัติงานสัมพันธ์กับประชาชนโดยรื้อรวดหนามล้อมโรงพักเพื่อสร้างรวดหนามมวลชนแทน เพราะคิดว่าแข็งแรงกว่าสิ่งกีดขวางจากวัตถุ จ่าเพียรเป็นคนที่ได้รับการยอมรับจากมวลชน ในฐานะที่เคยอยู่ในพื้นที่มาก่อน เป็นที่รู้จักของมวลชนเกือบทั้งจังหวัดยะลา ความได้เปรียบในเรื่องมวลชนทำให้สามารถทำงานได้ผล ไม่ว่าจะเป็นงานป้องกันหรือปราบปราม
การทำงานมวลชนของจ่าเพียร ไม่ได้กำหนดรูปแบบหรือทฤษฎีที่ซับซ้อนมากนัก เพียงแค่มีความตั้งใจจริง แสดงความจริงใจทั้ง ๆ ที่พูดภาษามลายูท้องถิ่นได้เพียงไม่กี่คำ โดยถือหลักว่า การทำให้ประชาชนรักนั้นจะต้อง
1.)ให้ความรักประชาชนอย่างจริงใจ
2.)ให้ความช่วยเหลือตามความสามารถ
3.)ให้ความคุ้มครอง ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินอย่างจริงจัง
4.)เมื่อเขาเผชิญปัญหาก็ไม่ทอดทิ้งและดูแลอย่างใกล้ชิดโดยจัดข้าราชการตำรวจเป็นเพื่อนเป็นผู้ดูแล เป็นพี่เลี้ยง ในการป้องกันและปราบปรามศัตรูของประชาชน
ยุทธศาสตร์การสร้างมวลชนของจ่าเพียร ทำให้ฝ่ายตรงข้ามจะต้องทบทวนยุทธศาสตร์ได้เหมือนกัน เพราะหากฝ่ายตรงข้ามทำรุนแรง ข่มขู่บังคับประชาชน ซึ่งเป็นการสร้างเงื่อนไขที่ไม่ชอบธรรม จ่าเพียร ก็จะตอบโต้และช่วงชิงประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมมาเป็นพวกและขจัดปัญหาให้ประชาชนด้วยความจริงจัง จริงใจ
การสัมภาษณ์มวลชนของจ่าเพียร
นายดอเลาะ กาจะลากี ฉายา เวาะนูเนาะ อายุ 85 ปี ชุมชนบ้านปิยอ หมู่ 4 ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา รู้จักกับ พ.ต.อ.สมเพียร ตั้งแต่ พ.ต.อ.สมเพียร มียศเป็นจ่าอยู่ สภ.อ.บันนังสตา เคยร่วมงานกันทำก่อนเกิดเหตุการณ์ไม่สงบเมื่อปี 2547 ตนพูดจาเรื่องอะไร คนในชุมชนโดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนจะเชื่อถือ หลังเกิดเหตุการณ์ มีขบวนการมาขู่และเผาโรงเรียนบ้านสาคูในตอนกลางวันแสก ๆ โรงเรียนดังกล่าวอยู่หน้าบ้านของตนและขบวนการได้ฆ่าผู้บริสุทธิ์ ต่อมา พ.ต.อ.สมเพียร มารับตำแหน่ง ผกก.บันนังสตา ได้เข้ามาปรึกษา และรวบรวมสมัครพรรคพวกที่รักสงบ ตั้งชุมชนเข้มแข็งขึ้นต่อสู้กับขบวนการ โดยขอให้ พ.ต.อ.สมเพียร ช่วยแนะนำการฝึกอาวุธ จัดหาอาวุธโดยมีตำรวจเป็นพี่เลี้ยง
นายอิสมะแอ กาจะลากี เป็นอ.ส.บันนังสตา อยู่ชุมชนกาจะลากี หมู่ที่ 2 ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา พี่ชายเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ถูกกลุ่มขบวนการฆ่าตายเมื่อวันที่ 29 ก.ย.2550 ถือคติว่า ถ้าไม่สู้ก็รังแต่จะรอวันตาย จึงตัดสินใจสู้ดีกว่าโดยมีกำลังใจจาก ผกก.สมเพียร
นายมายานิง โดยมาดู อายุ 21 ปีอยู่ชุมชนกาจะลากี เคยเข้าร่วมขบวนการกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ เขาฝึกให้เป็น RKK เป็นวาขบวนการปลุกระดมในทางที่ผิด ฆ่าผู้บริสุทธิ์ จึงตัดสินใจออกมาร่วมกับชุมชนเพื่อต่อสู้กับขบวนการ
นายหมู่ใหญ่ ดาโอ๊ะ อายุ 45 ปี เป็น อส.อ.บันนังสตา รู้จักกับ ผกก.สมเพียร มาตั้งแต่เด็ก ๆ บิดาของตนเคยเป็น อส.อ.บันนังสตา หลังเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้น ญาติถูกขบวนการฆ่าตายแล้ว 2 คน เพราะเหตุที่มาเป็อส. ช่วยงานราชการ เห็นว่า ผกก.สมเพียร มีความจริงจังในการปราบปรามผู้ก่อเหตุจึงได้มาให้ข้อมูลข่าวสารกับ ผกก.สมเพียร จนนำไปสู่การปะทะกับโจรหลายครั้ง
ร.ต.ท.ธาม ลอยสะเทื้อน รอง สว.(หน.นปพ.) สภ.บันนังสตา บ้านเดิมเป็นชาวลพบุรี ตั้งแต่ผกก.สมเพียร มาดำรงตำแหน่ง มีความประทับใจ 3 เรื่อง คือ
1.)ความจริงใจ
2.)ความเป็นผู้นำ ผกก.สมเพียร จะนำกำลังออกรบเองทุกครั้ง
3.)เชื่อว่าหากผิดพลาดจากการทำงาน ผกก.สมเพียร จะรับผิดชอบอย่างเต็มที่
ข้าราชการตำรวจ สภ.บันนังสตา มีขวัญกำลังใจ และปะทะกับคนร้าย 7 ครั้ง สามารถยิงคนร้ายได้ 17 ศพ ผกก.สมเพียร สามารถสร้างชุมชนเข้มแข็งจำนวน 3 ชุมชน
1.)ชุมชนกาจะลากี หมู่ 2 ตซบาเจาะ อ.บันนังสตา
2.)ชุมชนปียอ หมู่ 4 ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา
3.)ชุมชนตาเนาะปูเตะ ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา โดยเฉพาะชุมชนนี้ ผู้ใหญ้บ้านถูกโจรยิงตายแล้ว 4 คน คือ
1.)นายยูโซะ
2.)นายสักการียา เวาะเทาะ
3.)นางมาเรียบ
4.)นายมาเร๊ะ โมงยาเด็ง มาพบ พ.ต.อ.สมเพียร เพื่อขออาสาเป็นผู้ใหญ่บ้าน พ.ต.อ.สมเพียร จึงประสานกับนายอำเภอให้รักษาการผู้ใหญ่บ้านไปก่อน ต่อมา นายมาเร๊ะ ถูกโจรยิงตายพร้อมกับ ชรบ.4 ศพ และตัดคอ นายมาเร๊ะ ด้วย พ.ต.อ.สมเพียร จึงได้เข้าปลุกญาติพี่น้องของผู้ใหญ่บ้านทั้ง 4 คน ที่ถูกฆ่าตายแล้ว ชาวบ้านเห็นดีด้วยร่วมมือต่อสู้กับโจร จนเป็นชุมชนเข้มแข็ง
| 
หน้าแรก
สถิติวันนี้ 
สถิติเดือนนี้ 
สถิติปีนี้