ต้นแบบการต่อสู้เพื่อพี่น้องมุสลิม...แห่งเทือกเขาบูโด
17 มีนาคม 2553
ที่มา ; หนังสือ เลือด เนื้อ เพื่อแผ่นดิน จ่าเพียร ตำนาน นักรบ ....แห่งเทือกเขาบูโด
ผลการปฏิบัติงานที่สำคัญ สภ.บันนังสตา จ.ยะลา
1.)วันที่ 1 สิงหาคม 2550 พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ได้รับรายงานจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือว่ากลุ่มโจรก่อการร้าย นำโดย นายสุริมิง เปาะสา กับพวกประมาณ 8-10 คน ได้ปรากฏตัวและประชุมกันที่บ้านไม่มีเลขที่ หมู่ที่ 5 ต.บันนังสจา อ.บันนังสตา จ.ยะลา ของนายอิสมาน บราเฮง เพื่อวางแผนก่อเหตุร้ายในพื้นที่ จึงได้เรียกกำลังประชุมวางแผน เพื่อทำการจับกุมวางแผนเพื่อทำการจับกุมผู้ก่อความไม่สงบดังกล่าว เนื่องจากบ้านเป้าหมายอยู่ภายหมู่บ้าน ถนนดินแคบและเส้นทางเข้าออกถูกโอบล้อมด้วยบ้านของชาวบ้าน ซึ่งอาจเป็นสมาชิกกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบด้วย มีความเสี่ยงที่จะถูกลอบทำร้ายได้โดยง่าย ฉะนั้น จำเป็นต้องอาศัยความรวดเร็ว ว่องไว ทำงานเป็นทีม และปฏิบัติการตามยุทธวิธีโดยเร็วที่สุด ผลจากการปฏิบัติการสามารถสังหารสมาชิกกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบจำนวน 5 ราย ยึดอาวุธได้จำนวน 5 กระบอก และยุทธภัณฑ์ได้จำนวนมาก ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับความปลอดภัย
2.)วันที่ 18 สิงหาคม 2550 เวลาประมาณ 06.00 น.ได้สนธิกำลังเข้าติดตามจับกุมบุคคลเป้าหมายในพื้นที่หมู่บ้านตะโล๊ะซูแม อ.กรงปีนัง จ.ยะลา ได้ยิงปะทะกับกลุ่มโจรก่อการร้ายนานประมาณ 5 นาที คนร้ายเสียชีวิต 1 คน ยึดอาวุธปืนพกขนาด 11 มม. 1 กระบอก ฝ่ายเจ้าหน้าที่ปลอดภัย
3.)วันที่ 30 ตุลาคม 2550 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าทำการติดตามจับกุมกลุ่มคนร้ายที่หมู่ 2 บ้านกือลอง ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา ตามแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือได้ และเกิดการยิงปะทะกับกลุ่มโจรก่อการร้าย ประมาณ 20 นาที ฝ่ายคนร้ายเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ จำนวน 2 ราย ยึดอาวุธปืนพกได้ 1 กระบอกพร้อมยุทธภัณฑ์จำนวนหนึ่ง
4.)วันที่ 29 มกราคม 2551 เวลาประมาณ 06.00 น.ได้สนธิกำลังร่วมกับฝ่ายทหาร และฝ่ายปกครอง จัดกำลังเข้าไปติดตามจับกุมคนร้ายในพื้นที่หมู่บ้านบกาซาแก่ หมู่ 1 ต.บาเจาะ อ.บาเจาะ จ.ยะลา เกิดการยิงปะทะกับกลุ่มโจรก่อการร้ายเป็นเหตุให้ จ.ส.ต.ศรศักดิ์ รักนาย ผบ.หมู่(ป) สภ.บันนังสตาถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต และฝ่ายคนร้ายถูกยิงเสียชีวิต จำนวน 1 ราย ทราบชื่อ นายสุไลมาน อภิบาลแบ เป็นผู้ต้องหาสำคัญตามหมายจับของศาลจังหวัดยะลา หลายคดี
5.)วันที่ 19 เมษายน 2551 โดยในวันที่ 18 เมษายน 2551 ได้รับรายงานจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือว่ากลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ กลุ่มของนายหะยี สการียา หะยีสาเมาะ แกนนำสำคัญของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบกับพวก ประมาณ 13 คน ได้ปรากฏตัวและหลบซ่อนอยู่ในพื้นที่บ้านตือระ หมู่ที่ 8 ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา จึงได้สนธิกำลัง 3 ฝ่าย เข้าทำการปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย ซึ่งการเข้าไปปฏิบัติการกระทำได้อยากลำบาก เนื่องจากมีแนวร่วมผู้ก่อความไม่สงบอยู่เต็มพื้นที่และรอบ ๆ จึงได้ปรับเปลี่ยนยุทธวิธี โดยขนย้ายกำลังข้ามแม่น้ำปัตตานี ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามเป้าหมายเพื่อตัดโอกาสแจ้งข่าว จึงได้ลำเลียงกำลังคนข้ามแม่น้ำปัตตานี โดยใช้แพยางลอยคอเกาะกลุ่มกันไปท่ามกลางกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากและเสี่ยงอันตรายอย่างยิ่ง จากการยิงปะทะต่อสู้กับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในสถานการณ์ที่ไม่ได้เปรียบกับฝ่ายตรงข้าม สามารถสังหารฝ่ายตรงข้าม ได้ 1 คน ชื่อ นายเพาซี อาลีเมาะ แนวร่วมคนสำคัญที่ก่อเหตุมาหลายพื้นที่
6.)วันที่ 23 พฤษภาคม 2551 เวลาประมาณ 06.30 น. ได้สนธิกำลังเข้าไปติดตามจับกุมคนร้ายในพื้นที่บ้านบาเจาะ ม.2 ต.บาเจาะ จ.ยะลา และเกิดการยิงต่อสู้กัน เป็นเหตุให้คนร้ายเสียชีวิต 1 ศพ ชื่อ นายมะ แวดอนิ อายุ 24 ปี สามารถยึดอาวุธปืนสั้น ขนาด 9 มม.ได้จำนวน 1 กระบอก และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บจำนวน 8 นาย
7.)วันที่ 23 มิถุนายน 2551 ได้รับรายงานจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือได้ว่ามีกลุ่มก่อความไม่สงบ ที่ได้ก่อเหตุซุ่มโจมตีเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนชุดพลร่ม เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต 1 นาย และบาดเจ็บ จำนวน 5 นาย ได้หลบซ่อนตัวอยู่หลังหมู่บ้านกลาง หมู่ 3 ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา จึงได้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร อส. เข้าติดตามจับกุมผู้ก่อความไม่สงบ โดยจัดกำลังชุดปฏิบัติการ 4 ชุด ต่อมาเมื่อเวลา 06.15 น.ชุดปฏิบัติการที่ 3 ได้ยิงปะทะต่อสู้กับกลุ่มของคนร้ายเป็นเหตุให้ฝ่ายตรงข้ามเสียชีวิต 1 ราย ชื่อ นายมะรอมลี อัตราช เวลา 07.00 น. ชุดปฏิบัติการ ที่2 ยิงปะทะต่อสู้กับกลุ่มคนร้ายเป็นเหตุให้ฝ่ายตรงข้ามเสียชีวิตอีก 1 ราย ชื่อ นายกอเซ้ง อภิบาลแบ การยิงปะทะดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง จนถึงเวลา 12.00 น. จึงได้ขอสนับสนุนกำลังจากหน่วยใกล้เคียง และสามารถสังหารผู้ก่อความไม่สงบเพิ่มขึ้นอีก 4 นาย ทราบชื่อ นายมูฮามัดสะกี กาโงะ นายอิสมาแอ อาลีมามะ นายแวอาลี สะมะแอ และนายดอรี ดาลอ ฝ่ายเจจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 4 นาย
วิเคราะห์บทเรียนความสำเร็จของจ่าเพียร
1.)ภาวะความเป็นผู้นำในสถานการณ์วิกฤติ
1.1เป็นผู้นำหน่วยตามความหมายของการนำหน่วย
ถ้าแม้นว่า จ่าเพียร จะได้รับการเลื่อนยศจากชั้นประทวน เป็นชั้นสัญญาบัตร โดยมีความชอบพิเศษ แต่จ่าเพียร ได้เพียรพยายามศึกษาอบรมจนจบปริญญาตรี ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน เมื่อเป็นผู้นำหน่วยเป็นผู้ที่รู้จักใช้ทั้งศาสตร์ทั้งศิลป์ในการจูงใจ และอำนวยการให้ปฏิบัติภารกิจสำเร็จ โดยมีวินัย เชื่อฟังอย่างเต็มใจ มีความมั่นใจ เชื่อถือศรัทธา และร่วมมืออย่างจริงใจ
จ่าเพียร ไม่เคยอาศัยยศตำแหน่งเพื่อสร้างโอกาส ใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงประโยชน์ หากเป็นผู้นำความคิด การปฏิบัติและจิตวิญญาณของตำรวจและประชาชนอย่างแท้จริง
1.2ยึดมั่นในความสำคัญของผู้นำ
เป็นผู้ที่รับผิดชอบต่อความสำเร็จและความล้มเหลวของหน่วยวางตนเป็นแบบอย่าง เข้าใจผู้บังคับบัญชา มีภาวะความเป็นผู้นำสูงในภาวะวิกฤติทั้งการบริหารและการรบ เป็นหัวใจหลักของหน่วยที่ขับเคลื่อนแนวความคิดและการปฏิบัติให้บรรลุผลสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ
1.3เป็นผู้นำแบบประชาธิปไตย
แสดงออกโดยการปกครอง โดยถือเกณฑ์ส่วนใหญ่ ยอมรับรับฟังความคิดเห็นส่วนรวม ทำงานเป็นทีม มีการสื่อสาร 2 ทาง และคิดถึงผลผลิตและความพึงพอใจในการทำงาน จึงทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชารักใคร่ เชื่อถือยอมปฏิบัติตามคำสั่ง แม้นแต่เสี่ยงชีวิตก็ยอม
1.4มีคุณลักษณะสมเป็นผู้นำหน่วย
เป็นผู้รู้ทันเลห์กลฝ่ายตรงข้าม รู้จักวิเคราะห์ ขยันขันแข็งรอบคอบในการตัดสินสั่งการ เที่ยงตรง รู้จักไตร่ตรอง องอาจ และชำนาญการยุทธ์บุคลิกภาพสง่างาม มีจิตใจรักความเป็นธรรม ใครขยันเขารับทราบ ใครเดือดร้อนเขาล่วงรู้ รู้จักใช้ปราชญ์ ผู้สามารถ และใจกว้าง เก่งกาจ ในการแก้ปัญหา
2.วิธีการทำงานให้บรรลุผลสำเร็จ
จ่าเพียร มีสไตล์การทำงานที่สามารถวิเคราะห์ได้ว่าเป็นผู้นำหน่วยที่เหมาะสมและโดดเด่นในสภาวะที่ไม่ปกติ กล่าวคือ
2.1 เป็นผู้นำหน่วยด้านยุทธวิธี คือ
· สามาถนำหน่วย ที่มีสติปัญญาหลักแหลมมีความเที่ยงธรรม เมตตา กล้าหาญ เข้มงวด และมีความพร้อมรบ
· สามารถพลิกแพลงทางยุทธวิธี คือรู้งานในหน้าที่ รู้ยุทธวิธีฝ่ายเขาและฝ่ายเรา มีวินัยและมีความเป็นผู้นำหน่วยรบสูง
· สามารถใช้เครื่องมือการนำหน่วยได้อย่างสมบูรณ์ คือรบโดยความคิด(สมอง) และมีความเคลื่อนไหว(เท้า)
2.2 เป็นผู้นำในการปฏิบัติงานมวลชน
สามารถปฏิบัติตามยุทธศาสตร์พระราชทานได้อย่างแยบยล โดย
· เข้าใจ โดยการศึกษาพื้นที่ ศึกษาประชาชน ศึกษาฝ่ายตรงข้ามถึงปัญหาและทางแก้
· เข้าถึง โดยการศึกษาความเป็นจริง ความคิดความเชื่อ และจิตใจพี่น้องประชาชนมุสลิมในพื้นที่ จนสามารถเข้าถึงและเอาชนะจิตใจได้
· พัฒนา โดยการพัฒนาทัศนคติ พฤติกรรมของข้าราชการตำรวจและประชาชนให้มองข้ามผ่านอคติ ต่าง ๆ ต่อประชาชนชาวมุสลิม และส่งเสริมให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสมอภาคและเป็นธรรม เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์และความร่วมมือจากประชาชน
2.3 เป็นผู้บริหารหน่วย
สามารถทำหน้าที่บริหารระดับกลางของหน่วยภายใต้งานการบริหารคน เงิน งบประมาณ และสถานที่ โดย
· การปกครองบังคับบัญชา เป็นคนที่รู้เหนือกว่า อดทนกว่า ความสามารถมีมากกว่า และทำงานมากกว่าคนอื่น
· งานฝ่ายอำนวยการ สามารถทำงานฝ่ายอำนวยการได้เองและสอนคนอื่นได้
· งานบริการ สามารถให้การบริการและให้ความปลอดภัยต่อผู้ใต้บังคับบัญชา อย่างไม่มาก ไม่น้อย ดูดี และเหมาะสม
2.4 มีความเป็นครูในการถ่ายทอดต่อผู้ใต้บังคับบัญชา
สามารถเป็นนักพูด และเป็นนักฟังที่ดีในโอกาสต่าง ๆ
3.ลักษณะเด่น ที่เป็นปัจจัยส่งเสริมให้เกิดความสำเร็จ
3.1ยึดถือการปฏิบัติงานแบบเรียบง่ายและยึดหลักพื้นฐาน ไม่ใช้หลักการหรือทฤษฎีที่สูงเกินไป โดยเฉพาะการแปลงยุทธศาสตร์และนโยบายไปสู่การปฏิบัติแบบง่าย ๆ และถามตนเองเป็นใคร ทำหน้าที่อะไร ปฏิบัติงานเสร็จหรือยัง
3.2 เป็นคนที่ติดดิน (เตะพื้นสัมผัสดิน) หมายถึง เป็นคนที่ศึกษาเพื่อเข้าใจพื้นที่ มวลชน ฝ่ายตรงข้าม และปัญหาเสมอ ๆ
3.3 เป็นคนเกาะติดงาน รักงาน ใส่ใจงาน สนใจในงาน และทำงานให้สมบูรณ์เป็นเลิศ มีมาตรฐานของความสำเร็จ
3.4 เป็นคนชอบท้าทายต่อการเปลี่ยนแปลง ยอมรับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง ได้รู้วิกฤติ รู้โอกาส ยอมผ่อนรับ ผ่อนรุก ไม่ติดซ้ำซากวิธีเดิม
3.5เป็นคนใฝ่รู้ ใฝ่เรียน (ลับมีดให้คมเสมอ) พัฒนาตนเองเสมอ ต่อเนื่องเรียนรู้ตลอดชีวิต
๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘
|