ชีวิตนักข่าว....ตอนดาบชัยวร นักฆ่ายกโรงพัก ณรงค์ ชื่นนิรันดร์ นักประชาสัมพันธ์ 8 25 พ.ย. 2550
ชีวิตนักข่าวของผม โลดแล่นในสังเวียนข่าวบ้านนอก ก็มีเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟัง วันนี้เป็นเรื่องของการฆ่ายกโรงพัก ชนิดที่เรียกว่าสติแตก ตอนนั้นผมทำงานเป็นผู้ช่วยประชาสัมพันธ์จังหวัดชุมพร ตำแหน่งทางราชการคือ นักประชาสัมพันธ์ 6 หรือที่เขาเรียกกันว่า ซี 6 นั่นแหล่ะ ตำแหน่งเล็ก ๆ ไม่ใหญ่ไม่โต ตอนนั้น หัวหน้าของผม แค่ซี 7 สมัยนี้เป็นซี 8 หมดแล้ว ผมจำได้ว่าประชาสัมพันธ์คนนั้นคือ คุณยุทธพงศ์ แตงอ่อน ตอนนี้กลับบ้านไปเลี้ยงหลานแล้วเพราะแกเกษียณอายุไปนานแล้ว วันนั้นผมกับหัวหน้า ไปทำข่าวในพื้นที่ อำเภอสวี เข้าไปในไร่กาแฟ ค่อนข้างลึกโทรศัพท์มือถือก็ไม่มีสัญญาณ จึงไม่ค่อยรู้เรื่องภายนอกว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อเสร็จภารกิจ พวกเราก็ออกมา ขณะที่ผมกำลังขับรถออกมาถนนใหญ่ ก็มีโทรศัพท์มาบอกว่า มีตำรวจฆ่ากันตายที่โรงพักหลังสวนชนิดตายยกครัว เวลาตอนนั้นก็เกือบเที่ยงแล้ว ผมจำได้ว่าเป็นวันที่ 11มิถุนายน 2540 ผมรีบกลับรถยนต์มุ่งหน้าไปอำเภอหลังสวนทันที (มีรายละเอียด ในข่าว : http://www.narongthai.com/ana997.html )
ผมขับรถถึงโรงพักอำเภอหลังสวน ก็ใกล้เที่ยง โรงพักหลังสวนเงียบงันราวกับป่าช้าเพราะทุกอย่างถูกปัดกวาดไปหมดแล้ว รวมทั้งคราบเลือดต่าง ๆ ผมเดินตรงไปที่จุดแรกที่ชั้นล่างของโรงพัก ตำรวจที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ประมาณ แปดโมง เช้า กำลังจะเคารพธงชาติ เหมือนเช่นทุกวัน ดาบชัยวร หิรัญวดี อายุ 40 ปีเศษ ไม่รู้มาจากไหน ใช้ปืนไม่ทราบขนาด ยิงสารวัตร ยศพันตำรวจโท ตายคาที่ 2 นาย เหตุเกิดบริเวณชั้นล่างของ โรงพัก ความสติแตกของดาบชัยวร ยังไม่หยุดแค่นั้น เขาพร้อมด้วยอาวุธปืนคู่กายไม่น้อยกว่า 2 กระบอก วิ่งขึ้นบนชั้น 2 ของโรงพักซึ่งเป็นห้องพักของสารวัตรใหญ่ แต่วันนั้นสารวัตรใหญ่ยังไม่มาทำงาน จึงรอดเงื้อมมือสังหารอย่างหวุดหวิด ถึงแม้นดาบชัยวรจะสติแตก แต่เขาก็จำเพื่อนของเขาได้ เพื่อนคนนั้นพยายามที่จะห้ามปราม เมื่อเขาเห็นท่าไม่ดี จึงหลบไปโดยที่ดาบชัยวร ไม่ทำอันตรายแต่อย่างใด ความระห่ำไม่หยุดอยู่เพียงนั้น เขาวิ่งพุ่งเข้าไปยังห้องธุรการ ที่อยู่ชั้นบน ติดกับห้องสารวัตรใหญ่ ชัยวรกราดยิงไปทั่วห้อง ตรงนี้ ตำรวจที่เป็นเพื่อนร่วมงานตายอีก 4 นาย หนึ่งในจำนวนนี้ ผมเคยรู้จักเพราะเคยอยู่ภูเก็ตด้วยกัน ตำรวจทั้งหญิงและชาย ที่อยู่ในห้องทำงาน ต่างหนีกระเจิดกระเจิงราวกับผึ้งแตกรัง ต่างคนต่างกระโดดลงชั้นล่างทางหน้าต่างด้านหลังห้อง ตกลงบนหลังคา ร่างทะลุหลังคาห้องจราจร ร่วงกระแทกพื้นได้รับบาดเจ็บสาหัส หลายคน แต่ก็รอดตายอย่างหวุดหวิด ชนิดมัจจุราชยิ้มให้
ดาบชัยวร ยังคงอยู่บนชั้น 2 ของโรงพัก เขาสามารถมองเห็นภายนอกได้ แต่คนที่อยู่ข้างนอกไม่สามารถมองเห็นเหตุการณ์ข้างในได้ เพราะกระจกติดฟีล์มกรองแสง ดาบชัยวรสามารถยึดโรงพักหลังสวนได้อย่างสิ้นเชิง ดาบชัยวร เป็นตำรวจ นปพ.หรือ หน่วยปฏิบัติการพิเศษ เขายิงปืนแม่นมาก ขนาดตำรวจที่ยืนหลบอยู่หลังกำแพงอาคารที่ดินอำเภอหลังสวน ห่างไปประมาณ200 เมตร ดาบชัยวร ก็ใช้ปืนยิงขาที่โผล่ออกมา โดนซะด้วย แม่นจริง ๆ
ดาบชัยวร ยึดโรงพักอยู่ประมาณ 2 ชั่วโมง พลันมีเสียงปืน ขึ้นมา 1 นัด ทุกอย่างก็อยู่ในความเงียบงัน ตำรวจที่รออยู่แล้วต่างก็กรูเข้าไปในโรงพัก ทุกคนต้องตกตลึง เพราะตรงหน้าชั้นล่างของโรงพักหลังสวน นายตำรวจ นอนจมกองเลือด หายใจรวยริน ใกล้สิ้นใจ อยู่ 2 นาย ส่วนดาบชัยวร ใช้ปืนกระบอกเดียวกัน สังหารตัวเอง ดับ สติแตกของตน บนชั้นสองของโรงพักหลังสวน
ผมวนเวียนไปทำข่าว ที่โรงพักหลังสวน หลายครั้งเพื่อหาข้อเท็จจริงว่าทำไม ดาบชัยวร ถึงได้สติแตก ฆ่าตำรวจยกโรงพัก จากการสอบสวนได้ความว่า ก่อนเกิดเหตุ ดาบชัยวร เป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยพูดหรือสุงสิงกับใคร ความที่เป็นคนที่เก็บตัวเงียบของดาบชัยวร ทำให้เพื่อน ๆ รวมทั้งตำรวจรุ่นน้อง ๆ พูดจาหยอกล้อต่าง ๆ นานา ชนิดแบบไม่ให้เกียรติ ดาบชัยวร ก็ไม่ตอบโต้ เก็บความแค้นสะสม เรื่อยมา จนกระทั่งมีอยู่ครั้งหนึ่ง ผู้ต้องหา ที่ถูกจับได้ ได้ฝากสิ่งของมีค่ารวมทั้งเงิน ประมาณ หมื่นบาท ไว้กับดาบชัยวร ตำรวจบนโรงพักก็กล่าวหาว่า ดาบชัยวร อมของกลาง ในที่สุด สารวัตรใหญ่ จึงย้ายดาบชัยวร ไปเฝ้าธนาคารนครหลวงไทย สาขาหลังสวน เพื่อให้ดาบชัยวร ได้อยู่อย่างสบาย แต่ดาบชัยวรก็ไม่ชอบที่จะไปนั่งตบยุงในธนาคาร เพราะแกเป็น นปพ. คุ้นเคยกับป่าเขา ดาบชัยวรจึงขอย้ายตัวเอง ไปอยู่ที่จังหวัดพังงา ที่เป็นบ้านเกิดเมืองนอน แต่ก็ไม่ได้ย้าย ยิ่งทวีความไม่พอใจ ในตัวผู้บังคับบัญชา และเพื่อนร่วมงาน ที่ดูเหมือนกลั่นแกล้ง
ความกดดันที่สะสม ต่อดาบชัยวร กระหน่ำหนักมากขึ้นเรื่อย ๆ ยากที่จะหาทางออก ในสมองของดาบชัยวร สับสน ต่อการกระทำของเพื่อนร่วมงาน จนยากที่จะอดกลั้น เช้าวันนั้น ดาบชัยวร พร้อมด้วยอาวุธคู่กาย เดินมุ่งหน้าสู่โรงพักหลังสวน ฆ่าทุกคนที่ขวางหน้า จนตายทั้งหมด 7 ศพ รวมทั้งตัวเองด้วย จนดังเป็นข่าวไปทั่วประเทศ
เหตุที่เกิดขึ้นเป็นข้อสติเตือนใจ ต่อการปฏิบัติตัวของผู้บังคับบัญชา และเพื่อนร่วมงาน อย่ากดดันเพื่อนร่วมงาน ชนิดพร้อมกันกดดัน จนทำให้เพื่อนร่วมงานไม่มีพื้นที่ยืนอยู่ในสังคม การพูดกระแนะกระแหน กระทบกระเทียบโดยไม่ตั้งใจ ฆ่าคนตายทั้งเป็นมานักต่อนักแล้ว การพูดอะไรออกไป ต้องระมัดระวัง คำพูด อย่าพูดชนิดสนุกปาก มันปาก โดยไม่คิดถึงจิตใจผู้อื่น ที่จะต้องเจ็บปวด จนเกิดผลสะท้อน มุมกลับที่รุนแรง เกินที่เราคาดคิด สาเหตุนอกจากนี้ ยังสันนิษฐาน ต่าง ๆ นานา ถึงอาเพสในสิ่งที่มองไม่เห็น เหนือปาฏิหาริย์
นักข่าวที่เล่นข่าวนี้ ก็หันไปเล่น ประเด็นพระพุทธรูปที่ประดิษฐานที่หน้าโรงพัก หันหน้า ชนกับศาลพระภูมิ โดยในข่าวบอกว่า พระพุทธรูปที่อยู่หน้าโรงพัก เป็นพระพุทธรูปสมัยศรีวิชัย โจรเคยขโมยไป แต่เอาไปไม่ได้เลยทิ้งไว้กลางทุ่งนา ชาวบ้านเห็นเข้าก็เลยให้ตำรวจมาเอาไป แต่ตำรวจหลังสวนแทนที่ จะนำกลับไปประดิษฐานที่วัด กลับนำพระดังกล่าว ไปไว้ที่ชั้น 2 ของโรงพัก จนสารวัตรใหญ่ คนนี้มาอยู่ จึงมีการสร้างศาลาหน้าโรงพัก เพื่อนำพระพุทธรูปไปประดิษฐานไว้ โดยหันหน้าพระพุทธรูปไปทางตะวันออก จะด้วยเหตุบังเอิญหรือไม่อย่างไร ตรงกันข้ามศาลา กลับเป็นที่ตั้งศาลพระภูมิ ซึ่งอยู่ตรงหน้าพระพอดี และอาจจะเป็นสาเหตุของอาเพส ของการฆ่าครั้งนี้ อันนี้เป็นข่าวเล็ก ๆ ต่อท้ายข่าว ลงในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
สิ่งลี้ลับ จะเป็นสาเหตุหรือไม่ ผมไม่ขอออกความเห็น แต่ผมก็อยู่บริเวณนั้นกับผู้สื่อข่าวด้วย ซึ่งพวกเขาจะเล่นในประเด็นนี้ ความคิดของผม ก็บอกเขาว่าก็แล้วแต่ หนังสือพิมพ์ถ้าลงข่าวแบบนี้ก็คงขายได้ ก็ลองดู รุ่งขึ้นผมก็ได้อ่านข่าว เขาส่งไปลงจริง ๆ ผับผ่า มันเอาจริงว่ะ .......
* * * * * * * * * * * * * *
|